ความคิดเห็นที่ 1 สวัสดีครับ มีคนมาเปิดดูแลอาศรมใหม่อยู่ที่นี่แล้ว รู้สึกมึน ๆ จังครับผม ขอตามเก็บไปก่อนครับ จากคุณ : ย.ยิ้มแย้ม - [ 19 ต.ค. 49 02:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กระรอกออกลูกได้         เป็นลิง หนูแอบกิ๊กกับสิงห์          นกรู้ หมูป่าเกี่ยวแขนกระทิง    ไปเที่ยว แม่แรดเป็นตัวผู้             พ่อช้างตัวเมีย จากคุณ : Little Red - [ 19 ต.ค. 49 05:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กระทู้เดิม : อาศรมชาวโคลง ภาค ๑๗๓ ๏ ๏ ๏ ประมวลสุภาษิตคำโคลง - พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ๏ ๏ ๏ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4754847/W4754847.html เรื่องน่ารู้ของโคลงโลกนิติ : http://www.geocities.com/lekpage/loganit000.html โคลงโลกกระนี้ : http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=lekpage&topic=68 จากคุณ : lek Isara - [ 19 ต.ค. 49 08:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 4 -สี่เท้า(และมากกว่า)ยังรู้พลาดฯ- สิบแปดล้อคว่ำกลิ้ง        คาถนน รถสิบล้อวิ่งชน                สี่เท้า สี่ล้อแล่นทับบน              ตัวตะขาบ ตีนตะขาบขวางจึงเข้า      ปะทะเปรี้ยงคางเหลือง จากคุณ : KAVINT - [ 19 ต.ค. 49 09:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เล่นกับใครก็ได้          ทุกคน เล่นกับเด็กซุกซน       ซิ่งไว้ เล่นผู้ใหญ่ดูชอบกล     น่าเกลียด เล่นกับหมานั่นไซร้       อย่าให้เลียลาม ทดลองแต่งตามคำแนะนำของคุณกาวินท์ครับ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 19 ต.ค. 49 10:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เว้นปากมากมั่วโม้........โมเม เว้นดื่มเหล้าเมาเซ........ดึกซ้ำ เว้นมั่วเด็กหันเห...........จิตหื่น เว้นดั่งว่ามิช้ำ...............เช่นข้าเมียตี อันนี้เป็นเรื่องสมมุตินะครับ จากคุณ : คมเย็น (คมเย็น) - [ 19 ต.ค. 49 11:39:52 ]

ความคิดเห็นที่ 7 "ครรโลง"โยงช่วยชี้.........สาธุชน สรร"สุภสิต"ดาลดล.........สดับได้ สืบสาน"โลกนิติ"ยล.........เป็นเยี่ยง   อย่างนา คงคู่หล้า  "สถิตไว้"..........จวบสิ้นกาลสมัย จากคุณ : คมเย็น (คมเย็น) - [ 19 ต.ค. 49 12:09:27 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ....นภาสีผิดเพี้ยน.............อากาศ (เปลี่ยนแปลง) อาทิตย์สีดังชาด...............ฝุ่นแปล้ ลำธารเหือดหายขาด.........วายว่าง ตามกาล คำสัตย์ดั่งทองแท้.............มาดแม้นกลั้วตม บ่ถอง `สีน้ำฯ เดินตามคุณยิ้มแย้มมา แล้วลองทำตามคำแนะนำ ของเจ้าของกระทู้ ได้มาบทหนึ่ง ผิดถูกประการใดชี้แจงด้วยนะจ๊ะ โคลงโลกนิติ ที่ชอบและจำได้ก็มีบทเดียวจ๊ะ ....รักกันอยู่ขอบฟ้า..............เขาเขียว เสมออยู่หอแห่งเดียว............ร่วมห้อง ชังกันบ่แลเหลียว.................ตาต่อ กันนา เหมือนขอบฟ้ามาป้อง...........ป่าไม้มาบัง แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 49 12:28:20 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 49 12:26:15 จากคุณ : ผู้หญิงสีน้ำทะเล (sugarhut) - [ 19 ต.ค. 49 12:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โคลงโลกนิติ คือสุดยอดของโคลงที่เฉียบคม ให้ข้อคิด ใช้คำสั้น กระชับ กินความลุ่มลึก และคมความคิดเหล่านั้น ก็เป็นอมตะ ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย มีชอบหลายบทเลย (สมัยสาวๆ เวลาอ่านโคลงโลกนิติเป็นทำนองเสนาะแล้วมีความสุขมากๆ) นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี .................. บท ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา และ ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา ก็เพราะ ชอบมากๆๆๆ ชอบหมดเลยทุกบท จากคุณ : จันทร์เพ็ญจ้า (Pen Writer) - [ 19 ต.ค. 49 14:07:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ห้ามเด็กน้อยอย่าให้            มีฟัน ห้ามสุนัขนานาพันธุ์             เห่าไซร้ ห้ามควันพิษให้หัน              คืนท่อ ห้ามดั่งนี้ไว้ได้                   จึ่งห้ามตีนกา กริ๊กๆ สวัสดีๆพี่ป้าน้าอาทุกท่านครับ โกฏิฯน้อยสอบเสร็จแย้ว เดี๋ยวกลับมาประจำการเช่นเดิม จากคุณ : โกฏิดารา - [ 19 ต.ค. 49 16:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เปิดเจอพี่ท่านเฝ้า..............อาศรม อยากแต่งโคลงอย่างนิยม...ทำมะได้ หัวสมองช่วยปิ้วรมณ์..........มะออก จึงแค่ฝากรักไว้.................มะดั่ยให้พี่เสือ ***เอามาฝากไว้เฉยๆๆๆๆ...หุหุหุ โห...  แก้ตรึม  หุหุหุ  ภาษาวิบัติ  แหะๆๆๆ  ขออำภัยทุกคนเรยอ่ะ... แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 49 20:18:42 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 49 20:15:16 แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 49 20:13:59 จากคุณ : กรวี - [ 19 ต.ค. 49 20:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ๏ พึงสังวรณ์ ตั้งแต่เกิดกายมาบนผืนโลก ความทุกข์โศกใดใดไม่ห่างหาย ไม่มีสิ่งใดจีรังกระทั่งตาย คิดจะหมายครองไว้คงไม่มี สุขเกิดและคงอยู่ชั่วขณะ แล้วก็ผละจากไปให้หมองศรี จึงเรียนรู้เมื่อฤดูมีที่เปลี่ยนที หรือจะมีทุกข์สุขใดไหนอยู่คง แค่ผ่านมาให้รุ่มร้อนชั่วขณะ หากชนะจิตใจไม่เดินหลง คิดเสียว่าทุกอย่างมีสั้นลง ไม่มั่นคงอยู่อย่างนี้ตลอดไป คำคนคำใครเพียงใคร่บอก กลับกลอกกันนั้นพลั่นหวั่นไหว ทุกทุกอย่างอยู่ตรงนี้ตรงที่ใจ อย่าเพียงใคร่อยากรู้ผู้เดินตาม พึงสังวรว่าตนใช่คนโง่ ใช่คนที่ใหญ่โตให้คนหยาม แต่เป็นแค่คนเล็กเด็กไร้นาม ไม่เกรงคร้ามสั่นไหวแม้ใดมี ..... จากคุณ : กรวี - [ 19 ต.ค. 49 20:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 13 08.03 น. ๐ ห้ามหมาเห่า ตระกร้อ        ใส่ปาก ห้ามคิด ปิด O2 สัก              ครู่แน้ ห้ามคน ยึดทัพพีจาก            มือน่า ห้ามทุกอย่างได้แล้              ฮ่ามเถ้าทำจั๋งได๋                                      (ห้ามเฒ่า) ๐ ไมโครเวฟ ล้วนไม่            มีควัน โทรศัพท์มือถือ มัน              พูดได้ ยาบ้าเสพเห็นสวรรค์             ใกล้แค่ เอื้อมนอ อำนาจเสพแล้ว ไซร้             เลิกได้ไหมหือ 08.16 น. .......................................................................... ไม่ใช่"โคลงโลกนิติ"คร้าบ...มันเป็น"โคลงโลกอำมหิต"แน้ จากคุณ : นกโก๊ก - [ 20 ต.ค. 49 08:23:28 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ....รักกันอยู่ขอบฟ้า..............เขาเขียว เสมออยู่หอแห่งเดียว............ร่วมห้อง ชังกันบ่แลเหลียว.................ตาต่อ กันนา เหมือนขอบฟ้ามาป้อง...........ป่าไม้มาบัง ขออนุญาต นำข้อความ คุณผู้หญิงสีน้ำทะเล (sugarhut)  มาเป็นแบบนะครับ ส่วนรักชังของผมเป็นดังนี้ ....ชังกันถึงแค่กั้น...............เพียงฝา ไม่อยากเหลียวแลตา...........หลบลี้ รักกันอยากจะถลา..............กระโดดกอด กันนา ฟ้าป่ามากั้นนี้.....................ไม่คล้ายไกลกัน แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 49 08:36:38 จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 20 ต.ค. 49 08:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ๏ ปลาร้าพันห่อด้วย       ใบคา ใบก็เหม็นคาวปลา         คละคลุ้ง คือคนหมู่ไปหา             คบเพื่อน พาลนา ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง           เฟื่องให้เสียพงศ์ ๚ ใบคาหน้าตาเป็นไฉนไม่รู้จัก ขอเอาอย่างอื่นห่อแทนนะครับ ๏ แพรไหมพันห่อหุ้ม      ทุรชน ไหมก็แปดเปื้อนปน        เปรอะทิ้ง ผ้าดิบห่อคงยล             ว่าเหมาะ ให้ร่วมกตัญญูกลิ้ง         กลบไว้ในหลุม ๚ ฝาก link นี้ด้วยครับดีจังเลย มีคำอธิบายพร้อมสรรพ http://www.st.ac.th/bhatips/loganit.html แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 49 08:53:13 จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 20 ต.ค. 49 08:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีครับทุกท่าน คุณ ย ยิ้มแย้ม ถ้าหายมึนแล้วมาช่วยกันตอบกระทู้บ้างก็ได้นะครับ คุณ Little red โคลงถูกใจจริง อิๆ โคลงโลกนิตินี่มีรูปแบบเฉพาะคือคมชัดและลึกครับ  เป็นการยกเอาสุภาษิตคำพังเพยมาเขียนแตกยอดได้มากมายหลายร้อยสำนวนทีเดียว ตัวอย่างสมัยก่อนท่านก็ใช้สัตว์ต่างๆเป็นหลัก สมัยนี้สัตว์สูญพันธุ์ไปก็มาก บางตัวเยาวชนอาจจะนึกภาพไม่ออก เปลี่ยนเป็นตัวอย่างทันสมัยบ้างก็ได้ อย่างที่หลายๆท่านนำมาเขียนในที่นี้แหละ คนดีตกน้ำไม่ไหล-ตกไฟไม่ไหม้ เพราะคนดีตกน้ำ........ไม่ไหล น้ำท่วมจึงนิ่งใน...........ทุ่งแห้ว แถมถ้าตกกลางไฟ.......ก็ไม่ ไหม้นา มิน่าติดเครื่องแล้ว........ไม่ร้อนสักที คุณลุง lek Isara ในงานอาศรมครบห้าปีที่วัดเทพธิดาราม ขณะที่กวินท์กำลังเล่นซ่อนหากับผู้ปกครองก็เห็นลุงเล็กนี่แหละคับ เดินตรงเข้ามาพร้อมกล้องถ่ายรูปในมือ เล่นเอาใจหายวาบ อิๆ ดูตัวแล้วเรียบร้อยวันหลังคงมีโอกาสคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวนะคับ :) ขอบพระคุณที่ช่วยทำลิ้งค์ให้ด้วยคับ คุณ เจียวต้าย แต่งได้คล้ายๆโคลงโลกนิติแล้วครับ :) ตัวอย่างที่ยกมาอาจจะเป็นสี่เรื่อง หรือสามหรือสองก็ได้ แล้วแต่จะนึกออกนั่นเอง F16ตกได้..............ฉันใด ว่าวหมดลมว่าวไกว.....ร่วงสิ้น ยอยศเลิศลอยไป.......สูงส่ง พอหมดแรงลมลิ้น.......ร่วงแล้วก็ลืม คุณคมเย็น โคลงคมเฉียบเช่นเดียวกัน เก่งกันทุกคนเลย ยกยอรอดักได้.................ปูปลา ยกรักแร้ชูหรา..................รับเบี้ย ยกย่องเฒ่าเหล่าชรา...........เลียเรียบ ยกหนักเมื่อยเหนื่อยเปลี้ย.....รับเค้กสนองคุณ แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 49 19:18:53 จากคุณ : KAVINT - [ 20 ต.ค. 49 10:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เรียน ท่านสหาย บทนี้สิ ที่กระผมชอบ เพิ่งนึกออก บัดเดี๋ยวนี้เอง ขอรับ. ยามจนทนกัดก้อน              กินเกลือ อย่าเที่ยวแล่เนื้อเถือ        พวกพ้อง อดหยากเยี่ยงอย่างเสือ    สงวนศักดิ์ โซก็เสาะใส่ท้อง             จับเนื้อกินเอง. ดังนี้ ขอรับ. แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 49 02:25:23 จากคุณ : พจนารถ๓๒๒ - [ 20 ต.ค. 49 16:42:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สวัสดีพี่เล็ก คุณจันทร์เพ็ญ และญาติโยมสาธุชนชาวอาศรมฯ ครับ คิดถึงโคลงโลกนิติครับ เหมือนๆ กับที่คิดถึงพี่น้องอาศรมฯ อิๆ จากคุณ : Ar@p - [ 20 ต.ค. 49 18:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตาบอดได้แว่นใช้          ยังไง หรือแค่คาดหัวไว้           อยากโก้ เห็นหวีสุดสดใส            สะอาด อุตส่าห์พกผุดโท้          ที่แท้ไร้ผม. แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 49 09:19:37 จากคุณ : เจียวต้าย - [ 20 ต.ค. 49 19:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แด่ผู้รักสันติภาพ อำนาจมีใฝ่ใช้         ทางผิด (นาแม่) คนอยู่ไกลมาชิด        อยู่ใกล้ ทุกข์นำสู่มวลมิตร        มิผ่อง (ทุกข์ร้อน) ทุกแห่งหนจิตให้        รุ่มร้อนทุกข์นาน สันติภาพใช่ได้         จากปืน(คิดถูก) ใครใคร่ปลูกลูกปืน     ต่ำช้า พาใจสู่จุดยืน          ธรรมส่อง(สูงส่ง) จิตมุ่งหมายศีลห้า        ส่งให้สุขสันต์ ขอส่งใจให้ทุกคนมีสุขด้วยธรรม บุญสม จากคุณ : boonsomch (boonsomch) - [ 21 ต.ค. 49 00:32:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขออนุญาตอ้างถึง ๘ ของคุณ ฯ สีน้ำทะเล ขอรับ กระผมเพิ่งได้อ่านโคลงลำดับที่ ๘ แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ยังมี กาพย์ ที่ ห่อ โคลงบทนี้ ไว้ แลเคยได้ยินได้ฟังอยู่บ้าง จึงขออนุญาต สู่กัน จาก โคลงสี่สุภาพ รักกันข้ามขอบฟ้า              เขาเขียว เสมออยู่หอแห่งเดียว         ร่วมห้อง ชังกัน บ่ แลเหลียว            ตาต่อ กันนา เหมือนขอบฟ้ามาป้อง        ป่าไม้มาบัง. เปน กาพย์ ยานี ๑๑ รักกัน ข้ามขอบฟ้า        ส่งใจมา แจ่มจีรัง เขาเขียว ป่าเปลี่ยวบัง    ดังเสมือนห้อง ครองรักเดียว ชังกัน ผันพักตร์แล้ว      เนตรงามแผ้ว ฤๅแลเหลียว โอ้ฟ้า ป่าดินเดียว          มาพรากให้ ใจจากกัน. ดังนี้ ขอรับ. จากคุณ : พจนารถ๓๒๒ - [ 21 ต.ค. 49 02:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ตำน้ำพริกแค่ใช้            ปรุงแกง ครบเครื่องราคาแพง       ยิ่งล้น แม้น้อยจักสำแดง          ความเด่น ขออย่าเทท่วมท้น          แม่น้ำละลายหาย แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 49 09:49:38 จากคุณ : เจียวต้าย - [ 21 ต.ค. 49 09:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คห.ห้า เล่นกับหมาหมาเลียปาก ช่องสิบเก้า  เอามาฝาก ให้เห็นขัน ตาบอดกลับได้แว่นตั้งหลายอัน หัวล้านนั้นไม่มีผมกลับได้หวี ยี่สิบสองหมายว่าอย่าตำน้ำพริก แค่ขลุกขลิกใส่น้ำน้อยค่อยเข้าที่ ขืนละลายแม่น้ำทำอวดดี คิดบัญชีถึงวอดวายอิบอ๋ายเอย. ไม่รูว่าเป็น สุภาษิต หรือ ทุภาษิต ครับ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 21 ต.ค. 49 09:49:10 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ ผู้หญิงสีน้ำทะเล (sugarhut) อากาศอาจเปลี่ยนได้......ทุกวัน อาทิตย์มัวหมอกควัน......หม่นฟ้า ขึ้น-แรมเปลี่ยนรูปจันทร์...เคยจรัส คำสัตย์พิสูจน์ช้า...........แต่แท้ดังทอง บทเขาเขียวเป็นบทหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก พูดถึงความรักความชังนี่ขอยกโคลงเก่าๆจากรดน.มาดัดแปลงใหม่แล้วกันครับจำไม่ค่อยได้แล้ว รักกันตีตบหน้า............ตาเขียว ยิ่งรักกันกลมเกลียว.......แน่นแฟ้น ชังกันสะกิดนิดเดียว......สลักหลุด ระเบิดศึกความแค้น.......ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คุณ จันทร์เพ็ญจ้า (Pen Writer) บทนาคีมีพิษนี่ก็ยอดนิยมเช่นกัน อิอิ ซึนามิแรงคลื่นเพี้ยง.......ปรมาณู เคลื่อนที่ใต้น้ำดู............เรียบร้อย มีดทื่อทิ่มน้ำปู-.............ปลาตก ใจเอย วงกระเพื่อมเพียงเล็กน้อย..โอ่อ้างฤทธี คุณหลาน โกฏิดารา ยกตัวอย่างได้เข้ากับข้อสรุปเป็นอันมากเลยครับ ห้ามสายรุ้งทาบต้อง.....ดวงตา ห้ามศศิห้ามสุริยา.......ประทับแก้ม ห้ามแย้มลักยิ้มมหา.....อมตะ นิรันดร์ฤๅ ห้ามกุหลาบแรกแย้ม...จึ่งห้ามคิดถึง :) จากคุณ : KAVINT - [ 21 ต.ค. 49 12:45:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ ผู้หญิงสีน้ำทะเล (sugarhut) อากาศอาจเปลี่ยนได้......ทุกวัน อาทิตย์มัวหมอกควัน......หม่นฟ้า ขึ้น-แรมเปลี่ยนรูปจันทร์...เคยจรัส คำสัตย์พิสูจน์ช้า...........แต่แท้ดังทอง บทเขาเขียวเป็นบทหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก พูดถึงความรักความชังนี่ขอยกโคลงเก่าๆจากรดน.มาดัดแปลงใหม่แล้วกันครับจำไม่ค่อยได้แล้ว รักกันตีตบหน้า............ตาเขียว ยิ่งรักกันกลมเกลียว.......แน่นแฟ้น ชังกันสะกิดนิดเดียว......สลักหลุด ระเบิดศึกความแค้น.......ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คุณ จันทร์เพ็ญจ้า (Pen Writer) บทนาคีมีพิษนี่ก็ยอดนิยมเช่นกัน อิอิ ซึนามิแรงคลื่นเพี้ยง.......ปรมาณู เคลื่อนที่ใต้น้ำดู............เรียบร้อย มีดทื่อทิ่มน้ำปู-.............ปลาตก ใจเอย วงกระเพื่อมเพียงเล็กน้อย..โอ่อ้างฤทธี คุณหลาน โกฏิดารา ยกตัวอย่างได้เข้ากับข้อสรุปเป็นอันมากเลยครับ ห้ามสายรุ้งทาบต้อง.....ดวงตา ห้ามศศิห้ามสุริยา.......ประทับแก้ม ห้ามยิ้มลักยิ้มมหา.......อมตะ นิรันดร์ฤๅ ห้ามกุหลาบแรกแย้ม....ค่อยห้ามคิดถึง :) จากคุณ : KAVINT - [ 21 ต.ค. 49 12:49:20 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เคยเขียนโคลงไว้บทหนึ่ง นานมาแล้ว ยกตนข่มท่านด้วย            ลมปาก เห็นผิดผู้อื่นมาก                อวดอ้าง เสื่อมศีลศักดิ์ถือสาก        คอยสอด โดนจับผิดเข้าบ้าง            กระแดะเต้นถือตัว จากคุณ : ช้องนาง. - [ 21 ต.ค. 49 13:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ลองดูบ้างครับ บทที่ ๙๘ ๏ เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม...............ดนตรี อักขระห้าวันหนี.....................เนิ่นช้า สามวันจากนารี......................เป็นอื่น วันหนึ่งเว้นล้างหน้า.................อับเศร้าศรีหมอง ฯ ๏ เจ็ดวันเว้นจั่วไผ้..................กันที ติดนี่ห้าวันหนี........................ไม่ใช้ สามวันอดเล่นผี-....................ลายเพราะ อะไรนา เพราะว่าเล่นไม่ได้..................บึ่งเข้าสอนอ ๚ะ จากคุณ : Mr.Com (mr_com@hotmail.com) - [ 21 ต.ค. 49 16:03:12 A:124.121.97.178 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีเจ้าคุณ KAVINT  พี่เล็ก  ปาเจียวต้าย & ทุกท่าน รักฟันรักหมดทั้ง............สามสิบสอง แปรงขัดทุกวันมอง........จดจ้อง เหลืองอร่ามดั่งทอง........คำเสก ยามเด็กรับว่าน้อง..........ขัดด้วยก้านพลู     เมี้ยววววววววว  ^_^ จากคุณ : หิ่งห้อยน้อยใจ - [ 22 ต.ค. 49 16:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 29 รักฟันดันดัดไว้...............เต็มปาก เหล็กแปะแคะฟันยาก.........อยากยิ้ม อายฟันนึกกระดาก................มือปิด อายปากหน้าจิ้มลิ้ม.....................แค่นยิ้มแหยแหย จากคุณ : คมเย็น (คมเย็น) - [ 22 ต.ค. 49 17:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอออกนอกโคลงโลกนิติ   ไปเจอกลบบทในหนังสือ เลยลองเขียนมาได้๒บท (กลโคลงกาโกโลกนัยน์) สุด-นุช-รัก-น้อง-นึกถึง คิด-พี่-ครวญ-คะนึง-นิ่มน้อง ติด-คอย-ใจตรึง-ใจพี่ ศร-ดั่ง-ปัก-ต้อง-ตอกไว้             ไป่ถอน ถอนกล รักนุชสุดรักน้อง............นึกถึง ครวญพี่คิดครวญคะนึง........นิ่มน้อง ใจคอยติดใจตรึง.....................ใจพี่ ปักดั่งศรปักต้อง...........................ตอกไว้ไป่ถอน ดูแล้วก็คือให้คำที่๑กับ๔ของแต่ละวรรคซ้ำกัน (กลโคลงพรางขะบวน) ร้าง-แรมนิราศ-ลาไกล ใจ-จากจำ-จิตช้ำ ไป-ห่างเหิน-เปี่ยมเทวษ ย้ำ-ยากแสน-ยิ่ง ถอนกล นิราศแรมแรมนิราศร้าง........ลาไกล จำจากจากจำใจ................จิตช้ำ เหินห่างห่างเหินไป..........เปี่ยมเทวษ แสนยากยากแสนย้ำ......ยิ่งย้ำยากแสน ในหนังสือมีกล่าวถึงโคลงที่สุนทรภู่แต่ง จดจำสืบกันมาได้เพียงบาทแรกว่า... รากโมกต้มกินหาย ต่อมา พ.ณ ประมวลมารค ได้แต่งต่อด้วยลีลาอันโลดโผนว่า... รากโมกต้มกินหาย คนป่วยกลายกลับแก้ ชมนิดหมายเหมือนเช่นโน้นนา พักรบห้าหกครั้งยังเคย ถอนกลในบาทแรกได้ความว่า โรคมากรากโมกต้ม...........กินหาย ผมคิดว่าในวรรค๒  คำสุดท้ายน่าจะเป็น"กล้า" เพราะเวลาถอดแล้วจะรับกันกับคำว่า"ห้า"ในวรรค๔ วรรคต่อไปก็ว่ากันเอาเอง  แบบนี้จิงๆแล้วก็เล่นไม่ยาก ผมมีลองแต่งไว้แต่ไม่กล้าพิมพ์  คิดว่าแบบนี้คุณนกโก๊ก ต้องชอบแน่ๆ   สวัสดีทุกท่านครับ จากคุณ : คมเย็น (คมเย็น) - [ 22 ต.ค. 49 18:54:42 ]

ความคิดเห็นที่ 31 โลกนิติ  หรือ โลกนีติ เป็นคัมภีร์คำสอนของอินเดียที่โบราณาจารย์ได้รวบรวมไว้ และเป็นที่รู้จักกันมาเป็นเวลาช้านาน ผู้แต่งคัมภีร์โลกนีติ ศ.ดร. นิยะดา เหล่าสุนทรได้วิจัยเกี่ยวกับความเป็นมาของคัมภีร์โลกนีติไว้ในผลงานวิจัยเรื่อง "โคลงโลกนิติ:การศึกษาที่มา" (๒๕๒๗) ว่า เมีความเชื่อเป็น ๒กลุ่ม กลุ่มที่ ๑ เชื่อว่าเป็นของชาวมณีปุระ ซึ่งอพยพหนีภัยสงครามจากเมืองมณีปุระในภาคเหนือของประเทศอินเดีย เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศพม่า กลุ่มที่ ๒ เชื่อว่าเป็นผลงานของ จตุรงคพล นักปราชญ์ชาวพม่าผู้มีชีวิตอยู่ในพุทธศตวรรษที่ ๑๙ โลกนิติในวรรณกรรมไทย สุภาษิตจากคัมภีร์โลกนีติ น่าจะแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัย และคงจะได้รับความนิยมมากตั้งแต่ในสมัยนั้นด้วยมีสาระจากคำสอนบางบทในศิลาจารึกสมัยสุโขทัยตรงกับที่ปรากฏในโลกนิติ โคลงโลกนิติ หรือโลกนิติที่เป็นร้อยกรอง เป็นการแปลคัมภีร์โลกนีติแล้วแต่งเป็นโคลงสี่สุภาพ และเพิ่มภาษิตอื่นๆ (ที่เชื่อกันว่าเป็นโลกนิติ)เข้าไปด้วย จำนวนภาษิตจึงมีมากกว่าที่มีในคัมภีร์โลกนีติ และมีหลายสำนวน เช่น ๑.๑ โคลงโลกนิติ สำนวนเก่า น่าจะแต่งขึ้นก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ หรืออย่างน้อยก็ก่อนรัชกาลที่ ๓ ๑.๒ โคลงโลกนิติ พระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมพระยาเดชาดิศร ฉ่บับนี้แต่งขึ้นระหว่างพ.ศ. ๒๓๗๕-๒๓๗๘ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร แล้วให้จารึกตำรับตำราต่างๆ ทั้งด้านวรรณคดี โบราณคดี พุทธศาสนา ประเพณี ตำรายา ตลอดจนสุภาษิต ลงบนแผ่นศิลาที่ประดับผนังปูชนียสถานต่างๆที่ทรงปฏิสังขรณ์นั้น สำหรับให้ประชาชนได้ศึกษาหาความรู้ ๑.๓ โคลงโลกนิติ (เข้าใจว่าเป็น) สำนวนของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ฉบับนี้แปลจากคัมภีร์โลกนีติ ฉบับภาษาบาลี (ย่อจาก บทนำเสนอ ในหนังสือ "โคลงโลกนิติ พระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร" ของกระทรวงศึกษาธิการ) จากคุณ : KAVINT - [ วันปิยมหาราช 01:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 32 06.36 น. นิติ - โลก - อ่าน - รู้ - คำคม คิด - เพ่ง -จิต - ผสม - ศัพท์ซึ้ง ซ่อน - ซับ - ใจ - ระทม - ยามเฒ่า ยาม - อ่าน - ทวน - อึ้ง - อ่านซ้ำ                                  คำสอน ขออนุญาตมาแกะรอย ... กลโคลงกาโกโลกนัยน์ ขอร่วมถอดกลโคลงใจ...ท่านคมเย็นช่วยไขด้วยครับ อ่านโลกนิติ อ่านรู้       คำคม จิตเพ่งคิด จิตผสม       ศัพท์ซึ้ง ใจซับซ่อน ใจระทม     ยามเฒ่า ทวนอ่าน ยามทวนอึ้ง    อ่านซ้ำคำสอน 07.06 น. .......................................................................... ขอคารวะสหายอาศรมชาวโคลงทุกท่านด้วยครับ ขอยอมรับว่ามาผิดที่ผิดทาง...มาวางโคลงผิดประเด็น จากคุณ : นกโก๊ก - [ วันปิยมหาราช 07:16:42 ]

ความคิดเห็นที่ 33 07.17 น. กลโคลงพรางขะบวน ขอบคุณ "คมเย็น" ท่านขวนขวายค้นหามาให้คิด บ้าน - อาเพศเหตุ - วิบัติ ซัด - ท่วมน้ำ - ท่านซ้ำ ถนัด - สนุกใคร - เพียงเฒ่า ช้ำ - หนุ่มสาว - ชอก ถอนกล เหตุอาเพศ อาเพศเหตุ บ้าน     วิบัติ น้ำท่วม ท่วมน้ำ ซัด                ท่านซ้ำ ใครสนุก สนุกใคร ถนัด          เพียงเฒ่า สาวหนุ่ม หนุ่มสาว ช้ำ             ชอกช้ำหนุ่มสาว 07.35 น. .......................................................................... ขอคาระทุกท่านไว้ด้วยใจบริสุทธิ์ แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 49 07:47:19 จากคุณ : นกโก๊ก - [ วันปิยมหาราช 07:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 34 07.47 น. ไทยเร้าเเล่นเรือเกลือ น้ำท่วมเหลือเชื่อซี้ ผู้เฒ่าเถือเนื้อแบ่งกินนอ ตูไม่ชี้ค่ำเช้าหนาวนอน 07.56 น. .......................................................................... ไทยเร้า - เฒ่าร้าย เเล่น        เรือเกลือ น้ำท่วม - น่วมทำ เหลือ         เชื่อซี้ ผู้เฒ่า - เผ่าทู้ เถือ               เนื้อแบ่ง กินนอ ตูไม่ - ตายหมู่ ชี้                 ค่ำเช้าหนาวนอน .......................................................................... แฮ่ แฮ่ แฮ่ ... หนีผก - นกผี ฮี่   ฮี่   ฮี่  ... กวีคำผวน - กวนวะคำผี - กวนหวีคำพระ .......................................................................... แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 49 08:24:47 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 49 08:23:28 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 49 08:12:12 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 49 08:09:54 จากคุณ : นกโก๊ก - [ วันปิยมหาราช 08:04:46 ]

ความคิดเห็นที่ 35 06.29 เขาเล่นโล้เรือกล หวยชอบชนช่วยซื้อ อายขดจนคนด่าแม่พ่อ แค่กลยื้อแย่งให้ใครกิน 08.37 น. เข็นเหล้า เขาเล่นโล้       เรือกล หอบช่วย หวยชอบชน     ช่วยซื้อ อายขด อดขายจน          คนด่า แม่พ่อ คนแก่ แค่กลยื้อ            แย่งให้ใครกิน 08.44 น. ..........................................................................      คมเย็น เล่นเป็นไหม ... นกผีร้าย ทะลายโลง          แฮ่ะ แฮ่ะ ขอความกรุณา ท่าน KAVINT               "อย่าดุคนบ้า อย่าด่าคนเมา"                    คารวะกราบลาคร้าบ   .......................................................................... แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 49 09:03:01 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 49 09:00:36 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 49 08:59:02 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 49 08:56:40 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 49 08:56:21 จากคุณ : นกโก๊ก - [ วันปิยมหาราช 08:55:36 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ๏ แม้มีความรู้ดั่ง..........สัพพัญญู ผิว์บ่มีคนชู.................ห่อนขึ้น หัวแหวนค่าเมืองตรู......ตาโลก ทองบ่รองรับพื้น..........ห่อนแก้วมีศรี ---------------------- ๏แม้นเก่งฉกาจขึ้น.......ชั้นครู ป๋าไม่ชอบไม่ชู...........ไม่ใช้ ค้ำตำแหน่งหรูหรู..........คับโลก อยู่นา สำเหนียกบ้างว่าได้.......ดั่งนี้เพราะป๋า ๚ะ จากคุณ : ethanoic - [ วันปิยมหาราช 23:28:28 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ๏ เบิกทรัพย์วันละบาทซื้อ........มังสา นายหนึ่งเลี้ยงพยัคฆา........ไป่อ้วน สองสามสี่นายมา........กำกับ กันแฮ บังทรัพย์สี่ส่วนถ้วน........บาทสิ้นเสือตาย ---------------------- ๏ เบิกหมื่นล้านหว่านซื้อ........ถมดิน   ดินไม่งอกดินกิน...............อร่อยล้ำ หลายยุคสนามบิน.............กำกับ  กันเอย ถมเพื่อขุดขุดย้ำ...............ค่อยย้ายมาถม ๚ะ จากคุณ : ethanoic - [ วันปิยมหาราช 23:45:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า..........มาถนอม   สูงสุดมือมักตรอม..............อกไข้   เด็ดแต่ดอกพยอม..............ยามยาก ชมนา สูงก็สอยด้วยไม้.................อาจเอื้อมเอาถึง -------------------- อกเราเฝ้าดอกฟ้า.............ด้วยฝัน สูงบ่กลัวสูงพลัน...............นึกสู้ ดอกพยอมก็ยังหัน............หน้าห่าง เราเฮย จึ่งอกหักห่อนรู้..................รักแท้สักที จากคุณ : ethanoic - [ 24 ต.ค. 49 00:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณกรวีไหม พึงสังเวย ตั้งแต่เกิดเป็นคนบนพื้นโลก สุขกับโศกตีคู่มาอย่าสงสัย พึงสังวรณ์รู้เห็นเราเป็นใคร คนใช่ไหมหรือว่ามะใช่คน อันอารมณ์ชี้ให้เห็นความเป็นมนุษย์ ว่าจะหยุดจะยั้งฟังเหตุผล หรืออยากได้อยากมีรี่เข้าชน ชีวิตต้องสู้จนตายเป็นตาย เหยื่ออารมณ์สังเวยเช่นเคยพบ มีจุดจบแตกต่างอย่างหลากหลาย การทุกข์ใจทุกข์กล้ำทำร้ายกาย แสนยากนักรักษาหายได้เหมือนเดิม พึงสังเวยความคิดจิตฟุ้งซ่าน เป็นกลอนกานท์ประสงค์เพื่อส่งเสริม สานดันดิบฉิบไม่พบขบคำเติม รู้ริเริ่มแล่นแร่แปรธาตุเทอญ จากคุณ : KAVINT - [ 24 ต.ค. 49 11:50:06 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คิดโต่งแล้วตาลาย จิตใครหมายหมั่นยื้อ ทาสซ้ำกลายกลับด่า เขาทนดื้อด่าได้ไม่สน เป็นสุภาษิตดังนี้.... โคลงติดคิดโต่งแล้ว.........ตาลาย ใจคิดจิตใครหมาย..............หมั่นยื้อ ธรรมศาสน์ทาสซ้ำกลาย..........กลับด่า คนเฒ่าเขาทนดื้อ.......................ด่าได้ทำดี สวัสดีทุกท่านครับ  ขออภัยคุณนก  กรอบ๓๓ ผมว่าโคลงวรรค๑คำมันเยอะไปหน่อย จากคุณ : คมเย็น (คมเย็น) - [ 24 ต.ค. 49 12:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณนกโก๊ก ใช้ O2 กับ ais เหรอครับ มิน่า ไอพี(เราสองคน)ออกมาเหมือนกันเด๊ะ หมาเห่าจับตะกร้อ............ใส่ปาก คนเห่าให้เอาสาก............ยัดไว้ อะไรอะไรก็ไม่ยาก...........ปืนอุด เหล่าทาสคอยรับใช้..........ขัดเก้าอี้สนาม คุณ จำปูน (อ่างหยก) รักแท้พบที่ไน้ท์............safari เดือนมืดดวงดาวมี.........เกลื่อนฟ้า รักลวงหลากแสงสี..........แถบพัท ยาเอย เดือนมากมายหลายหน้า..แกว่งเต้าติดดาว ไนท์ซาฟารีที่เขาเขียวน่าไปมากนะครับ พ่อแม่พี่น้อง ตื่นเต้นมากเพราะต้องนั่งในรถพ่วงขับขึ้นเขาลงเขาโดยไม่เปิดไฟหน้า ! สัตว์จะ active มากกว่าตอนกลางวันโดยเฉพาะที่หุบเสือป่า มากลางวันเห็นแต่เสือนอน มากลางคืนจะเห็นเสือเดินครับ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 49 12:32:34 จากคุณ : KAVINT - [ 24 ต.ค. 49 12:24:59 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณจำปูน(ต่อ) แพรไหมพันห่อหุ้ม ทุรชน ต่อยอดความคิดของโคลงได้ดีทีเดียวครับ :) ห่อหมกพันห่อด้วย........ใบตอง กินก็เอาแค่รอง............ก่อนทิ้ง คนตายใส่โลงทอง.........ชุดใหญ่ หนอนขุดเขี่ยทองกลิ้ง....เขมือบเนื้อพุงคน จากคุณ : KAVINT - [ 24 ต.ค. 49 12:51:30 ]

ความคิดเห็นที่ 43 รู้เช่นเห็นชาติเจ้า วิฬาร์ เล่นเล่นทำหน้าตา เชื่องช้อย เรื่อยเรื่อยกรงเล็บมา ตะปบ ตัวก็แต่น้อยน้อย มากเล่ห์ หลายกล ใครเขาว่าแมวเจ้า เอา (แต่) ใจ ออดอ้อนย้อนยวนให้ เลี้ยงข้าว แต่ใครเล่ารู้ไหม มันรัก แท้นา ขอฝากคุณสาวสาว ลวงรัก อายแมว แฮ่ อารมณ์รักแมว แจมด้วยคน จากคุณ : atihasita (atihasita) - [ 24 ต.ค. 49 16:12:52 ]

ความคิดเห็นที่ 44 18.28 น. ๐ IP นก คล้ายท่าน      KAVINT เหมือนคู่แฝดฝาด ดิน   ต่างฟ้า 039 อยู่จันท์ บิน         จากป่า เกาะคลื่นบลูทูซ ช้า      คลื่นนี้ AIS ๐ เหตุใดก็ไม่รู้            ซิครับ นกป่า นบคำนับ           พี่ด้วย หลักกวีช่วยกำกับ        สะกิดกล่อม เกลาแน โคลงสี่นกผี ฉ้วย         ข่มบ้างครับผม 18.55 น. ..................................................................................................... มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมคร้าบบ ... ย้อนไปดู # 13 แล้ว จึงได้เห็น O2 ห้ามคิด ปิด O2 สัก              ครู่แน้ O2 ... หมายถึง...ออกซิเจน ( พิมพ์ โอทู แบบตัวห้อยบ่ได้ฮับ) ปิดออกซิเจนสักครู่...สมองตาย...กลายเป็นเจ้าชายนิทราอ่ะฮับ บ่ต้องคิด ... หลับลูกเดียว ........................................................................................................ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 49 19:15:38 จากคุณ : นกโก๊ก - [ 24 ต.ค. 49 19:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 37 แต่งโดยคุณ ethanoic ล้ำลึกมาก ขอคารวะ จากคุณ : Mr.Com (mr_com@hotmail.com) - [ 24 ต.ค. 49 19:22:04 A:124.121.97.191 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 อย่าปอง สิ่งแก้วไป่ ควรปอง เขาบ่ ตรึกอย่าตรอง ตริบ้า เร่งคิด คิดแต่ของ ควรคิด..นะพ่อ การที่ สูญเปล่าอ้า อย่าได้ควรปอง (โลกนิติคำโคลง) ลองปอง สิ่งแก้ว ที่ ควรปอง เขาบ่ ตรึกจงตรอง ตริบ้าง ความคิด สิทธิของ ปัจเจก..นะพ่อ กาลิเลโอ อ้าง อวดรู้เลวไฉน (นวโลกนิตคำโคลง) รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำลึกเหลือ (โลกนิติคำโคลง) รู้น้อยหนึ่งรู้ร่า- เริงใจ รู้รสทะเลไหล ละห้อย ไป่ปองคะนองไป กลางสมุทร ชมว่าสระกระจ้อย จืดล้ำดีเหลือ (นวโลกนิตคำโคลง) จากคุณ : กวินทรากร - [ 25 ต.ค. 49 10:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 47 มาขออ่านก่อนนะครับ จากคุณ : :) (นายคิม) - [ 25 ต.ค. 49 13:36:41 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สวัสดีค่ะพี่ kavint เพื่อน ๆ โคลงนิด ๆ กลับมาจากแอ่วแล้ว.............ม่วนหลาย แต่ก็เหนื่อยแทบตาย............พี่น้อง แข้งขาเมื่อยขบคลาย...........หายปวด จักเก็บตังค์ใส่บ้อง...............แม่แจ้นอีกครา ๚ จากคุณ : ซอมพอแดง - [ 26 ต.ค. 49 10:12:18 A:unknown X:202.129.0.10, 202.129.0.10 TicketID:062433 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สวัสดีครับ ทุกท่าน นอกจากบท นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย, ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร, ก็มีบทนี้ครับ ที่พ้มชื่นชอบ ใจคนใจชั่วช้า               โฉงเฉง ใจจักสอนใจเอง            ไป่ได้ ใจปราชญ์ดัดตามเพลง   พลันง่าย ดุจช่างปืนดัดไม้           แต่งให้ปืนตรง ฯ บทนี้ท่านนำเสนอสองเนื้อหาแต่ตรงข้ามกัน ใช้สำนวนสมัยนั้น ที่มีปืนไม้ สมัยคงไม่ค่อยรู้จัก และมีอีกหลายสำนวนมากมายที่ชื่นชอบเกือบจะทั้งหมด ดังที่หลายๆ ท่านยกมาวางไว้แล้ว เป็นหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่งครับ สวัสดีขอรับ จากคุณ : พิราบเงิน - [ 26 ต.ค. 49 11:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แวะมาดู อีกที ล้นหลาม คำโคลงสอนใจสมัยใหม่ อมหมากอมจืดแล้ว...........คายออก ความลับอมไว้บอก............ปากกล้า หรืออมอยู่ในปลอก...........ปากสุนัข เป็นดั่งไฟเจิดจ้า...............ทั่วทั้งบางเอย ---------- เขาบอกหากคายความลับให้คนปากกล้ากับคนปากสุนัขรู้ ก็ดั่งป่าวประกาศทั่วทั้งบาง สมัยนี้ยังจะมีคนรู้จักการอมหมากอมพลูไหมนี่??? แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 49 17:26:50 จากคุณ : ผู้หญิงสีน้ำทะเล (sugarhut) - [ 26 ต.ค. 49 17:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 51 รังนกตกแต่งให้............ พอตัว รักหนึ่งจึงจำกลัว........... สื่อน้อย ใจรักปากตามหัว..........  เบนเบี่ยง กาลสุดรักคลาคล้อย.....  นั่งว้างคารัง แวะมาเยี่ยมอาศรมฯ ครับ  ขอแต่งพอเป็นมารยาท ดูคึกคักกันดีนะครับ จากคุณ : piangdin - [ 27 ต.ค. 49 02:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมมาจากห้องศาสนา เลยขอมอบโคลงกระทู้ไว้บ้าง ----------------------------------------------- วฏฏ...  เวียนว้าวุ่น              วกวน จริงหรือ? มี...    ภพชาติเกิดจน           ไม่สิ้น จริง...  เท็จมิอาจดล             ประจักษ์ ต่อตา หรือ?.. เสี่ยงสูญชีพดิ้น          จึ่งรู้เอาเอง นิพ...พานไผถ่องแท้             อย่าเกรง ชี้แจง พาน...พบภูมิวังเวง               ว่างว้าง ดับ... กิเลสตนเอง                ได้หมด จริงฤา? หรือ?...เปล่าเปลือยร่างร้าง     จิตรั้น  ทุรน จิต...รอบจัดร้อยเหลี่ยม         เล่ห์กล ตน...มิอาจเชื่อตน                ว่าแท้ ลวง...อย่างยิ่งแยบยล           ยากหยุด ยุ่งซี จิต...ดั่งเด็กอ้อแอ้               หยั่งรู้ ได้ฤา ? จากคุณ : Elshaddai - [ 27 ต.ค. 49 10:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คุณพจนารถ๓๒๒ ยามจนทนขุดไส้-......เดือนกิน กำเนิดมาติดดิน........อย่าท้อ กองทุนหมู่หนี้สิน.......ห้ามหยิบ ยืมนา กินอยู่อย่างเพียงพ้อ....ไม่เพ้อมือถือ ขอบคุณขอรับ คุณAr@p คิดถึง   แต่งแล้วก็หายคิดถึง  :) คุณเจียวต้าย หมวยตี๋ตาตี่ต้อง.......กรีดตา ศีรษะไร้เกศา..........ปลูกได้ ดำขาวเปลี่ยนไปมา....ไมเคิ่ล จิตตกบ่งบอกไซร้......เหี่ยวใต้หนังตึง คุณ boonsomch ถือปืนส่องสัตว์นั้น......บาปหนา กิเลสอาจนำพา.........ลั่นเปรี้ยง ปิดปากปิดหูตา..........ให้สงบ ป๋าสั่งบ้านนี้เลี้ยง.......ลูกด้วยลูกกระสุน แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 49 13:14:32 จากคุณ : KAVINT - [ 27 ต.ค. 49 13:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ภาษาภาษิตพ้อง.........สรรเพียร วนคิดวาดคำเวียน............วัจน์คล้อง โคลงกลอนคิดกาพย์เขียน......กลคล่อง ปันศาสตร์ปราชญ์เสพป้อง...........ไป่สิ้นปองศิลป์ จากคุณ : คมเย็น (คมเย็น) - [ 27 ต.ค. 49 16:21:35 ]

ความคิดเห็นที่ 55 นาคีมีพิษเพี้ยง               พระอาทิตย์ ยิ้มแฉ่งแผลงอิทธิฤทธิ์     อุ่นหล้า สาวสาวระวังนิด              ออกแดด  นาแม่ ผ้าผ่อนอย่าอ้าส้า            เพราะว่าผิวจะเสีย กำแหงแมงป่องแกล้ว      กริยา ยาหม่องทาถูทา             พิษแผ้ว ทะเล่อทะล่าโผล่กรุงมา    มีสิทธิ์  ตายนะพ่อ แมลงทอดมีขายแล้ว       ทั่วบ้านเมืองสยาม จากคุณ : หมีเซอะ - [ 27 ต.ค. 49 16:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 56 พี่หมี..#55 เป็นจะไดไหงพี่นี้............กินแมลง มาช่วยบอกช่วยแถลง......หน่อยนะฮ้า กบหรือป่าวมาแจง...........บอกนิด นาพ่อ แมงมุมล่ะใช่ม้า..............ทำจะอี้เป็นงง ......... *** ...ถามกรณีพิเศษเจ้าค่ะ....เหอๆๆๆๆๆ จากคุณ : กรวี (กรวี) - [ 27 ต.ค. 49 18:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 57 พี่เสือ  #39 แล้วก็ได้อ่านถ้อย...........ตอบคำ คิดว่าต้องรอยำ..............ชาติหน้า พี่บอกจับปลาทำ.............สองอยู่  มะว่างเฮย หลายมือเหนื่อยนะค้า.......ห่วงด้วยใจจริง ** เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  พี่เสืออย่าตื้บหนูน่ะ....  กลัวอ่ะ.. จากคุณ : กรวี - [ 27 ต.ค. 49 18:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ภาษาภาษิตพ้อง...........สรรเพียร วนคิดวาดคำเวียน..............คล่องไว้ โคลงกลอนคิดกาพย์เขียน........กานท์คัด ศาสตร์ปราชญ์เสพปันไสร้..............ไป่สิ้นปองศิลป์ (อักษรสลับ) แก้ตัวกรอบที่๕๔ จากคุณ : คมเย็น (คมเย็น) - [ 27 ต.ค. 49 18:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สวัสดี คุณ kavint เจ้าของกระทู้ และทุกท่านครับ หายหน้าไปหลายวันคิดถึงอาศรมขอรับ กลับจากเชียงรายได้สองสามวันแล้วพึ่งมีโอกาสเข้ามา เอาภาพมาฝากก่อนน้อ... ภาพ พระพุทธจอมเกศ ปางประทานพร ของวัดพระธาตุจอมแว่ อ.พาน จ.เชียงราย สถานที่นี้เคยเป็นจุดแวะพักของขบวนอัญเชิญพระแก้วมรกต จากเชียงรายเพื่อไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วขอรับ สัดส่วนไม่ได้บอกรายละเอียดไว้แต่ใหญ่มากเลยครับ -------------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : xers - [ 28 ต.ค. 49 01:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 60 มนต์ปลุกเสกเล่ห์อ้าง         พระธรรม อันใด เกจิเป่าบริกรรม                  พ่นเพี้ยง นำพระเครื่องมายำ              มนต์เวทย์ ทำไม พาศรัทธาชนเดี้ยง               ป่นปี้ปัญญา -----------------------------------------------  วัตถุมีค่าล้ำ                    เท่าไร กันเชียว ตะกรุดวิเศษใด                  ช่วยได้ ผ้าประเจียดผืนไหน             พันผูก ใจคุณ ปลัดขิกโยงผูกไว้                โง่ห้อย ทั้งเพ --------------------------------------------------- เดรัจฉานวิชช์ต้อง             ห้ามลอง รู้เรียน ยิ่งฝีกจิตยิ่งผยอง               หยิ่งรั้น มารรุกคืบครอบครอง          เข้าฆาต วิญญาณ ท้ายสุดชีวิตนั้น                  ดับดิ้น มรณา ------------------------------------------------------- จากคุณ : Elshaddai - [ 28 ต.ค. 49 10:30:05 ]

ความคิดเห็นที่ 61 คุณElshaddai วฏฏมีจริงหรือ เป็นวิจิกิจฉา ตอบได้โดย หลัก ปฏิจจสมุปบาท นิพพานดับหรือ อันนี้ตอบไม่ได้ครับเพราะยังไม่เคยนิพพานแต่มีนิทานมาเล่าให้ฟัง ณ ประเทศจีน ในขณะที่สังฆปริณายกองค์ที่ ๕ กำลังเผยแผ่ศาสนาอยู่...มีเด็กหนุ่มกำพร้าคนหนึ่งชื่อ "เว่ยหล่าง" มีอาชีพตัดฟืนขายเลี้ยงมารดาผู้ชราที่ตำบลชุนเชา มณฑลกวางตุ้ง ภาคใต้ของจีน.. เว่ยหล่างได้ยินอุบาสกคนหนึ่งสวดวัชรปรารมิตาสูตร หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า "กิมปังปัวเยียปอล่อมิกเก็ง" พอได้ยินเท่านั้น ก็เกิดขนลุกชูชัน เกิดศรัทธาอยากจะศึกษาธรรมะเหลือเกิน แต่ติดขัดที่ไม่มีใครดูแลมารดา จึงรออยู่พักหนึ่งจนในที่สุดมีผู้ให้เงิน ๑๐ ตำลึง เพื่อมอบให้มารดาใช้สอยขณะเขาไม่อยู่ เว่ยหล่างจึงเดินทางไปเมืองวองมุย ใช้เวลาเดินทางถึง ๑ เดือน พอไปถึงก็เข้าไปนมัสการพระสังฆปริณายก ขอเรียนธรรมะด้วย "เธอมาจากไหน" ท่านอาจารย์ถาม "มาจากปักษ์ใต้ครับ" "คนทางใต้เป็นคนป่าคนดง จะหวังเป็นพุทธะได้อย่างไร" "คนอาจจะมาจากภาคเหนือภาคใต้ แต่พุทธภาวะไม่มีเหนือไม่มีใต้ มิใช่หรือครับ" เด็กหนุ่มย้อน ท่านสังฆปริณายกรู้ทันทีว่าเด็กหนุ่มบ้านอกคนนี้ ได้รู้สัจธรรมระดับหนึ่งแล้วแต่เพื่อมิให้เป็นภัยแก่เขา จึงแสร้งดุให้เขาเงียบเสียง แล้วให้ไปช่วยทำงานในครัว วันหนึ่งท่านอาจารย์เรียกประชุมศิษย์ทั้งหมด ให้แต่ละคนเขียน "โศลก" บรรยายธรรมคนละบทเพื่อทดสอบภูมิธรรม "ชินเชา (ชินชิ่ว)" หัวหน้าศิษย์ เป็นผู้ที่ใคร ๆ ยกย่องว่าเป็นผู้เข้าใจธรรมะอย่างลึกซึ้งกว่าคนอื่น และมีหวังจะได้รับมอบบาตรและจีวรจากท่านอาจารย์แน่ ๆ ได้แต่งโศลกบทหนึ่ง เขียนไว้ที่ผนังว่า "กาย คือต้นโพธิ์ ใจ คือกระจกเงาใส จงหมั่นเช็ดถูเป็นนิตย์ อย่าปล่อยให้ฝุ่นละอองจับ" ท่านอาจารย์อ่านโศลกของชินเชาแล้ว ชมเชยต่อหน้าศิษย์ทั้งหลายว่าเป็นผู้เข้าใจธรรมอย่างลึกซึ่ง (แต่ตอนกลางคืนเรียกเธอเข้าไปพบตามลำพัง บอกว่าชินเชา "ยังไม่ถึง" ให้พยายามต่อไป) เว่ยหล่างได้ฟังโศลกของหัวหน้าศิษย์แล้ว มีความรู้สึกเป็นส่วนตัวว่า ผู้แต่โศลกยังเข้าใจไม่ลึกซึ้ง จึงแต่โศลกแก้ เสร็จแล้ววานให้เพื่อนช่วยเขียนให้ เพราะเว่ยหล่างอ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้ โศลกบทนั้นมีความว่า "เดิมที ไม่มีต้นโพธิ์ ไม่มีกระจกเงาใส เมื่อทุกอย่างว่างเปล่าตั้งแต่ต้น ฝุ่นละอองจะลงจับอะไร" ท่านอาจารย์รู้ทันทีว่า ผู้เขียนโศลกเป็นผู้เข้าถึงสัจธรรมสูงสุดแล้ว จึงถามใครเป็นคนแต่ง พอทราบว่าเว่ยหล่างเด็กบ้านนอกแต่ง จึงสั่งให้ลบทิ้ง พร้อมดุด่าต่อหน้าศิษย์อื่นๆ ว่า หนังสือยังอ่านไม่ออกสะเออะจะมาเขียนโศลก แต่พอคล้อยหลังศิษย์อื่น ท่านอาจารย์เรียกเว่ยหล่างเข้าพบมอบ บาตรและจีวรให้ (มอบตำแหน่ง) แล้วสั่งให้รีบหนีไปกลางดึก จิตตนลวงจิต อันนี้สงสัยจะจริงครับ จากคุณ : กวินทรากร - [ 28 ต.ค. 49 11:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คือว่ากรวีเห็นบางท่านยังเขียนโคลงไม่ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ แหะๆๆๆๆ (เหมือนกรวี(รึเปล่า) แหะๆๆๆ) อยากให้พี่เสือช่วยหาฉันทลักษณ์มาแปะไว้หน่อย และคำอธิบายเกี่ยวกับคำสร้อย และข้อบังคับต่างๆ ทั้งอีกการข้อบังคับในการใช้สระเสียงยาว  เสียงสั้น คำเป็นคำตาย มาแจงหน่อยนะค่ะ .... แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 49 12:01:06 จากคุณ : กรวี (กรวี) - [ 28 ต.ค. 49 11:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 63 "กาย คือต้นโพธิ์ ใจ คือกระจกเงาใส จงหมั่นเช็ดถูเป็นนิตย์ อย่าปล่อยให้ฝุ่นละอองจับ" ***จากตรงนี้เหมือนคนแต่งยังยึดติดอยู่  กำลังพยายามที่จะเข้าถึงแต่ยังไม่สามารถทำได้.... "เดิมที ไม่มีต้นโพธิ์ ไม่มีกระจกเงาใส เมื่อทุกอย่างว่างเปล่าตั้งแต่ต้น ฝุ่นละอองจะลงจับอะไร" ***แต่ตรงนี้เหมือนผู้แต่งไม่ได้ยึดติดกับอะไร    จิตใจอยู่ในขั้นสูงพูดได้ว่าสามารถเข้าถึงในพระพุทธะ... เช่นเดียวกับการแต่งโคลง  กลอน  หากไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ก็หาความไพเราะได้ยากฉันนั้นแล  นี่เป็นความคิดของกรวี  เพราะกรวีเองยังเข้าไม่ถึงเช่นกัน  แหะๆๆๆๆๆ  ...   ***ทุกอย่างที่มีตัวตน พึงมองไม่เห็นตัวตน ............. ผิดถูกประการใดท่านกวินทรากรช่วยชี้แนะด้วยละกันนะเจ้าค่ะ...  แหะๆๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 49 12:52:28 แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 49 12:33:44 แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 49 12:33:42 จากคุณ : กรวี - [ 28 ต.ค. 49 12:16:38 ]

ความคิดเห็นที่ 64 คุณ พจนารถ๓๒๒ อึดอัดหน้าคล้ำรอบ.......ปากเขียว ฟาดเคราะห์อีกปีเดียว.....อึดไว้ อย่าเพิ่งขาดใจเชียว.......จงเชื่อ มั่นเทอญ ประเทศชาติรุ่งเรืองได้....แบบต้องเขียวเขียว นอกจากไนท์ซาฟารีและหุบเสือป่าแล้ว บ่อฮิปโปของเขาเขียวก็น่าตื่นตาเช่นกัน ใหญ่โตมากครับ มีฮิบโปหลายตัว ผู้เข้าชมสามารถซื้อกล้วยน้ำว้าหวีละ 20บาท  เอาไว้โยนเข้าปากฮิบโปได้ น่ารักมากๆ คุณ  เจียวต้าย ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ  เป็นแบบการแต่งโคลงจากสุภาษิต/คำพังเพยได้น่าสนใจทีเดียวครับ ลองเปลี่ยนตัวอย่างบ้างดีกว่า  :) ฝันบนพานแว่นฟ้า.........เต็มใบ กี่เลือดกี่หัวใจ.............คลุกเคล้า เจ็ดสิบสี่ปีไกล.............เกินกลับ ปืนพลิกลงแทบเท้า........ล่มล้างละลายหาย คุณ ช้องนาง. "เสื่อมศีลศักดิ์ถือสาก คอยสอด"! สองอาทิตย์ก่อนไปอ่างศิลามาล่ะ   แม่ค้าบอกว่า หินอ่าง จะแพงกว่าแบบไม่ใช่หินอ่าง ยกท่านข่มปากห้าม.....ตนเผลอ ต้องยกท่านสม่ำเสมอ..เท่านั้น ท่านผิดอย่าได้เสนอ....หน้าบอก ผู้ใหญ่ย่อมเชี่ยวชั้น......ชนะแล้วทุกหมา เดินตามหลังผู้ใหญ่ไปเถอะครับ จากคุณ : KAVINT - [ 28 ต.ค. 49 20:51:57 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ลงชื่อเยี่ยมกระทู้............เยือนชม แวะอ่านด้วยนิยม............บอกไว้ แม้จะห่างนานนม............ยังอยู่ ตามอ่านยามเวียนใกล้.....ถิ่นนี้อาศรมฯ จากคุณ : ไร้นาม - [ 29 ต.ค. 49 16:00:02 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณ KAVINT รู้สึกโคลงและอารมณ์ในช่วงนี้อาจออกไปในแนวดุดัน ด้วยคงเพราะเสียดาย "ความฝัน" บน "พานแว่นฟ้า" ที่ถูก "ไทรใหญ่" ทำลายกระมัง ขอฝากโคลงแทนอารมณ์ของคนบางคนครับ ตัดจันทน์ฟันม่วงไม้.........จัมบก แปลงปลูกหนามลามรก....รอบเรื้อ   ฆ่าหงส์มยุรนก................กระเหว่า เสียนา เลี้ยงหมู่กากินเนื้อ............ว่ารู้ลีลา (โลกนิติ) ---------------------------------- ตัดอธิปไตยต่ำใต้.................ตีนตน ปลูกเผด็จการดล..................ดั่งนี้ ฆ่าปราชญ์ฆ่าสาธุชน..............ทำชอบ  ไว้นา เลี้ยงหมู่อันธพาลชี้.................ช่วยซ้ำเติมไทย  แม่เอยฯ (ได้แรงบันดาลใจจากวรรคทอง "เสรีภาพพินาศใต้........ตีนมาร" ของท่านวฤก ครับ) จากคุณ : ethanoic - [ 29 ต.ค. 49 21:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คุณ Mr.Com (mr_com@hotmail.com) อักขระห้าวันหนี    เนิ่นช้า สำคัญมาก กรุณาอย่าเว้นการแต่งโคลงกลอนเกินห้าวันนะครับ โคลงบทนี้เป็นสูตร 7-5-3-1 ลดเวลาลงมาเพื่อให้ความสำคัญกับบาทสุดท้ายคืออย่าลืมล้างหน้าทุกวัน  โคลงของคุณ Mr.Com (mr_com@hotmail.com) ก็เป็นไปในแบบเดียวกัน ดีครับ ว่าแต่ว่า เล่นผีลายนี่เป็นอย่างไรหนอ หนึ่งวันน้ำท่วมบ้าน.........สนุกสนาน หนึ่งสัปดาห์ชักอาน.........อีกขั้น หนึ่งเดือนด่ารัฐบาล.........ก็ไม่ แห้งฤๅ หนึ่งชาตินานขนาดนั้น......เน่าเท้าถึงหัว คุณ หิ่งห้อยน้อยใจ สามสิบสอง  พยางค์เกินนะคับ เหมือน ซาฟารีแหละ พยางค์เกิน อิๆ รักฟันไปหมดแล้ว........ทั้งใจ สีทั่วถึงเวียนไป...........รอบลิ้น บน-ล่าง-นอกและใน.....นั่นแหละ สดชื่นด้วยรสมิ้นท์........สุขยิ้มเย็นเย็น ก้านพลูคือก้านของใบพลูแทนแปรงสีฟันได้เหรอ? คุณ คมเย็น (คมเย็น) อายฟันหุบปากห้าม.............รับประทาน อายสัดส่วนสังขาร...............ปิดป้อง อายขี้เหร่อาการ..................เอียงหลบ อายบาปจึงประเสริฐต้อง........นับไว้นับถือ คุณคมเย็น(ต่อ) จริงๆเล่นกลบทคำผวนนี่ก็สนุกครับ แต่ถ้าทำได้พยายามผวนให้ตรงเสียงวรรณยุกต์จะดีกว่า หมอกดีไม้งดงาม มะลิสามกลีบสล้าง สวยมากถามนี่ดอกอะไรฤๅ ฮาแตกบ้างไม่รู้หรอกเธอ จากคุณ : KAVINT - [ 30 ต.ค. 49 01:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 68 คุณนกโก๊ก/คุณคมเย็น ว่าจะลองเล่นกลให้ครบทุกกระบวนแต่สงสัยจะไม่ไหว เลือกอันนี้แล้วกัน ต้อง-ใจบอก-ตรงกัน ฉัน-ชอบเธอ-ชิดใกล้้ วัน-ผ่านเดือน-ปีผ่าน ได้-รักเธอ-สุข บอกใจใจบอกต้อง......ตรงกัน เธอชอบชอบเธอฉัน....ชิดใกล้ เดือนผ่านผ่านเดือนวัน..ปีผ่าน เธอรักรักเธอได้.........สุขได้รักเธอ ถูกมั้ยเนี่ย จะไม่เขียนโคลงการเมืองก็ต้องออกแนวน้ำท่วมขังเป็นเวลานานเช่นนี้แลครับ  :) ปล.ตอบคุณนก โคลงอะไรก็เอามาลงได้ทั้งนั้นแหละครับ ห้วข้อตั้งไว้ให้รู้ว่าความเห็นแรกๆพูดถึงเรื่องอะไรแค่นั้นเอง คุณ ethanoic คนเก่งอีกคน ใครหว่า เปรียบเทียบได้ตรงแนวดีเลยครับ อิๆ พอดีหนังสือโคลงโลกนิติหายอีกแล้ว แต่งตามคุณไปก่อนแล้วกัน ดีชั่วใดสรุปได้..................คอยดู ประชาชอบด้วยประชาชู.......ถูกต้อง ดีเลิศประเสริฐหรู..............สาหัส เหยียดพ่อแม่พี่น้อง............อย่าแสร้งสอนธรรม เบิกทรัพย์ต่อทรัพย์สร้าง........สุขประชา หนึ่งบาทเป็นร้อยพา.............อิ่มได้ สมองปลอดโปร่งตา.............ย่อมเปิด คิดออกถูกผิดใช้.................สูตรนี้ดีหรือ เก็บทรัพย์หวงทรัพย์สร้าง.........สุขประชา มีบาทจ่ายบาทมา..................เท่านี้ คิดง่ายง่ายพอยา...................ไส้ผ่าน วันฤๅ หิว-โง่-เขาย่อมชี้...................สูตรต้องตามเขา คุณ atihasita (atihasita) รักแมวก็ว่าได้............เงินแมว จึงจอดมิต้องแจว.........เช่นนี้ นางงามรักเด็กแถว.......ประเทศแถบ นี้นา กรรโชกทรัพย์เด็กชี้.......ถูกปล้นค่าขนม ผังโคลงสำหรับมือใหม่ หาดูได้ในอาศรมฯเก่าๆนะครับ หรือน้องไหมจะช่วยนำมาแปะให้ก็ดีนะ :) จากคุณ : KAVINT - [ 30 ต.ค. 49 11:06:21 ]

ความคิดเห็นที่ 69 สวัสดีครับ คุณ KAVINT และทุกท่าน คิดถึงครับ แวะมาอาศรมฯ กระทู้ดี คนเฝ้าฝีมือเยี่ยม ถึงจะยังไม่ได้อ่านละเอียด ก็วางใจได้ งานเบาลงบ้างแล้ว แต่พอว่างก็ออกเที่ยว ขออ่านอย่างเดียวก่อน เคยเขียนแนวโคลงโลกนิติ ไว้บ้างเป็นการฝึกหัด เขียนล้อบ้างก็มี คงต้องไปค้น ถ้าเจอจะคัดมาร่วมกระทู้ เห็นภาพพระพุทธรูปที่คุณ Xers(59) นำมาลงก็อยาก จะส่งประกวดความใหญ่โตขององค์พระดูบ้าง ผมถ่าย เก็บไว้หลายรูป หลายจังหวัด สวัสดีครับ ป.ล. ภาพ : หลวงพ่อทวด  วัดห้วยมงคล ประจวบฯ แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 49 14:17:24 จากคุณ : คัมภีร์โบราณ - [ 30 ต.ค. 49 14:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สวัสดีครับคุณ kavint ป๋าคัมฯ และทุกท่านครับ เอามาฝากอีกภาพครับ เป็นองค์เดิมที่เอามาลงไว้ใน '59 ภาพนี้ทางด้านหลังครับ เทียบให้เห็นขนาดเมื่อถ่ายจากวิหาร สวยมากเลยครับ นึกไปถึงคำว่าปิดทองหลังพระ แต่สำหรับองค์นี้คิดว่าต้องมีคนเห็นแน่ๆเลยครับ แหะๆ ๏ ปิดทองหลังพระด้วย      ใจทอง ดังตึกก่อจากสมอง           วิศวะปั้น ขาดกรรมกรปอง-             สำเร็จ   ได้ฤา ดีชั่วทำไปนั้น                   ระลึกได้โดยตน ๚ ลองเปลี่ยนแนวแต่งไม่ค่อยถนัดแฮะ ปกติแต่งแบบ คุณหมอวฤกที่บาท1 3  และบาท 2 4 ล้อความกัน พอมาแต่งแบบนี้ความไม่ค่อยเดินอ่ะ อาศรมนี้มีโคลงเด็ดๆเยอะเลยครับ ต้องนั่งอ่านย้อนหลัง ยาวเลย แวะมาคุยกับคุณ KAVINT ด้วย เห็นโคลงต้นกระทู้ จริงๆแล้ว  "กระเทยออกลูกเป็นกระทิง"  จริงนะครับ เป็น "กระทิงเจยเจย"  แหะๆ พอดีผวนเล่นๆ แวะมาแซว ลิ้งค์ผังโคลงตามคำขอครับ http://arsom.hangercafe.com/ ลิ้งค์พระบรมราโชวาทเกี่ยวกับ ปิดทองหลังพระ และพระจิตรลดาที่ทรงสร้างด้วยพระองค์เองขอรับ http://www.moomkafae.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=140974&Ntype=1 ------------------------------------------------------------------------------------ แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 49 14:42:31 จากคุณ : xers - [ 30 ต.ค. 49 14:35:28 ]

ความคิดเห็นที่ 71 18.16 น. ๐ ชาติไทยควรต้อง รุ่ง         เรืองโรจน์ หริบหรี่เรืองรอง โอด            อ่อนด้อย แหลมทองถิ่นไทย โทษ       โดดเด่น ใครเด่น โดดอัดถ้อย            เถื่อนทั้งเมืองไทย ๐ อับอาย ไปทั่วทั้ง             โลกา สิทธิ์ไม่มี ประชา                 ชั่วล้าง จริยธรรม โปร่งใสสา-          สมแก่ ใจแน   ทำเพื่อ "ประชาธิปไตย"อ้าง  ว่าล้วนชอบธรรม ๐ ถลำลึกลงสู่ห้วง               หายนะ ถลำเล่น"อาถรรพ์มะ"           หมู่ม้า ถลำหลงแห่ตามจะ              เป็นเหยื่อ ถลำล่วงกาลนานช้า             ซิ่นเชื้อดับสูญ                                       (สิ้น)                                           18.53 น. .......................................................................... ห่างหาย   ใจหดหู่ ด้วยไม่รู้   โลกนิติ แจมใจส่ง โคลงนกผี เน้นโทสี่   เอกเจ็ด ครับ (ท่าน KAVINT ) .......................................................................... จากคุณ : นกโก๊ก - [ 30 ต.ค. 49 19:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 72 สวัสดีเจ้า คุณKAVINT & ทุกท่าน  ^_^ เมี้ยวววววววว  แหมหนูหิ่ง ฯ อุตสาห์ลักไก่  (จับได้อิ๊กตะหาก) ขออนุญาตแก้ตัว ^_^ ด้วยการแปะผังโคลง และข้อมูลที่ก๊อปมาจากพี่รมย์ บุรินค่ะ โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดดังนี้ ข้อที่หนึ่ง - เรื่องคำสร้อย คำสร้อยที่นิยมใช้กันมาแต่โบราณนั้น มีทั้งหมด ๑๘ คำ ดังนี้ ๑. 'พ่อ' ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล เช่น ฤทธิ์พ่อ, นี้พ่อ, นาพ่อ ฯลฯ ศัตรูหมู่พาลา ...................................... พาลพ่าย ฤทธิ์พ่อ ๒. 'แม่' ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล หรือเป็นคำร้องเรียก เช่น แม่แม่, มาแม่ ฯลฯ แสนศึกแสนศาสตร์ซ้อง ..................... แสนพัน มาแม่ ๓. 'พี่' ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล อาจทำหน้าที่เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑ หรือบุรุษที่ ๒ ก็ได้ เช่น เรือพี่, ฤๅพี่ ฯลฯ สองเขือพี่หลับไหล ............................. ลืมตื่น ฤๅพี่ ๔. 'เลย' ใช้ในความหมายเชิงปฏิเสธ เช่น เรียมเลย, ถึงเลย ฯลฯ ประมาณกึ่งเกศา ............................... ฤๅห่าง เรียมเลย ๕. 'เทอญ' มีความหมายในเชิงขอให้มี หรือขอให้เป็น เช่น ตนเทอญ ฯลฯ สารพัดเขตจักรพาล ........................... ฟังด่ำ บลเทอญ ๖. 'นา' ดังนั้น เช่นนั้น จำบำราศบุญเรือง ............................ รองบาท พระนา ๗. 'นอ' มีความหมายเช่นเดียวกับคำอุทานว่า 'หนอ' หรือ 'นั่นเอง' ยอกไหล่ยอกตะโพกปาน .................. ปืนปัก อยู่นอ ๘. 'บารนี' สร้อยคำนี้ นิยมใช้มากในลิลิตพระลอ มีความหมายว่า 'ดังนี้' 'เช่นนี้' กินบัวอร่อยโอ้ .................................. เอาใจ บารนี ๙. 'รา' มีความหมายละเอียดว่า 'เถอะ' 'เถิด' วานจวนชำระใจ ............................... ความทุกข์ พี่รา ๑๐. 'ฤๅ' มีความหมายเชิงถาม เหมือนกับคำว่า หรือ มกุฏพิมานมณ ................................. ฑิรทิพย์ เทียมฤๅ ๑๑. 'เนอ' มีความหมายว่า ดังนั้น 'เช่นนั้น' วันรุ่งแม่กองทวิ ................................ ทศพวก นายเนอ ๑๒. 'ฮา' มีความหมายเช่นเดียวกับ คำสร้อย นา กวัดเท้าท่ามวยเตะ .......................... ตึงเมื่อย หายฮา ๑๓. 'แล' มีความหมายว่า อย่างนั้น เป็นเช่นนั้น กัลยาเคยเชื่อไว้ ............................... วางใจ มาแล ๑๔. 'ก็ดี' มีความหมายทำนองเดียวกับ ฉันใดก็ฉันนั้น นิทานนิเทศท้าว ............................... องค์ใด ก็ดี ๑๕. 'แฮ' มีความหมายว่า เป็นอย่างนั้นนั่นเอง ทำนองเดียวกับคำสร้อย แล อัชฌาสัยแห่งสามัญ ........................ บุญแต่ง มาแฮ ๑๖. 'อา' สร้อยคำนี้ไม่มีความหมายแน่ชัด แต่จะวางไว้หลังคำร้องเรียกให้ครบพยางค์ เช่น พ่ออา แม่อา พี่อา หรือเป็นคำออกเสียงพูด ในเชิง รำพึง แสดงความวิตกกังวล เป็นไฉนจึงด่วนทิ้ง .......................... น้องไป พี่อา ๑๗. 'เอย' ใช้เมื่ออยู่หลังคำร้องเรียก เหมือนคำว่า เอ๋ย หรือวางไว้ให้คำครบตามบังคับ จำปาจำเปรียบเนื้อ .......................... นางสวรรค์ kuเอย ๑๘. 'เฮย' ใช้ในลักษณะที่ต้องการเน้น ให้มีความเห็นคล้อยตามข้อความที่กล่าวมาข้างหน้า สร้อยคำนี้มาจากคำเขมรว่า "เหย" แปลว่า "แล้ว" ดังนั้นเมื่อใช้ในคำสร้อย จึงน่าจะมีความหมายว่า เป็นเช่นนั้นแล้ว ได้เช่นกัน ขึ้นดั่งชัยพฤกษ์พร้อม ....................... มุรธา ภิเษกเฮย คำสร้อยทั้ง ๑๘ คำที่กล่าวมานี้ เป็นคำสร้อยแบบแผน ที่ใช้กันมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้แล้ว ยังมีคำสร้อยอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "สร้อยเจตนัง" เป็นคำสร้อยที่กวี ต้องการให้เป็นไปตามใจของตน หรือใช้คำสร้อยนั้นโดยจงใจ ผู้ที่เริ่มฝึกหัดการประพันธ์ ควรใช้แต่สร้อยที่เป็นแบบแผน หลีกเลี่ยงการใช้สร้อยเจตนัง ในงานกวีนิพนธ์ที่เป็นพิธีการ ก็ไม่ควรใช้เช่นกัน สร้อยแบบนี้ไม่พบบ่อยนัก ในวรรณกรรมเก่า จึงหาตัวอย่างได้ยาก เช่น หายเห็นประเหลนุช .......................... นอนเงื่อง งงง่วง พวกไทยไล่ตามเพลิง ........................ เผาจุด ฉางฮือ ลัทธิท่านเคร่งเขมง .......................... เมืองท่าน อือฮือ การใช้คำสร้อยของกวีในอดีต แต่ละท่านมีความนิยมแตกต่างกัน ในงานประพันธ์บางชิ้น ที่ไม่ทราบว่าท่านใดเป็นผู้ประพันธ์ อาจใช้รูปแบบความนิยมในการใช้คำสร้อย เป็นสิ่งช่วยวินิจฉัยว่า ผลงานนั้นเป็นของกวีท่านใดได้ โดยคุณ : อังคาร  - [วันครูแห่งชาติ 09:10:03] แถมการบ้านให้ตรวจเจ้าค่ะ ^_^ ลักไก่ยังจับได้................ทันที จะลักอะไรดี...................อีกถั้น บินหลบกระพริบสี............แสงหรี่ พี่จับได้เพราะบั้น.............ที่ท้ายส่องแสง ฤาพี่ แฮ่.......  มีข้อมูลนำมาแบ่งปัน  ดึกแล้วก็เผ่นขึ้นดอย เอาไว้ลงดอยแล้วจะมาซนใหม่เน่อเจ้า จากคุณ : หิ่งห้อยน้อยใจ - [ 31 ต.ค. 49 00:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เด็กดีเรียนเร่งรู้       หนังสือ เติบใหญ่คนนับถือ   มากล้น ผู้เฒ่ามีฝีมือ           มาก่อน คนเชื่อท่านท่วมท้น  อย่าได้ดูแคลน วางแผนดีแต่ดื้อ        เป็นไภย ช่วยทุกข์ชนทั่วไป     ดับร้อน คนรักมากเท่าไร        เกิดโทษ ยิ่งเด่นยิ่งถูกข้อน       คัดกลิ้งกลางทาง จากคุณ : เจียวต้าย - [ 31 ต.ค. 49 06:03:30 ]

ความคิดเห็นที่ 74 06.42 น. เด็กเหลือขอ ส่งให้        ใครสอน ใครห่วงคนจร หมอน      หมิ่นบ้าง เด็กหลง เร่มานอน         หมอนไม่ มีแล จับส่งเรือนจำ สร้าง        โซ่คุ้มครองใคร 06.55 น. จากคุณ : นกโก๊ก - [ 31 ต.ค. 49 07:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 75 07.00 น. ใครเหลือ ขอแบ่งบ้าง       เบิกบาน ใครไม่เหลือ เจือจาน        แบ่งได้ เป็นไทย เฒ่าทำทาน        สวดท่อง มนต์พ่อ เป็นเฒ่าเหลือขอให้          ไม่ได้เลยหรือ 07.07 น. แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 49 07:41:54 จากคุณ : นกโก๊ก - [ 31 ต.ค. 49 07:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 76 07.11 น. ฝันหวาน ทุกท่านยิ้ม      ยวนใจ ฝันขื่นขม ทำไม           นั่งเศร้า ฝันทำท่าน หลงไหล      หลับเล่น อะไรฤๅ ฝันเล่นหลงทางเข้า        เข่นให้ขวัญหาย 07.15 น. จากคุณ : นกโก๊ก - [ 31 ต.ค. 49 07:21:53 ]

ความคิดเห็นที่ 77 07.24 น. ฝันมาก ฝากหมั่น สร้าง        คำไข ฝันแต่ง แฝงตัน ไผ             ผ่องแผ้ว ฝันหาย ไฝ่หัน ไป               ฝันใหม่ ฝันใหม่ ฟายมัน แห้ว           ห่อนรู้ควายหัน 07.28 น. แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 49 07:37:23 แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 49 07:34:18 จากคุณ : นกโก๊ก - [ 31 ต.ค. 49 07:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คุณนกโก๊ก จึงพอสรุปได้ว่า ไอพีเหมือนกันก็อยู่คนละจังหวัดได้ และไม่ใช่คนเดียวกันเป็นแน่ ขอบคุณครับ คุณ Mr.Com เรื่องถมและขุดฯลฯนี่คงเป็นข้อมูลเบื้องลึก ยังไงไม่ทราบ  แต่ปัจจัยหนึ่งก็คือ กลไกการตลาดจะกำหนดราคา ถ้ามีข่าวว่าจะมีการถมทรายจำนวนมาก คนขายทรายก็จะขึ้นราคารอไว้เลย  ดูเหมือนโกง จึงทำให้การโกงจริงๆไม่ใช่จะจับกันได้ง่ายๆ และจะโทษว่าพ่อค้าหน้าเลือดไม่มีจริยธรรมชั่วช้าสามานย์ไปหมดเลยคงไม่ได้เหมือนกัน การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ   คุณกวินทรากร ตามโคลงไปด้วยคนนะครับ จริงๆไม่ค่อยเห็นตรงกับโคลงโลกนิติบทนี้เท่าไหร่ ออกจะแบ่งชั้นวรรณะพอสมควร อยู่ที่การตีความนั่นเอง ขีดกรอบจำกัดไว้..............ควรปอง ของใหม่อย่าเล่นลอง..........ตริบ้า ล่ามกะโหลกเก็บสมอง........ใส่กรอบ คิดแต่อย่าเกินคว้า.............อวดรู้เอ๋อเหรอ เคยจืดฤๅรู้รส..............ใดเค็ม ครึ่งบ่อก็ว่าเต็ม............เท่านั้น ลงรากตอกเสาเข็ม.......สร้างตึก กบวิสัยทัศน์สั้น...........กระท่อมสร้างล้อมเสา คุณ :) (นายคิม) ใช่คุณคิมที่เจอกันที่ี่เว็บกลอนอื่นหรือเปล่า สวัสดีครับ :) คุณซอมพอแดง ทำไมเก็บตังค์ไว้ในบ้องล่ะจ๊ะ ถ้าโคลงพาไปเก็บอะไรๆไว้ในท้องยังจะดีกว่า กลับจากแอ่วเที่ยวนี้...........ม่วนหลาย ของฝากมีมากมาย.............พี่น้อง ฉลามกระเบนกระพรุนสาย.....วาฬเพชฌ ฆาตเอย   จำเก็บไว้ในท้อง...............ก่อนแจ้นอีกครา ๚ คุณ พิราบเงิน นั่นแหละครับ เรียกว่าปราชญ์ทางด้านอีคิว เข้าใจอารมณ์ของตนเอง จึงดัดแต่งใจตนได้ คนที่ใจชั่วช้าโฉงเฉงอาจไม่ได้ตั้งใจชั่วแต่เพราะไม่ค่อยฉลาดทางด้านนี้ จึงไม่รู้อะไรควรไม่ควร บังคับตัวเองไม่ได้ ปากก็จะไม่ค่อยดี  อิๆ รวมทั้งไม่ค่อยจะยอมรับผิดเพราะไม่รู้ไม่สำนึกว่าตัวเองผิด จึงสร้างความน่าหมั่นไส้ขึ้นเป็นทวีคูณ :( อย่างไรก็ตามข้อดีคือบางคนที่อีคิวต่ำอาจจะมีไอคิวสูง มีความตั้งใจทำงานดี และเก่งกาจเอาการ ถ้ามีปราชญ์มาดัดใจให้บ้าง คานกันให้พอดีเราจะเดินไปได้ไกลกว่าก้าวๆถอยๆ หักขากันจนพิการเดินกระเผลกอยู่อย่างนี้ สมานฉันท์ดีที่สุดครับ คุณ ผู้หญิงสีน้ำทะเล (sugarhut) ความที่ต้องการสื่อของโคลงนี้เข้าใจยากพอสมควรนะครับ คนอมหมากจืดแล้ว........พอคาย หมางับเข้าปากหมาย.......อร่อยบ้าง แสบปากโกรธแทบตาย....ตะโกนเห่า ความลับแตกตาค้าง........หมากนี้ขี้หมา คนไม่ค่อยรู้จักแล้ว อมหมากจึงต้องระวังพิมพ์ผิดเป็นอมหมา คุณ  piangdin ไม่ได้อ่านโคลงของคุณนานมากแล้ว โคลงแบบโลกนิตินี่คุณเพียงดินถนัดนี่นา รังนกตกแต่งแต้ม.......พอตัว ท้องแม่แคบมิกลัว......สุขได้้ ลงโลงวัดจากหัว-.......เท้าเท่า นั้นแล จักปลูกเรือนใหญ่ไว้....วิ่งว้าวุ่นไฉน จากคุณ : KAVINT - [ 31 ต.ค. 49 10:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 79 คนงามเพราะแต่ง.แล้ว..........แลสวย ไก่แข่งแพ้ชน......ซวย..........ฆ่าซ้ำ คนจนเล่นหวย......รวย...........แจ็คพอต คนรวยเล่นหุ้น.......ช้ำ............ชวดสิ้นทรัพย์สิน สวัสดีทุกท่านครับ จากคุณ : คมเย็น (คมเย็น) - [ 31 ต.ค. 49 12:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 80 18.56 น. รังนก นกแต่งสร้าง        พอตัว บ้านหนึ่งหลัง เมียผัว      อยู่ได้ ออกลูกเพิ่มขยายครัว    เรือนต่อ เติมนา นกต่างคน เปรียบไว้      เร่งใช้เตือนตน คนงาม ควรแต่งให้        ตามวัย เห็นไก่ขนหลุด ใคร       แต่งให้ คนชนไก่ สนใจ            เพียงไก่ ชนฤๅ ปากไก่จิก จดไว้           แต่ใช้ปากกา 19.12 น. แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 49 06:50:45 จากคุณ : นกโก๊ก - [ 31 ต.ค. 49 19:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 81 จิตคิดตรองถ่องแท้..........หวนทวน นึกตรึกใจใคร่ครวญ.........คล่องคล้อง ดังดั่งโซ่ตรวนพรวน..........ปลดลด สุขทุกข์อยู่คู่พ้อง.............เยี่ยงเพี้ยงเปลี่ยนเวียน (ทัณฑีบท) ขออนุญาติคุณกวินท์  พอดีไปเจอโคลงแปลกๆเลยลอง เขียนมาเผื่อสมาชิกจะสนใจ อีกบทเป็นกลอักษร  ชื่อ กลสารถีขับรถ รู้รักเรียนร่วม เพียรคิดค้นสาร เขียนจารจรดโคลง ร้อยกวีฝันด้นค่อย ถอดเป็นโคลง๔ รู้รักเรียนร่วมรู้...........รักเรียน เพียรคิดค้นสารเพียร........คิดค้น เขียนจารจรดโคลงเขียน.........จารจรด ร้อยกวีฝันด้น.............................ค่อยร้อยกวีฝัน จากคุณ : คมเย็น (คมเย็น) - [ 1 พ.ย. 49 12:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขออนุญาต แลกเปลี่ยนทรรศนะในเรื่องที่ว่าด้วย โศลกของเว่ยหล่าง  ที่คุณ กรวี ถามมานั้น โศลกของเว่ยหล่างที่ว่า "เดิมที ไม่มีต้นโพธิ์ ไม่มีกระจกเงาใส เมื่อทุกอย่างว่างเปล่าตั้งแต่ต้น ฝุ่นละอองจะลงจับอะไร" นั้น ตรงกับบทสวด ทำวัตร เช้า ที่ชื่อ  สังเวคะปะริกิตตะนะปาฐะ ความว่า อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต, มะยันตัง ธัมมัง สุตวา เอวัง ชานามะ, ชาติปิ ทุกขา ชะราปิ ทุกขา มะระณัมปิ ทุกขัง, โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา, อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง, สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา, เสยยะถีทัง, รูปูปาทานักขันโธ, เวทะนูปาทานักขันโธ, สัญญูปาทานักขันโธ, สังขารูปาทานักขันโธ, วิญญาณูปาทานักขันโธ, เยสัง ปะริญญายะ, ธะระมาโน โส ภะคะวา, เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ, เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ, " รูปัง อะนิจจัง, เวทะนา อะนิจจา, สัญญา อะนิจจา, สังขารา อะนิจจา, วิญญาณัง อะนิจจา, รูปัง อะนัตตา, เวทะนา อนัตตา, สัญญา อะนัตตา, สังขารา อะนัตตา, วิญญาณัง อะนัตตา, สัพเพ สังขารา อะนิจจา, สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ, " เต มะยัง โอติณณามะหะ ชาติยา ชะรามะระเณนะ, โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกโขติณณา ทุกขะปะเรตา, อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ  อันตะกิริยา ปัญญาเยถาติ, จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ อะระหันตัง สัมมาสัมพุทธัง, สัทธา อะคารัสมา อะนะคาริยัง ปัพพะชิตา, ตัสมิง ภะคะวะติ พรัหมะจะริยัง จะรามะ, ภิกขูนัง สิกขาสาชีวะสะมาปันนา, ตังโน พรัหมะจะริยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตูติฯ ต่อไปนี้เป็นคำแปลของ สังเวคะปะริกิตตะนะปาฐะ พระตถาคตเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้ เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง และพระธรรมที่ทรงแสดง เป็นธรรมเครื่องออกจากทุกข์ เป็นเครื่องสงบกิเลส เป็นไปเพื่อปรินิพพาน เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม เป็นธรรมที่พระสุคตประกาศ พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้ว จึงได้รู้อย่างนี้ว่า:- แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์ แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์ แม้ความตายก็เป็นทุกข์ แม้ความโศกความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์ ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์ มีความปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นนั่นก็เป็นทุกข์ ว่าโดยย่ออุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์ ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ:- ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือรูป ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือเวทนา ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือสัญญา ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือสังขาร ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือวิญญาณ เพื่อให้สาวกกำหนดรอบรู้อุปาทานขันธ์เหล่านี้เอง จึงพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ ย่อมทรงแนะนำสาวกทั้งหลายเช่นนี้เป็นส่วนมาก อนึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลายส่วนมาก มีส่วนในการจำแนกอย่างนี้ว่า:- "รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง รูปไม่ใช่ตัวตน เวทนาไม่ใช่ตัวตน สัญญาไม่ใช่ตัวตน สังขารไม่ใช่ตัวตน วิญญาณไม่ใช่ตัวตน สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตนดังนี้" พวกเราทั้งหลายเป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว โดยความเกิด โดยความแก่ และความตาย โดยความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลาย เป็นผู้ถูกความทุกข์หยั่งเอาแล้ว เป็นผู้มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว ทำไฉนการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้จะพึงปรากฏชัดแก่เราได้? เราทั้งหลายผู้ถึงแล้วซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ปรินิพพานนานแล้วพระองค์นั้นเป็นสรณะ ถึงพระธรรมด้วย ถึงพระสงฆ์ด้วย จักทำในใจอยู่ ปฏิบัติตามอยู่ ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นตามสติกำลัง ขอให้ความปฏิบัตินั้นๆของเราทั้งหลาย จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นเทอญ ดังนี้ โศลกของเว่ยหล่างที่ว่า "เดิมที ไม่มีต้นโพธิ์ ไม่มีกระจกเงาใส เมื่อทุกอย่างว่างเปล่าตั้งแต่ต้น ฝุ่นละอองจะลงจับอะไร" จึงตรงกับ สังเวคะปะริกิตตะนะปาฐะ  วรรคที่ว่า "รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง รูปไม่ใช่ตัวตน เวทนาไม่ใช่ตัวตน สัญญาไม่ใช่ตัวตน สังขารไม่ใช่ตัวตน วิญญาณไม่ใช่ตัวตน สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตนดังนี้" (ภาวะนิพพาน เที่ยง แต่ไม่ใช่ตัวตน) ในลิลิตพระลอ กวีกล่าวไว้ว่า ๒๑๕ สิ่งใดในโลกล้วน                อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง                        เที่ยงแท้ คือเงาติดตัวตรัง                         ตรึงแน่น อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้                      ก่อเกื้อรักษา ฯ อ่านเพิ่มเติมลิลิตพระลอได้ที่ http://olddreamz.com/praloh/content2.html อาจเป็นไปได้ที่ว่า เว่ยหล่าง กลับชาติมาเกิด เป็น กวีที่นิพนธ์เรื่อง พระลอ ผิดถูกประการใดขอคำชี้แนะด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 49 14:10:13 จากคุณ : กวินทรากร - [ 1 พ.ย. 49 14:02:04 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คุณ  Elshaddai / (+คุณตะเอ๋าคห.61/82 คุณไ หมคห.63) โคลงสื่อความคิดและคติได้ชัดเจนดีครับ แต่โคลงชุดนี้สามารถเปลี่ยนไม่ใช้สร้อยเจตนังได้ (ตามตำราในคห. 72)ลองดูนะ วฏฏ... เวียนว้าวุ่น.........วกวน จริงฤๅ มี... ....ภพชาติเกิดจน...ไม่สิ้น จริง... เท็จมิอาจดล....... ตาประจักษ์ หรือ?.. เสี่ยงสูญชีพดิ้น....จึ่งรู้เอาเอง นิพ...พานไผถ่องแท้ ......อย่าเกรง แจงเทอญ พาน...พบภูมิวังเวง..........ว่างว้าง ดับ... กิเลสตนเอง..........ได้หมด จริงฤา? หรือ?...เปล่าเปลือยร่างร้าง...จิตรั้นทุรน จิต...รอบจัดร้อยเหลี่ยม ......เล่ห์กล ตน...มิอาจเชื่อตน ............ว่าแท้ ลวง...อย่างยิ่งแยบยล ..........ยากหยุด จิต...ดั่งเด็กอ้อแอ้ ............หยั่งรู้ได้หรือ ในเมื่อสัจจธรรมสูงสุดคือความว่างเปล่า รู้อย่างนี้ก็คือแค่รู้นาครับ แต่การจะเข้าให้ถึงความว่างเปล่านั้นไม่ใช่ง่ายเลย ถ้าการที่สสารหายไปคือเปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงาน (ตามทฤษฎีควอนตัม) ดังนั้น แม้จะว่างแบบไม่มีสสารก็อาจจะยังมีพลังงานอยู่ได้และพลังงานสารพัดนี่แหละที่ยังคงเป็นสิ่งลึกลับ-น่ากลัว-และพิสูจน์ไม่ได้ สำหรับมนุษย์มานานนักหนาแล้ว   ดังนั้นความว่างที่สมบูรณ์คงเป็นนามธรรม ที่ไม่มีอะไรจะอธิบายตรงๆได้ คงต้องรับรู้ด้วยตนเองเท่านั้น   :) คุณคมเย็น เสริมภาษิตเพื่อสร้าง.........ภาษา ย้ำเปิดยอดปรัชญา ..........ปราชญ์แย้ม เบิกคำแบบครูบา.............เคียงบท เติมคิดต่อโคลงแต้ม.........คัดตั้งคำตาม คุณหมีเซอะ ของฟรีมีพิษเพี้ยง...........สุริยา กลัวแดดควักครีมทา.......พักตร์ไหม้ สารปรอทสอดไส้สา-.......รพัดพิษ หน้าแม่กันแดดได้..........ย่อมด้วยหน้าเอง เสริมปราการสิบนิ้ว..........กรองแสง แมงป่องต่อยเหล็กแทง......มิเข้า แม้นาคราชยังแสยง..........พักตร์แม่ มาแนบติดหน้าเจ้า...........จับเคี้ยวกลืนสยอง คุณกรวี และแล้วก็อ่านถ้อย.............ตอบมา ตะละแม่กรวีมา.................สะกิดข้าง พี่เสือจับแต่ปลา................ทูอยู่ สองหัตถ์สองปลาอ้าง..........ย่อมได้ปลาสอง คุณ xers ถ่ายรูปสวยจังครับ สมัยเด็กๆพี่เสือไปเชียงรายบ่อยเหมือนกันเพราะมีญาติอยู่ที่นั่น สิ้นปีนี้ก็ว่าจะไปเชียงใหม่ พาผู้ใหญ่ไปเที่ยวงานดอกไม้อีก โดยธรรมชาติผู้สูงอายุจะชอบดอกไม้ ต้นไม้   ทำนายได้ว่า งานนี้น่าจะเป็นงาน "ยิ่งใหญ่อลังการระดับหลายพันล้าน" งานสุดท้าย เพราะตั้งแต่นี้ คงไม่มีรัฐบาลไหนกล้าจัดงานแบบนี้อีกแล้ว ทั้งด้วยเหตุผลว่า เงินมากต้องมีโกง  จะเดือดร้อนคนจัด และในเรื่องของการไม่กล้าลงทุนกับเงินจำนวนมากๆเพื่อเล็งผลเลิศ  ใจไม่ถึง ไม่กล้าเสี่ยงหรอกรับรอง แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 49 20:52:49 จากคุณ : KAVINT - [ 1 พ.ย. 49 20:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ตัวเราเหมือนรูปปั้น...............กองทราย ก่อรูปเป็นเรือนกาย...............ชั่วครั้ง ไม่ช้าเริ่มแตกสลาย..............คืนกลับ ไม่เที่ยงแท้อยู่ยั้ง.................ยึดไว้ได้ไฉน สวัสดีทุกท่านครับ จากคุณ : วิชชา - [ 2 พ.ย. 49 10:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 85 คุณ Elshaddai มนต์วิเศษเสกอ้าง..........เอ่ยธรรม ใดฤๅ ผี-พระมิต่างกรรม...........กราบไหว้ เครื่องรางปลุกเสกคำ.......เพื่อฆ่า ศีลละธรรมเลิกไซร้..........บาปต้องตามสนอง ทำชั่วยังหลอกได้............ว่าดี ไร้แก่นหลุดวิถี................ถ่องแท้ จมจ่อมอเวจี..................ในจิต กายชนะแต่ใจแพ้.............ทุกข์สะท้อนในตน คุณกรวี (กรวี) เรื่องคำสร้อยมีคนเอามาลงให้แล้ว ส่วนคำเป็นคำตายสระเสียงสั้นเสียงยาวรอกรวีแล้วกัน  :) "เช่นเดียวกับการแต่งโคลง กลอน หากไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ก็หาความไพเราะได้ยากฉันนั้นแล นี่เป็นความคิดของกรวี" เห็นด้วยครับ ดังนั้นการแต่งโคลงกลอนสื่ออารมณ์นั้น คนแต่งต้องอินก่อนไม่งั้นจะสื่อออกมา fake   (อันนี้จำมาจากหนังสือของ อ.เนาวรัตน์เล่มไหนจำไม่ได้แล้ว)   คุณไร้นาม ลงโคลงตอบกระทู้.........เรียงไป ทุกกรอบเหมือนรอใคร.....ตอบบ้าง แม้จะห่างนาน"ใจ"...........ยังอยู่ คงอยู่คงไม่ร้าง...............ถิ่นนี้อาศรมฯ คุณ  ethanoic ขอบคุณครับ ยิ่งพูดยิ่งเซ็ง เสียดาย ไหนๆจะดุแล้วดุต่ออีกหน่อยแล้วกัน เหยียบจันทร์ยันถีบเจ้า.........เวหา ไล่เตะดวงดารา.................ดับดิ้น ส่องปืนเสียบบุปผา.............ยิ้มหลอก ใครฤๅ ราวจะลบล้างสิ้น................โลกรื้อจักรวาล มาเพื่อภารกิจสี่อย่าง แต่ท่าทางท่านจะทำเกินแถมให้อีกร้อยอย่าง บอกจะอยู่หนึ่งปี...... ..?  ท่าทาง...สงสัยจะลืมแล้ว คุณ คัมภีร์โบราณ คนคุยเก่ง-แต่งโคลงเก่ง-ถ่ายรูปเก่ง เห็นคุณคัมภีร์ฯเดินทางบ่อย น่าจะพกโทรศัพท์เล่นเน็ตไปด้วยนะคับ  อยากจะแนะนำเพื่อนๆให้ใช้ ppc / palm phone เปิดอาศรมหน้านึง เปิดพจนานุกรมออนไลน์หน้านึง เปิดโปรแกรม word เขียนกลอนอีกหน้า สะดวกมากสำหรับคนชอบเขียนโคลง/กลอน ใส่กระเป๋าเอาออกมาใช้ได้ทุกที่ ค่อยๆจิ้มไปทีละตัว ติดขัดศัพท์ก็ค้นได้ทันที ทุกที่ทุกเวลาสะดวกสบาย แล้วจะได้เลิกอ้างว่าไม่มีเวลา อิๆ คุณ xers สามวันลาบวชแล้ว......สมานใจ แม่เทอญ จั๊กจั่นจรห่มไพร.........หลุดพ้น ใจชาคิดติดใน...........ความรัก ใดฤๅ หลังพระเหลียวกลับค้น..ค่าแท้ควรถือ จากคุณ : KAVINT - [ 2 พ.ย. 49 16:06:50 ]

ความคิดเห็นที่ 86 18.44 น. ๐ เพ็ญจันทร์ ลอยเด่นฟ้า........พโยมหน เพ็ญแม่เป็น "โคม" บน ..........แหล่งหล้า เพ็ญโฉม ชื่นกมล.................เหมือนต่าง ฝันแม่ เพ็ญผ่องพักตร์จันทร์จ้า..........แหว่งเว้าหนาวใจ ๐ แขไข ไขกระจ่างแจ้ง..........แถลงไข ฝากท่าน "คมเย็น" ไป............สู่น้อง เดือนตะวัน คู่ขวัญ ใน............โลกแห่ง ฝันฤๅ โลกแห่งฝ้น จิตต้อง................ต่างเพี้ยงผวนผัน ๐ วรรณศิลป์ ส่องด้วย.............กระจกใจ เป็นแว่นขยาย ความนัย...........นั่งย้ำ มีคำพ่อ ขานไข.....................บอกกล่าว คำซ่อน สอนลึกล้ำ................ใช่รู้เลือนราง ๐ ฟังเพลง ฟังที่เนื้อ................เพลงครวญ คนแต่งผูกสำนวน...................ซ่อนซึ้ง มนต์เพลงต่างมนต์สวน............สวดส่ง มนต์แห่งบทกวี อึ้ง.................เอ่ยเอื้อนอารมณ์ฝัน 19.03 น. "โลกแห่งความจริง" เป็นคู่ต่างขั้วกับ "โลกแห่งความฝัน" โลกแห่งความจริงเป็นสุข ...โลกแห่งความฝันจะเป็นทุกข์ โลกแห่งความจริงเป็นเท็จ....โลกแห่งความฝันจะเป็นจริง บทประพันธ์ โคลงฉันท์กาพย์กลอน เกิดจากอารมณ์กวี อารมณ์ของกวี เป็นอารมณ์ฝัน อารมณ์ฝัน เป็นอารมณ์ที่ผันผวน อารมณ์ฝันผวน เป็นอารมณ์ของคนที่มีจิตวิปลาส น้องคนหนึ่งกำลังหัดเขียนโคลง น้องคนหนึ่งนั้นมีอารมณ์ผันผวนหรือไม่ กวีมีจิตของกวี...จิตของกวีมีหลักควบคุมอารมณ์ผันผวน นกผีควบคุมจิตกวีผันผวน ด้วย "คำผวน" น้องคนหนึ่งนั้น พึงมุ่งมั่นหาหลักคุมจิตกวีของน้องให้ได้ ขอส่งแรงใจให้น้องคนหนึ่งนั้นประสบผลสำเร็จตามจิตที่น้องคิดฝัน ขอบพระคุณครับท่าน "คมเย็น" โดย: นกโก๊ก (นกโก๊ก  ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:49:53 น. ........................................................................................................ ต้องขออภัยสหายอาศรมชาว โคลงทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านจขกท. คุณ : KAVINT นกผีขอขอบคุณท่านที่ยกคำของปรมาจารย์(อ. เนาวรัตน์) มาให้ได้รับทราบ การแต่งโคลงกลอนสื่ออารมณ์นั้น คนแต่งต้องอินก่อนไม่งั้นจะสื่อออกมา fake บทกวีที่กวีสื่อออกมา...กวีต้องมีหลักที่ใช้ในการควบคุมจิตกวีของตนเอง ขอได้โปรดช่วยวิจารณ์หลักการ"ควบคุมจิตกวีของนกผี" ให้ด้วย ท่าน คมเย็น บอกว่า มีน้องคนหนึ่งหัดเขียนโคลง เข้ามาขอให้ comment ให้ด้วย ใน blog ตามลิงค์ที่ก๊อปฯ มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=noggoge&month=10-2006&date=29&group=1&blog=2 นกผีไม่มีความรู้ที่จะ comment ให้น้องคนนั้น บอกได้แต่เพียงหลักการเขียนโคลงของตัวเอง บอกไปแล้วกลัวว่าน้องคนนั้นจะหลงทางโคลง นกผีขอคำแนะนำด้วยครับ...จะได้นำไปบอกต่อน้องคนนั้น แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 49 19:55:48 จากคุณ : นกโก๊ก - [ 2 พ.ย. 49 19:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 87 จระเข้ คับน่านน้ำ ไฉนหา..ภักษ์เฮย รถใหญ่ กว่ารัถยา ยากแท้ เสือใหญ่ กว่า วนา ไฉนอยู่..ได้แฮ เรือเขื่องคับชเลแล้ แล่นโล้ไปไหน (โลกนิติคำโคลง) จระเข้ คับน่านน้ำ เนาสวน..สัตว์เทอญ รถใหญ่ รับเนื้อนวล นั่งแท้ เสือใหญ่ กว่าป่าควร ขังใส่..กรงแฮ เรือเขื่อง เรืองรุ่งแล้ แล่นค้าขายของ (นวโลกนิตคำโคลง) หมาใดตัวร้ายขบ บาทา อย่าขบตอบต่อหมา อย่าขึ้ง ทรชนชาติช่วงทา- รุณโทษ อย่าโกรธทำหน้าบึ้ง ตอบถ้อยถือความ (โลกนิติคำโคลง) หมาใดตัวร้ายขบ แขนขา ไม่เตะต่อยต่อหมา ไม่ซึ้ง คู่กรณีครา- เคืองพิโรธ เป็นโจทก์โกรธหน้าบึ้ง ยกฟ้องมีหรือ (นวโลกนิตคำโคลง) ลูกสะเดา น้ำผึ้งซาบ โทรมปน แล้วปลูก ปองรสคนธ์ แอบอ้อย ตาบเท่า ออกดอกผล พวง ดก ขมแห่ง สะเดาน้อย หนึ่งรู้โรยลา (โลกนิติคำโคลง) สะเดา ผ่าเหล่าเพี้ยน พิกล หวานเมล็ด สุคนธ์ ข่มอ้อย แต่งพันธุกรรมผล พวงดก ขมแห่ง สะเดาน้อย หนึ่งนั้นฤามี (นวโลกนิตคำโคลง) ภูเขา ทั้งแท่งล้วน ศิลา ลมพยุ พัดพา บ่ขึ้น สรรเสริญ และนินทา คนกล่าว ใจปราชญ์ ฤาเฟื่องฟื้น ห่อนได้จินต์จล (โลกนิติคำโคลง) ภูเขา ทั้งลูกล้วน สิขรา ลมพยุ ฝนหนา หนักขึ้น น้ำหยด รดหินผา ยัง กร่อน ใจปราชญ์ อาจเฟื่องฟื้น ฟ่องได้โดยจินต์ (นวโลกนิตคำโคลง) เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี อักขระห้าวันหนี เนิ่นช้า สามวันจากนารี เป็นอื่น วันหนึ่งเว้นล้างหน้า อับเศร้าศรีหมอง (โลกนิติคำโคลง) เจ็ดวันหมั่นดีดซ้อม ดนตรี อักขระเลยละหนี เนิ่นช้า สามวันกกสตรี เต็มตื่น แจ้งบ่ได้ล้างหน้า นั่งเศร้าหมองศรี (นวโลกนิตคำโคลง) หอมกลิ่นดอกไม้ที่ นับถือ หอมแต่ตามลมฤา กลับย้อน หอมกลิ่นกล่าวคำคือ ศีลสัจ..นี้นา หอมสุดหอมสะท้อน ทั่วใกล้ไกลถึง (โลกนิติคำโคลง) กรุ่นกลิ่นดอกไม้ที่ เธอถือ มะลิการะเกดหรือ พุดซ้อน ซวดทรงอนงค์คือ บุพผรัตน์..นี้นา หอมทั่วไกลใกล้ย้อน ยั่วให้คิดถึง (นวโลกนิตคำโคลง) ฟักแฟงแตงเต้าถั่ว งายล หว่านสิ่งใดให้ผล สิ่งนั้น ทำทานหว่านกุศล ผลเพิ่ม..พูนนา ทำบาปบาปซั้นซั้น ไล่เลี้ยวตามตน (โลกนิติคำโคลง) ปลูกแปลงแตงมะพร้าว พึงยล วัชพืชปลอมปน ปักษ์นั้น หลังคนทำนาธน- บัติงอก..งามนา ธุรกิจเหนือชั้น เช่นนี้ไฉนจน (นวโลกนิตคำโคลง) แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 49 20:57:48 จากคุณ : กวินทรากร - [ 2 พ.ย. 49 20:49:05 ]

ความคิดเห็นที่ 88 (แซงตอบด่วน คห. 86 ) โอ คุณนกโก๊ก อันนั้นเป็นข้อสรุปโดยย่อด้วยสำนวนของข้าพเจ้าเองนะครับ ไม่ใช่ของอ. เนาวรัตน์ ข้อความจริงจากหนังสือ ตากรุ้งเรืองโพยม ตอนท้ายเล่ม หัวข้อเรื่อง "อิสระเสรีที่จะไหล ด้วยเพลงไพเราะล้ำร่ำเฉลย "   มีดังนี้ (ขออนุญาตคัดลอกมาบางส่วนนะครับ) " ผมคิดเองว่า กาพย์กลอนเป็นภาษาของความรู้สึก มันเป็นภาษาของอารมณ์หรือความรู้สึก เพราะฉะนั้นผมถึงว่าเราจะต้องรู้จักอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองเป็นอันดับแรก อย่าเพิ่งไปสนใจอย่างอื่น อย่าเพิ่งไปสนใจว่าสังคมว่ามันเป็นอย่างไร ประวัติสุนทรภู่เป็นอย่างไร โครงสร้างฉันทลักษณ์เป็นอย่างไร อันนี้เป็นอันดับรองๆลงไป สำคัญนะสำคัญเป็นอันดับรองๆ ส่วนอันดับแรกสำคัญที่สุดก็อารมณ์และความรู้สึก ขั้นต้น    เราต้องมีความเห็นเป็นอิสระเสรี หรือมีเสรีภาพทางความรู้สึกของเราก่อน และเมื่อเราเขียนออกมาแล้วได้อย่างใจเราหรือไม่ ถ่ายอารมณ์ความรู้สึกของเรามาหรือไม่ คำที่เราใช้มันรวมความรู้สึกของเราหมดไหม ? นี่จะทำให้กาพย์กลอนมีชีวิต หากเราไม่ผ่านขั้นต้นนี้ กาพย์กลอนเราก็จะมีลักษณะเสแสร้ง มีลักษณะแข็งกระด้าง มันทำให้เราลอยๆ กาพย์กลอนมันก็ลอยๆไปด้วย เพราะฉะนั้น ก็จะล่องลอยหายไป ไม่ติดพื้น ... เราอาจพูดว่าเป็นลักษณะอิสระของบทกวี      มันขึ้นอยู่กับความสามารถความจัดเจนของเราเป็นอันดับแรก มันขึ้นอยู่กับเรื่องการฝึกสร้างความรู้สึกของพวกเราให้เป็นอิสระมากน้อยแค่ไหน สะสมมากน้อยแค่ไหน........." หมายเหตุ ข้อเขียนเรื่องนี้จริงๆยาวกว่านี้มาก แต่คงพิมพ์ไม่ไหว (นอกจากมีใครอยากช่วย) หรือถ้าไม่ทันใจก็ซื้อหนังสือของอาจารย์มาอ่านต่อได้นะครับ อิๆ จากคุณ : KAVINT - [ 2 พ.ย. 49 21:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 89 21.46 น. ๐ ขอขอบคุณท่านชี้      กวีใจ นกป่า กวีไพร              พร่ำเพ้อ ผวนผันฟั่นเฟือนไป       ทุกเรื่อง โคลงสี่ "เอกโท" เฮ้อ    สั่งได้ดังใจ ๐ ทำไมเป็นเช่นนี้          หรือผี กวีใด สิงสู่จิต "ใจกวี"            วุ่นแล้ว ทำสวนอยู่ดีดี               กวีวุ่น วายนอ คำส่งโคลงกลอนแผ้ว     ผ่องได้ใครเขียน 22.05  น.                             .......................................................................... โคลงกลอนทุกบท...ระบุเวลา...ว่ากันสด ๆ เอกเจ็ดโทสี่...ตำแหน่งกำหนด" ไม่พลาด ใครเขียนให้...ไอ้นกผี...วิปลาส นกปีศาจ...ผีสิง...วิ่งก่อนละคร้าบ... .......................................................................... จากคุณ : นกโก๊ก - [ 2 พ.ย. 49 22:17:41 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เก่งกีฬาหาใช่ชื่อ          นักกีฬาไม่เลย โทษกิเลสยังหนา         แน่นแท้ เล่นเกกมะเหรกพา       เสียชื่อ เสียอีก ฉุนง่ายใจโหด,แม้         มืดหน้าพาพาล ..................................... นโยบายบอกแจ้ง          น้ำใจ จริงเฮย ว่านักการเมืองไฉน        แน่แท้ ใช่มิใช่รัฐบุรุษใคร         ใคร่ทราบ ดูกิเลสรู้แม่น,แม้            มากน้อยค่อยแสดง ครูเทพ (เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) พฤษภาคม ๒๔๗๖       จากหนังสือโคลงกลอนของครูเทพ พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิง ถวิล ธรรมศักดิ์มนตรี พ.ศ.๒๕๑๒ ฝากไว้ในอาศรมชาวโคลง ครับ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 3 พ.ย. 49 19:01:25 ]

ความคิดเห็นที่ 91 สวัสดีครับ คุณ Kavint และทุกท่านครับ ๏ จินตนาการขีดขึ้น     เขียนคำ โคลงวาดเป็นลำนำ      จากบึ้ง หนาวร้อนทุกข์สุขขำ    สลด อักขระสะกดซึ้ง          ไม่ซึ้งพึงสรรค์ ๚ แวะมาฝากลิ้งค์อาศรมครับ สามารถดาวน์โหลดผังโคลงแบบแฟลชที่คลิ๊กอ่าน รายละเอียดตำแหน่งโคลงแต่ละคำได้ และพิเศษ "อาศรมภาคเก่าๆ" ซึ้งผมได้อัพโหลด ไว้ให้ได้อ่านกัน ในภาค 1-3 ก่อน และจะเพิ่มให้เรื่อยๆ ขอรับ ------------------------------------------------------- http://arsom.hangercafe.com จากคุณ : xers - [ 3 พ.ย. 49 22:36:16 ]

ความคิดเห็นที่ 92 สวัสดีครับคุณ KAVINT และท่านเซ่อ ท่านเซ่อ -- ลิงก์อาศรมเก่านี่สุดยอดเลยครับ ง่ายและจะดาวน์โหลดเรื่อย ๆ ครับ ท่าน KAVINT -- ทำหน้าที่ดูแลอาศรมได้ถูกใจแท้ ๆ เลยครับ แอบอ่านมาตลอด แต่องก์ออกครับ ตอนนี้องก์เริ่มลง แต่งผลงานสแปร์เก็บไว้ แต่ก็ยังไม่ค่อยถนัดโคลงเหมือนเดิม แปะโคลงซักหน่อย ลองเลียนแบบสำนวนโคลงโลกนิติ ส่วนโคลงโลกนิติไม่นำมาแปะนะครับ ในไซเบอร์เยอะมากเหลือเกิน สาวเชียงรายแน่งน้อย..............สวยสด แม่เฮย สาวหาดใหญ่หมดจด...............พูดน้อย สาวโคราชไม่คด....................ใจซื่อ แม่อา สาวตราดมิต่ำต้อย..................รักน้องเท่าเทียม บารนี จากคุณ : ย.ยิ้มแย้ม - [ 4 พ.ย. 49 03:00:09 ]

ความคิดเห็นที่ 93 คุณนกโก๊ก เห็นคำว่า ซิ่น แล้วเกิดอยากแต่งโคลงที่ใช้คำเอกโทษโทโทษเล่นมั่ง เนื้อหาเกี่ยวกับ"นักรบ"หรือ"ขุนศึก" ที่กำลังจะออกสู้รบด้วยความกล้าหาญนะคับ :) เหล่านักรบทั้งซิ่น.........ฮึกเหิม ข้าศึกก็เหิมเกริม..........คู่ขี้ สี่นายตอบคำเดิม..........ใช่ฮ่า นายฮา จะซู่สุดแรงชี้...............ท่าได้ไปสวรรค์ คุณหิ่งห้อยน้อยใจ ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาเผยแพร่นะครับ ลักไก่แกงไก่ต้อง........ทันที ลักรถจับเปลี่ยนสี........อย่าช้า ลักชาติรีบรวบมี..........ปืนขู่ ลักประชาชนกล้า...... .เสี่ยงแม้ประชาทััณฑ์ คุณ เจียวต้าย คนดีดีที่แท้...........ของใคร คิดต่างคนต่างใจ......รับรู้ ดีที่นี่ชั่วไหน...........ไม่ทราบ ให้เลือกดีไหมผู้-......เลือกนั้นตัดสิน คนดีของชาวบ้านคือคนที่ช่วยชาวบ้านเมื่อเขาเดือดร้อน ช่วยชีวิตเมื่อเขากำลังจะตาย จะให้ปฏิเสธว่าไม่ดีได้อย่างไร คนคนนั้นจะไปเลวที่อื่นที่ไหนชาวบ้านอาจจะรู้หรือไม่รู้ ถึงจะรู้ ก็ยังต้องชั่งใจว่าควรนับว่าคนๆนี้ยังเป็นคนดีอยู่หรือไม่ คนดีในความคิดของคนแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน แต่ตราบใดที่ยังมีการเลือกตั้งอยู่ ผู้แทนแบบว่าคนดีของฉันคนชั่วของเธอก็จะกลับมามีปัญหาทุกครั้ง  ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล ทีนี้ก็เหลือแค่ว่าจะตัดสินให้ฝ่ายไหนยอมรับฝ่ายไหนด้วยวิถีทางประชาธิปไตยหรือเผด็จการแค่นั้น จากคุณ : KAVINT - [ 4 พ.ย. 49 21:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เข้ามาจองที่อีกทีนะครับ คือจะขอเปิดอาศรมที่ ๑๗๕ อีกครั้งน่ะครับ อยากให้เป็นประเด็นหลักน่ะครับผม จากคุณ : ย.ยิ้มแย้ม - [ 5 พ.ย. 49 03:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 95 06.23 น. ๐ เอกโทษโท ย่อมรู้        โทษไผ นายสั่ง เกิดพลาดไป        ด่าเจ้า รับผิด นี่มีใคร                 รับเล่า เอกกล่าวโทษโท เศร้า      ฆ่าเจ้านายตน ๐ โคลงกล โคลงสี่แสร้ง    สุภาพ โคลงท่านสาปสู ปราบ      ไป่ป้อง โคลงเรือ คลื่นลมราบ        พลิกล่ม โทกล่าวโทษใคร ฟ้อง       พ่อได้ในศาล         06.39 น.       แฮ่ แฮ่ แฮ่...สายบังคับบัญชาพลทหาร พลเอกต้องโทษพลโท พลโทต้องโทษพลตรี ฮี่ ฮี่ ฮี่...บาปบุญคุณโทษ...คุณ KAVINT โทษใครคร้าบ ........................................................................................ มาเพิ่มเติมคำผวนครับ โคลงสี่สุภาพ - โคลงสาปสุพี่ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 49 07:05:22 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 49 06:58:36 จากคุณ : นกโก๊ก - [ 5 พ.ย. 49 06:52:28 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ..๏ สะเก็ดเศษเถ้าถ่าน...........เพียงใด อาจบังเกิดเป็นไฟ.................เร่าร้อน เผาผลาญสรรพสิ่งไว.............จนวอด-  วายแฮ คราเมื่อลมพัดย้อน................ยากให้ดับลง ฯ ..๏ คุกคามลามรุกไหม้...........เป็นจุณ ความเมตตาการุญ.................หมดสิ้น คงมีแต่เฉียวฉุน....................โชติช่วง ปวดแสบแปลบแดดิ้น.............หากใกล้เปลวเพลิง ฯ ..๏ พึงตัดไฟแต่ต้น-...............ลมแรง จึงดับความกำแหง..................ฮึกห้าว หากปล่อยอาจสำแดง..............อิทธิฤทธิ์ จักลุกลามกร้าวร้าว..................อย่าได้วางใจ ฯ ..๏ น้ำน้อยอาจแพ้พ่าย............อัคนี ควรใคร่ครวญจงดี...................อย่าพลั้ง มวลสาเหตุอาจมี.....................สิ่งแอบ-  แฝงนา ธรรมชาติฤๅจัดตั้ง...................ที่แท้เป็นไฉน  ? ฯ คิดไงกับไฟที่ไม่ยอมมอดซักที  ใบไม้ร่วงแล้วร่วงอีก ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม เมื่อรักษาไม้งาม ๆ ไว้ ดีกว่า มั๊ย นายเสือ จากคุณ : จังงัง - [ 5 พ.ย. 49 09:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 97 พี่เสือ เรื่องคำสร้อยอะไรเนี่ย กรวีมะไหว แฮๆๆๆๆ แบบว่ามะสะดวกสบายเหมือนก่อนการเข้าเวปก็ลำบาก หุหุหุ กำลังรอผ่าตัดอยู่ด้วยอะดิ ช่วงนี้เลยต้องดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น แล้วจะแวะมานะค่ะพี่เสือขรา... จากคุณ : กรวี (กรวี) - [ 5 พ.ย. 49 11:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 98 สวัสดีครับ คุณ Kavint และทุกท่านครับ ๏ สาวสาวราวดอกไม้         มณีสวย หอมระรื่นชื่นระรวย           จมูกถ้วน หลายสีหลากใบนวย-         ระนาดกิ่ง ทุกช่อทุกพันธุ์ล้วน            วิจิตรด้วยลายตน ๚ สวัสดีคุณ ยิ้มแย้ม จริงๆแล้วก่อนมาเป็นอาศรมพวกพี่ๆและครูหนอนสุรา เปิดกระทู้เล่นกลอนกันมาก่อนจะมาเป็นกระทู้โคลง ซึ่งผมจะค่อยนำมาแปะให้ภายหลังในเรื่องกลอน ที่จริงแล้วลิ้งค์ที่เคยส่งให้ดาวน์โหลดมีครบหมด แต่สงสัยคุณยิ้มแย้มอยู่ไกลแล้วเซิร์ฟเวอร์อยู่ไทย เลยดาวน์โหลดไม่ได้ ไฟล์ขนาดใหญ่ด้วยครับ มีคนรับอาสาเปิดอาศรมใหม่แล้ว หรือพี่ท่านใดจะเปิด ก็ตกลงกับคุณยิ้มแย้มน่อครับ แหะๆ -------------------------------------------------------- แวะมาเพิ่มอาศรมเก่าภาค 4-5 กระบวนท่าโคลงเบ่ง ขอรับ และภาคอื่นจะลงต่อไปเรื่อยๆครับ http://arsom.hangercafe.com แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 49 17:21:19 จากคุณ : xers - [ 6 พ.ย. 49 00:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ผมเพิ่งได้กลับมาอ่าน คห.๙๓ ของคุณแกวินท์ เป็นเหตุผลที่ถูกต้องที่สุด ขอบคุณครับ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 8 พ.ย. 49 07:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อาศรมภาคใหม่ครับ อาศรมชาวโคลง ภาค ๑๗๕ ๏ ๏ ๏ โคลงห้า ๏ ๏ ๏ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4857912/W4857912.html จากคุณ : หมีเซอะ - [ 8 พ.ย. 49 10:11:22 ]