เขาลืมผมไปแล้ว เขาทอดทิ้งผม คำพูดที่ว่า คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย หรือภาษาอังกฤษว่า ยูวิลล์เนฟเวอร์วอล์คอะโลน กลายเป็นเพียงคำพูดลอย ๆ ที่มาจากลมปากเท่านั้นเพราะเขาผิดสัญญา แต่ผมก็ทำได้เพียงแค่คร่ำครวญอยู่ในบ้านไม้อันคับแคบเพียงลำพังทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนผมกับเขาจะไปเที่ยวกันเป็นประจำแต่มาบัดนี้ทุกอย่างคืออดีต อดีตที่ยากจะกลับคืน เขาไม่เคยแวะเวียนมาหาผมอีกเลย
คำพูดอันสวยหรูนี้มาจากบทเพลงของเจอร์รี่ มาสเดนส์เป็นผู้ขับขานถ้าใครเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลต้องรู้จักคำพูดนี้ สโมสรฟุตบอลเสื้อสีแดงมีตราสัญลักษณ์เป็นหงส์อันมีแฟนบอลทั่วโลกไม่เว้นแม้กระทั่งเมืองไทย ผมกับสุภาเป็นเพื่อนนักเรียนตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม ด้วยความรู้สึกนึกคิด อุดมการณ์ และความชอบคล้าย ๆ กันเราจึงชอบทีมฟุตบอลทีมเดียวกัน
นับเป็นความโชคดีของผม ผมตอบปัญหาชิงรางวัลได้ตั๋วเข้าชมเกมศึกแดงเดือดสองใบ เป็นเรื่องที่แน่นอนว่าผมต้องเผื่อตั๋วอีกใบให้เขา
สายการบินไทยได้มีโอกาสต้อนรับเราสองคนกับคนอีกกลุ่มหนึ่งเหินลัดฟ้าสู่สนามแอนฟิลด์ในเมืองลิเวอร์พูล
เก้าอี้สีแดงระดับวีไอพีได้มีโอกาสต้อนรับเราสองคนท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บแม้ว่าร่างกายของพวกเราจะถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวหลายชั้นแต่มันก็ไม่เพียงพอต่อความอบอุ่นของร่างกาย แต่ทุกอย่างก็ถูกแทนที่ด้วยความตื่นตาตื่นใจของเกมนี้ รอบอัฒจันทร์คลาคล่ำไปด้วยคลื่นพลังสีแดงด้วยเหตุที่ทั้งสองทีมมีสีประจำสโมสรเป็นสีแดงเหมือนกัน เสียงร้องเพลงเชียร์เซ็งแซ่ทั้งสองฝั่ง ต่างฝ่ายต่างร้องเพลงเกทับกันตามประสาเป็นทีมคู่อริกันตลอดกาล
แต่เกมในวันนั้นลิเวอร์พูลพ่ายแพ้ปีศาจแดงหนึ่งประตูต่อสาม แต่เพราะการพ่ายแพ้เกมนี้เองที่ทำให้ผมกับเขาสนิทสนมแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพราะเราร่วมเศร้าด้วยกัน และชวนกันไปกระดกน้ำมึนเมาสีน้ำตาลแดงด้วยกัน
ครั้งหลังสุดเขาชวนผมไปเที่ยวดอยผ้าห่มปกที่จังหวัดเชียงใหม่ รถกระบะโตโยต้าไทเกอร์สีตะกั่วมีหลังคาโครงเหล็กสีดำขลับคือรถคู่ชีพของเขาขับพาผมไป เริ่มต้นออกเดินทางในเวลาสองทุ่ม
บนถนนสายพหลโยธินขาเข้ารังสิตนั้นคลาคล่ำไปด้วยวัตถุเคลื่อนที่สี่ล้อและหกล้อเรียงกันเป็นแพ สุภาดูจะหงุดหงิดกับสภาพการจราจรติดขัดทั้ง ๆ ที่ก่อนออกเดินทางก็ทำใจไว้แล้ว เขาทำได้เพียงแค่เอามือก่ายหน้าผากพลางถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายและหงุดหงิดเมื่อรถยนต์ทุกคันจอดชะงัก
การจราจรเริ่มคล่องตัวขึ้นหลังเที่ยงคืนไปแล้ว กลายเป็นเรื่องปกติที่สถานีบริการน้ำมันเต็มไปด้วยฝูงวัตถุขับเคลื่อนสี่ล้อ หกล้อ และสิบล้ออย่างมืดฟ้ามัวดิน
ผมเห็นใจที่เขาต้องทนฝืนขับรถตลอดคืนโดยมิได้หยุดพักเลย ผมพยายามพูดคุยเป็นเพื่อนตลอดทั้งคืนแต่สังขารของผมก็ทนไม่ไหวจึงผล็อยหลับไปไม่รู้ตัวและตื่นนอนอีกครั้งเมื่อรถกระบะอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่
เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกลนักหากนับจากจุดเริ่มต้นที่ตัวเมืองนี้ ระยะทางอีกร้อยกว่ากิโลเมตรอาจมิใช่อุปสรรคถ้าคนขับไม่ลอบหลับไปเสียก่อน ผมขอให้เขานอนพักผ่อนแต่เขาดึงดันว่าจะขับต่อไป ผมก็ไม่อาจห้ามเขาได้ จากตัวเมืองก็เป็นแม่ริม แม่แตง เชียงดาว และฝาง
ขณะที่เขาขับอยู่ในตัวอำเภอฝาง ด้วยประสบการณ์ในการขับรถของเขา เขารู้สึกถึงความผิดปกติของรถ เขาจึงประคับประคองรถจอดตรงไหล่ทางและรีบลงจากรถมาดูอาการล้อรถและก็พบว่าล้อหน้าฝั่งผมเกิดรั่วโดยไม่มีสาเหตุ ยางล้อรถแบนแต๋อย่างเห็นได้ชัด แต่เจ้าของรถยังคงวางมาดนิ่ง
ผมเป็นลูกมือช่วยหยิบอุปกรณ์เมื่อเขาต้องการ ด้วยความชำนาญเขาเปลี่ยนยางล้อได้อย่างรวดเร็วมันแสดงให้เห็นถึงความพร้อมต่อการเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่าง ๆ ผมรู้แต่เพียงว่าเราต่างคนจะไม่ทอดทิ้งกัน
จากปากทางเข้าเขตถึงปลายทางมีระยะทางกว่าห้าสิบกิโลเมตร ถนนที่อุดมไปด้วยโขดหินและดินลูกรังสีแดง บางจุดก็เป็นหลุมเป็นหล่มอีกทั้งเส้นทางก็คดเคี้ยวไปตามแนวสันเขาและยังต้องขับรถไต่ระดับขึ้นไปชวนให้หวาดเสียวยิ่งนัก แต่สำหรับนักขับรถที่ช่ำชองดังเช่นสุภานั้นถือเป็นเรื่องง่าย เขาไม่รู้สึกปริวิตกอันใดเลย สมาธิในการขับรถของเขายังยอดเยี่ยมอยู่เสมอ เพราะคนขับคือสุภาจึงทำให้ผมอุ่นใจได้
รถของเขามาถึงที่บ้านพักเอเฟรมซึ่งตั้งอยู่ใกล้เส้นทางสู่ยอดดอยในเวลาเที่ยงวัน ผมรู้สึกชอบใจกับหลังคาของบ้านสีน้ำตาลแดงซึ่งกางปีกสยายยาวลงครอบตัวบ้านครึ่งหนึ่ง ที่จั่วบ้านมีขื่อไม้กั้นขวางเป็นแนวยาวจึงมองดูเป็นรูปตัวเอ
พรุ่งนี้เราจะขึ้นดอยผ้าห่มปกกัน เขาบอกผม
เราสองคนออกเดินทางในเวลาเช้าตรู่ ต่างคนต่างขนสัมภาระเท่าที่จำเป็นอย่างน้อยมีข้าวห่อคนละถุง เขาพร้อมผมก็พร้อมและออกยาตราสู่ดอยซึ่งสูงเป็นอันดับสองของประเทศรองจากดอยอินทนนท์
ทางเดินช่วงแรกยังไม่พบว่าโหดเท่าใดนัก ผมกับเขาเดินพูดคุยกันอย่างสบายใจ ดอกมะลิวัลย์สีขาวบานสะพรั่งอยู่เต็มสองข้างทาง เพราะสภาพอากาศอันหนาวเย็นส่งผลให้ต้นไม้บางต้นมีพืชสีเขียวคลุมเต็มต้นคล้ายต้นไม้สวมเสื้อผ้า บรรดานกกระจิ๊ดและนกจับแมลงส่งเสียงดังระงมและมันเคลื่อนไหวจากกิ่งไม้หนึ่งไปยังอีกกิ่งหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว เราเดินไปตลอดทางโดยไม่หยุดพักเลยจวบจนกระทั่งเราทั้งสองคนมาถึงที่ลำธาร เบื้องหน้าของเราคือหน้าผาอันสูงชันตั้งตระหง่านที่พร้อมรับคำท้าทายจากเราสองคนในการปีนป่ายขึ้นไปให้จงได้ หน้าผาทางฝั่งขวามือเป็นแนวกันไฟซึ่งยังมีกลิ่นควันคุกรุ่นอยู่ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผมประหวั่นพรั่นพรึงเสียแล้ว
เฮ้ย! คิม เดี๋ยวต้องปีนขึ้นไป สุภาพูดห้วน ๆ
ไม่อยากขึ้นเลยว่ะ
เอาน่า...ไม่ยากหรอก ฉันเคยปีนขึ้นไปแล้ว
ฉับพลันเขาหยิบไม้ยาวที่วางอยู่ข้างทางจากนั้นเอามีดพกควั่นไม้และเหลาให้ปลายแหลม
เอ้า! เอาไว้ค้ำ
แล้วนายล่ะ
โอ๊ย! หน้าผาแค่นี้ไม่เกินกำลังฉันหรอก
เขาเดินนำหน้า ผมพยายามตั้งสติอย่างเต็มที่ พื้นดินโคลนมีเศษหญ้าปะปนทำให้มีโอกาสลื่นไถลได้ฉะนั้นการปีนป่ายขึ้นไปจึงยากลำบาก เส้นทางด้านหน้าคือเนินดินอันสูงชันที่ปราศจากแนวขั้นบันได จังหวะเดินขึ้นแต่ละก้าวก็ต้องใช้ไม้ค้ำพื้นไปตลอดทางผิดกับเขาที่เดินขึ้นเหมือนเดินอยู่บนทางเรียบ ผมพยายามหาต้นไม้ที่อยู่ข้างทางเพื่อใช้เป็นที่ยึดเกาะหรืออย่างน้อยมีต้นไม้เตี้ยก็ยังดีกว่าไม่มี จนในที่สุดเราเดินมาถึงสามในสี่ของยอดดอย ทางข้างหน้าก็ยังคงเป็นทางวิบากเมื่อเราต้องเดินเลาะริมหน้าผาซึ่งเกือบตั้งฉากกับพื้นดินมีเพียงรอยทางเดินเท้าเท่านั้นและไม่มีราวจับยึดเกาะมันไม่มีทางเลือกที่ต่างคนต้องเดินอย่างระมัดระวังกันเองไม่สามารถจับมือจูงกันได้
ค่อย ๆ เดิน ไม่มีอะไรน่ากลัว เขาให้กำลังใจ ผมพยายามเดินโดยไม่เหลียวมองเหวที่อยู่ทางซ้ายมือ ยิ่งเดินย่ำผ่านก็ยิ่งทำให้ดินที่พื้นแตกกระจายมากเท่านั้นเป็นเรื่องที่น่าหวาดหวั่นว่าขากลับอาจเดินยากกว่า
เส้นทางที่เหลือก็ไม่ยากเย็นสักเท่าไรมีขึ้นเนินบ้าง มีพุ่มหญ้ารกสูงท่วมหัว เราสองคนมาถึงยอดดอยในเวลาเที่ยงกว่า บนยอดดอยนั้นเป็นท้องทุ่งหญ้าอันเขียวขจีมีต้นไม้ให้เห็นกันหร็อมแหรม อากาศช่างน่าอภิรมย์ยิ่งนัก ดอกกุหลาบพันปีดอกใหญ่สีแดงสดบานแรกแย้มเสมือนต้อนรับการเยือนของเรา ผมกับเขาถือโอกาสนั่งกินข้าวกลางวันกัน การมาถึงยอดดอยได้สำเร็จก็ถือเป็นความภาคภูมิใจครั้งหนึ่งในชีวิต มองทอดสายตาไกลออกไปโดยรอบก็จะเห็นแนวทิวเขาน้อยใหญ่โอบผืนนา เขาบางลูกกลายเป็นแปลงผัก บางลูกก็เป็นผืนนาข้าว นกอินทรีสีน้ำตาลออกคล้ำกางปีกบินตัดท้องฟ้าอย่างสง่าผ่าเผย
เมื่อถึงเวลาบ่ายสามโมง เราสองคนต้องรีบเดินลงเพราะหากลงเขาช้ามากเท่าไรก็จะยิ่งลำบากในการเดินลงมากเท่านั้น
เร็วเถอะ รีบลงเดี๋ยวแสงแดดหมดจะลงไม่ได้
เขาเดินนำหน้าผม เขายังคงดูทะมัดทะแมงและเดินได้อย่างคล่องแคล่ว จุดที่ผมต้องตั้งสติเวลาเดินนั่นคือจุดที่ต้องเดินเลาะริมหน้าผาแต่เพลานี้อาจเดินลำบากกว่าตอนแรกที่เดินเข้ามาเพราะเราสองคนเดินย่ำกันมาก่อน ทำให้พื้นดินร่วนซุยกว่าเดิม ที่สำคัญไม่มีราวเกาะ ด้านขวามือคือเหวซึ่งหากใครพลั้งพลาดเซถลาลงไปก็จะไม่เหลือชีวิตรอดกลับไป ความประหวั่นพรั่นพรึงทำให้ผมไม่กล้าเดินแต่เขาเดินผ่านหน้าผานั้นอย่างคล่องแคล่วและกำลังจะเดินลง แต่เขาต้องหยุดชะงักเพราะมองเห็นผมไม่กล้าขยับก้าวเท้า
คิม...ค่อย ๆ เดินมาเลยไม่มีอะไรน่ากลัว พยายามโน้มตัวเข้าหาที่หน้าผาอย่าพยายามมองด้านล่าง สุภาตะโกนขณะที่เขายืนพักขาที่โขดหินด้านล่างถัดลงไปแล้ว
ผมกลั้นใจค่อย ๆ เดินเลาะไปเรื่อย ๆ เหงื่อกาฬซึมไปทั่วไหล่และแผ่นหลังทั้ง ๆ ที่อากาศก็ไม่ร้อน แต่เมื่อเดินไปได้พอประมาณผมเริ่มก้าวเท้าอย่างมั่นใจและในที่สุดผมก็สามารถเดินผ่านเส้นทางนั้นได้ ต้องอย่างนี้สิวะ...ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เขาให้กำลังใจผม นั่นหมายถึงเขาแสดงให้เห็นถึงความห่วงใย
เส้นทางอันตรายสุดท้ายคือช่วงที่ต้องลงจากหน้าผา เคยได้ยินมาว่าการปีนขึ้นง่ายกว่าการลงจากเขาเพราะช่วงเดินลงต้องทรงตัวให้ดีที่สุด เขาให้ผมเดินนำหน้าลงไปก่อนและให้คำแนะนำในการเดินลง
เวลาเดินลงนั้นพยายามวางเท้าเป็นแนวขวางเพื่อให้เกิดแรงเสียดทานจะได้ไม่ลื่นไถลลงไป ไม่ต้องกลัว สุดท้ายแล้ว เดี๋ยวก็ถึง ยังไหวนะ ผมพยักหน้าทั้ง ๆ ที่ขาสั่นไปหมดแล้ว
เขาให้ผมเดินลงไปก่อน
เอ้า ! ค่อย ๆ ลงไม่ต้องกลัว เขาตะโกนอยู่ข้างหลัง ผมยังอุ่นใจเมื่อเขายังยืนอยู่เคียงข้าง คำว่าคุณจะไม่มีวันเดินเดียวดายยังคงดังก้องในโสตประสาทของผม แต่แล้ว...
โอ๊ะ! โอ๊ะ! ช่วยด้วย ด้วยความที่ดินโคลนลื่นส่งผลให้ผมลื่นไถลครูดพื้นดินเป็นรอยเท้าแนวยาว ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ผมร้องเสียงหลง โชคดีที่เขารีบคว้าแขนผมไว้ได้
เฮ้อ! เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ
ความอกสั่นขวัญแขวนผุดขึ้นมา เฮ้ย! ไหวนะ ทำใจดี ๆ ไว้
(ยังมีต่อ)
จากคุณ :
พัฒนา สุดยาใจ
- [
15 ต.ค. 49 23:17:01
A:203.113.35.12 X: TicketID:128780
]