ฝกตกพรำๆมาตั้งแต่เช้ามืดแล้ว เสียงน้ำตกกระทบพื้นดิน หลังคาตึก อ่างเลี้ยงปลาตรงระเบียงห้อง ปลาทอง 9 ตัวที่ผมเลี้ยงไว้ ผมเพิ่งซื้อมาเพิ่ม....เมื่อเดือนก่อนผมไปทำงานต่างจังหวัด 3-4 วัน กลับมาพบกับความตายบนระเบียง.....มันลอยฟ่อง ท้องอืดตาเหลือกกระจายเกือบเต็มอ่างดินเผาสีแดงอิฐ....ปลา 6 ตัวที่ผมเลี้ยงร่วมปีกว่า ตั้งแต่ตัวเท่าข้อนิ้วชี้...พวกมันจากไป....ทุรนทุรายดิ้นรนกระเสือกกระสน...ขาดอากาศหายใจ...เหลือเพียงผู้รอดชีวิต 3 ตัว.....ปลาที่ผมฝูมฝักมากับมือ...ตายเพราะปั๊มน้ำหลุดจากปลั๊กด้วยความเลินเล่อของผมเองในวันที่ผมก้าวออกจากห้อง.....ผมคุ้นเคยกับความสูญเสีย......
นัสหายไปสองสามวัน....ไม่โทรมาเหมือนเคย...เมื่อเวลาอยากระบายว่าเขากับป่านไปถึงไหนกันแล้ว....คงยุ่งกับงานใหม่ด้วยสินะ...คิดไปก็สงสารเขาเหมือนกัน...
--เหอะ...เพื่อนสนิท...แทงใจแกดีจริงเลยนะ...เพื่อนแสนดี ไม่เคยปริปากก่นด่า (ถ้าไม่ใช่เพราะเหลือทน) ได้แต่ปลอบโยน ให้กำลังใจ ชี้ทางออก และก้มหน้ารับความบอบช้ำของหัวใจตัวเอง...แค่วันเดียว...ใครจะทำใจได้วะ....ไม่ใช่ปลาบนจานเปลที่นึกจะพลิกแล้วไม่รู้สึกรู้สาอะไร...หัวเสียไปทำไมวันนี้วันหยุดแท้ๆ ....ให้หัวใจกับหน้าที่ทำงานของมันไปเหอะผมใจลอยคิด...ตาจับจ้องรายการทีวีไปเรื่อย...
นัสไม่โทรมาหรอก...วันหยุดสุดสัปดาห์...เขาไม่เคยโทรหาผมแต่ไหนแต่ไรแล้ว...ตั้งแต่ทิมยังอยู่เมืองไทย...จนทิมไปทำโปรเจคที่ญี่ปุ่นเมื่อ 6 เดือนก่อน...ผมได้แต่คาดหวังว่านัสจะโทรหา....มีเวลาให้กิ๊กอย่างผมมากขึ้น...แต่ก็สูญเปล่า...
เรื่องผ่านไปแล้วจะรื้อซากความทรงจำขึ้นมาทำไม....ใช่เขาจะหันกลับมาเหลียวมอง....
เสียงโทรศัพท์มือถือกระตุกผมกลับจากภวังค์ความหลัง.....โน่..นิหว่า...รุ่นน้องสมัยเรียนมหาลัย...ผมเจอเขาเมื่อปี กลายด้วยความบังเอิญ....และบังเอิญที่เราต่างคนต่างไม่ปิดว่าเลือกเส้นทางไหนเดิน....
พี่อี้...ว่างคุยปะ โน่เริ่มเรื่อง...น้ำเสียงร่าเริงอย่างที่มันเป็น....
ว่างดิ มีไรว่ามา ผมกำลังเปลี่ยนช่องมาดูการ์ตูนช่อง 9
ผมอยากบอกพี่อะไรสักอย่าง ไม่รู้พี่จะรับฟัง เป็นที่ปรึกษาชีวิตให้ผมได้ไหม น้ำเสียงเจ้านี้แปลกปร่าไป...ความร่าเริงหายไปทันตา
ว่าไป...ถ้ามันทำให้เราสบายใจขึ้น และเกินกำลังของพี่ ผมหยิบกูลิโกะป๊อกกี้เข้าปาก....ขนมปลอบใจผมหละ...
พี่จำได้ไหม....วันก่อนที่ผมไปตรวจสุขภาพประจำปีที่โรงบาลแถวบ้านนะ...ผม...ผม... มันพูดแปลกๆเข้าไปอีก ขาดหายเป็นห้วง
มีไรว่าไปดิ ความสงสัยกำลังครอบงำสมองผม....
พี่อี้....ผมติดเชื้อHIV...
..............................
โน่เป็นรุ่นน้องที่ผมเห็นเขาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย...เด็กต่างจังหวัด..ขยัน...อดทน...หน้าไทย คมเข้ม...ผมรู้สึกตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักแล้วว่า ยังไงเสีย....เขาไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ เพียงแต่ตอนนั้น เขายังไม่ค้นพบตัวเอง...แต่เมื่อ 2 ปีก่อน เขาพบความจริงนี้เข้า...ความคิดแรกคือ...ฆ่าตัวตาย...แต่เขาก็หยุดมันไว้ได้ทันเวลา....หลังจากนั้นชีวิตที่เหลือก็เหมือนตัวละครในนิยายสีรุ้งน้ำเน่าท่องราตรีทุกวัน-ใช้ร่างกายเป็นเครื่องแลกความสุขชั่ววูบให้ได้มากเท่าที่ตัวเองต้องการ-ท่องไซเบอร์เพียงเพื่อมีคนข้างกายบนเตียงเพียงสองสามชั่วโมง-ประชดชีวิต....
ผมเคยอิจฉาน้องคนนี้ไม่น้อย...ผู้ชายหน้าตาดีที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา...เที่ยวเธคเป็นได้...เที่ยวซาวน่าเป็นกวาด...เวบแคมเป็นไม่พลาด...ผมสิจืดชืด ไร้รส ไร้สี...โน่มีทุกอย่างที่ใครหลายคนอยากได้ แม้นแต่ผม...
สมควรแล้วที่ผมจะต้องชดใช้มัน โน่สารภาพความในใจ....
เขาเล่าว่ากับแฟนคนแรก...ไม่เคยป้องกัน แต่กับคนอื่นที่ผ่านมา เขาป้องกันตลอด...สายไปแล้วที่จะหาต้นเหตุ...ผมเป็นห่วงเขามาก....เมื่อเห็นเขาใช้ชีวิตกลางคืนกับดอกไม้ริมทางไม่เว้นแต่ละวัน...สนุก...มันส์...นับแต้ม...สถิติ...เอาชนะ...กลรักเกมส์ระเริง...ผมเตือนให้เขาไปตรวจสุขภาพบ้าง...เขาปฏิเสธ...บ่ายเบี่ยง...ขัดขืน...แต่สุดท้าย...ต้องไปเพราะได้งานใหม่ในสายการบินแห่งหนึ่ง....ผมรู้ดีว่าทำไม...ความจริงเป็นสิ่งน่ากลัว....ไม่ว่าใครที่เอาชีวิตพัวพันคนแปลกหน้าได้ทุกวัน...ต่างหวาดหวั่นผลตรวจสุขภาพเหมือนคำพิพากษา...ถึงคุณจะป้องกันก็ตาม...
ผมให้กำลังใจ....ให้คำสัญญารักษาความลับนี้ไว้....เป็นเข็มทิศชีวิตให้เขานับจากวันนี้ไป...
พี่น่าจะภูมิใจนะ....ในชีวิตมีคนไว้ใจ....ขอคำปรึกษาให้เป็นคนนำทางถึง 2 คน แต่ผมสิ สุดท้ายไม่เคยมี ไม่ทำประโยชน์ให้ใคร และจะไม่มีวันอีกแล้ว โน่ทิ้งท้ายไว้แค่นั้น....
55555.....น่าสมเพช...5555...คนดีของสังคม....เป็นได้แค่เองเหรอ.....55555555............
เสียงหัวเราะเยาะนั้นบาดลึกหัวใจผมสิ้นดี....ที่ปรึกษา...ผู้นำทาง...ผมเป็นมาเกือบครึ่งชีวิตแล้ว...ตั้งแต่มัธยมเวลาใกล้สอบเพื่อนฝูงจะวิ่งเข้ามาเพราะผมเรียนดี...ติวหนังสือก่อนสอบ...ยืมสมุดโน๊ต...สมัยมหาลัยกงเกวียนยังซ้ำรอย...เวลากินข้าว ทำกิจกรรม ทำรายงาน ดูหนัง...ผมทำคนเดียว...คนรอบข้างไปไหนหมดละ...ทุกคนเก็บผมไว้ในชั้นวางหนังสือ...เข้าทำงาน เกวียนเล่มนั้นยังเคลื่อนตัวมาทับรอยเกวียนเก่า...
....ไม่อยากเป็นที่ปรึกษา เพื่อนสนิท คนไว้ใจ หรืออะไรทั้งนั้นแล้ว....คู่ชีวิต...ผมต้องการสักคน ผมอยากตะโกนใส่โลกใจแคบใบนี้....
แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น....คน 2 คนเดินมาบอกเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตกับผม คนหนึ่งคือคนที่ผมรักและผูกพันธ์ คนหนึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่ผมเป็นห่วงและรักเหมือนน้องแท้ๆ
คนหนึ่งคือคนที่ผมรักและผูกพันธ์ ในหน้าที่เพื่อนสนิทผมดีใจ...ยังไม่สูญเสียเขาไปจากชีวิต
คนหนึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่ผมเป็นห่วงและรักเหมือนน้องแท้ๆ เข็มทิศชีวิต ผมเป็นที่พึ่งให้เขาได้
แต่....ทำไมถึงต้องเป็นเวลานี้...ในวันที่ผมเองยังไม่พร้อม....สูญเสียรักที่คาดหวัง...แต่ได้เพื่อนสนิทกลับมา...สูญเสียรุ่นน้องที่ร่าเริงและมั่นใจ...แต่ได้เพื่อนชีวิตเศร้าซึมกลับมา...
--------------หยุดเถอะ....ให้หัวใจและหน้าที่ทำงานไป----------------
หนุ่มสูงโปร่งใส่เสื้อโปโลสีดำสะพายกระเป๋าโน๊ตบุ๊คหันกลับมาหาผม.... เรียบร้อยแล้ว...ไปหาไรกินกันเหอะ...หิวมากเลยยังไมได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยง.....แถวนี้มีไรน่าสนใจมั้ง นัสเพิ่งวางสายจากเพื่อนร่วมงาน
นัสเป็นแบบนี้เสมอ...คิดไว ทำไว ใจร้อน....หมกมุ่นกับงานตั้งแต่ตื่นนอนจนลืมกินข้าวกินปลา เช้ารีบขับรถออกจากบ้าน อาหารเช้าแค่นมกล่องกับธัญพืชแท่ง บางวันแทบไม่มีอะไรตกถึงท้องจากเช้าจรดเย็น....ดีหน่อยก็ไปกินข้าวกับเจ้านาย หรือเลี้ยงลูกค้ารายใหญ่ มีบ้างที่ได้กินเป็นมื้อกับลูกน้องยามออกเยี่ยมลูกค้า แต่ไม่พ้นอาหารขยะฟาสฟูดทั้งหลายเพราะหาง่ายตามสถานที่ดูงานของเขา.....เจ้านายทุกคนรักเขา....คนทำเงินของบริษัท
น่าเป็นห่วง...ถ้าเขายังใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่ห่วงสุขภาพตัวเอง...เอาแต่ใช้ร่างกาย ถึงจะอัดวิตามินสักสามสี่ขนานต่อวัน ก็ไม่ช่วยชดเชยได้มากเท่ากินอาหารครบมื้อ...เขาพยายามทำงานเพื่อบ้าน เพื่อทิม...เขาจะเคยคิดบ้างไหมว่าทำไปจนตัวตาย...สุดท้ายไม่ได้ใช้...เดินทางสายกลางเถอะ.....มนัส...สุขภาพหาซื้อไม่ได้ตามซุปเปอร์มาเก็ต...ไหลไปเหมือนสายน้ำไม่หวนคืน...อย่ารอให้ถึงวันนั้น
ราเมงเทอิ...สายๆแบบนี้คนบางตา เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น ร้านนี้จะคนแน่นช่วงเที่ยงกับเย็นเท่านั้น........เราเลือกมุมลับตาคน...ความเป็นส่วนตัวเท่านั้นที่เราจะคุยกันได้ ถกเถียงกันสะดวก...
คุยกับหมอแล้ว...ดูนัสยังไม่สบายใจเท่าไหร่เลยนะ ผมหยุดคำพูดไว้เท่านั้น....พนักงานสาวนำชาร้อนกับโซดาวางบนโต๊ะญี่ปุ่น....
อืมม...ยังคาใจยังไงไม่รู้ เราพยายามเล่าให้ดูตลก เพราะหมอถามละเดียดมาก ทุกขั้นตอน แต่หมอไม่ฮาเลยวะ ก็เข้าใจนะ มันคือหน้าที่ของหมอ เราแค่ไม่อยากให้บรรยากาศมันดูซีเรียสเกินไป เขามองผ่านมูลี่ไม้
แล้วหมอแนะนำยังไง
ต้องไปตรวจHIV-PCR มันเป็นการตรวจหาตัวเชื้อหลังจากสัมผัสโรคโดยที่ภูมิยังไม่ขึ้น ใช้เวลาไม่เกินสองวัน....ต้องถามป่านด้วยว่าเขาตรวจจำนวนไวรัสครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ แล้วจำนวนมีจำนวนไวรัสเท่าไหร่ ถ้าต่ำกว่า 50 ยูนิต สบายใจได้....แต่ป่านยืนยันแล้วว่าต่ำกว่า...เพิ่งตรวจเมื่อเร็วๆนี้เอง ดูเขาเครียดน้อยลงกว่าวันก่อนมาก...เหมือนได้คำตอบบางอย่างแล้ว...
แล้ววัณโรคหละ....หมอให้ความเห็นว่าถ้าป่านหยุดยาเอง เขามีโอกาสติด...แต่ถ้าหยุดหมอของป่านสั่ง นั้นหมายความว่า เขาหายสนิท....และนั้นคือความจริง...เขาไม่ติดวัณโรค...
นัสยังคงทำตัวปกติทุกอย่าง...โทรหาป่านเหมือนเคย...ยังเจอเขาเวลาป่านกลับมาบ้านวันหยุด...ไปกินข้าว...ดูหนัง...ล้างรถ...โทรไปเตือนเวลาต้องกินยา....เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคืนนั้น...ป่านท่าทางดีกับนัสมากขึ้น...ตอบสนองเขาทุกเรื่อง...พูดดีกับเขา...ป่านคงสัมผัสได้แล้วถึงความรู้สึกดีๆจากใจนัส...เพราะเขายังคงบอกรักทุกครั้งกับป่าน...กำแพงใจทลายลงเหลือเพียงฐาน...
คำว่า รัก สำหรับ...ใครหลายคน....ยากที่เอ่ย...นั้นเพราะคิดว่าสำคัญ...บอกน้อยครั้งเพื่อให้จดจำ...
คำว่า รัก สำหรับ...นัส...เขาเอ่ยได้ทุกเวลา...นาที...ไม่ว่าที่ใด...เพราะเขาคิดว่าสำคัญ...บอกมากครั้งเพื่อให้จดจำว่ายังมั่นคงเสมอ...นัสเคารพทุกนาทีของชีวิตและเห็นคุณค่าความรักว่ารอช้าไมได้...
นัสบอกรักทิมเสมอเวลาคุยกัน...ผมจำได้...แต่พบหน้ากัน...ผมไม่รู้...นัสคงทำ...เขาบอกเสมอว่ามันคือการแสดงความรักอย่างหนึ่งที่ทำได้โดยไม่ต้องเสียเวลา เสียเงิน แต่ผลที่ได้...มหาศาลกว่ามหาสมุทร...
รีบไปตรวจเหอะนะ อย่าให้มันนานเกินไป...คุณเข้าใจนะว่ามันสำคัญและรอไม่ได้....อย่าใจเย็นเพียงเพราะไวรัสในตัวเขาต่ำกว่ามาตรฐาน อาหารมาถึงแล้ว....ชาเขียวเย็นชืด...
อืมม....นัดแล้วเสาร์นี้หละ...หมอที่โครงการแนะนำให้ไปตรวจโรงบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ผลออกเร็ว เพราะที่นั้นเป็นศูนย์ตรวจของโรงบาลหลายแห่ง พอดีเพื่อนเราทำงานที่นั้นด้วย เลยสะดวกหน่อย นัสจัดการกับอาหารตรงหน้า...กิมจิ ของโปรดที่เขาไม่เคยพลาดถ้าเข้าร้านอาหารตะวันออก
จากคุณ :
Howl-the-Wizard
- [
14 ต.ค. 49 16:10:52
]