ความคิดเห็นที่ 1
คุณครับ ท้ายที่สุด ผมก็ต้องมานั่งเขียนจดหมายถึงคุณอีกแล้ว ที่จริงแล้ว ผมจะเขียนหรือไม่เขียน ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความรู้สึกข้างในนี้ต่างหากที่เป็นความจริง จะมองจากแง่มุมไหน จะช้าจะเร็ว จดหมายฉบับนี้ก็คงเขียนตัวมันเองออกมาจนได้ กระดาษ ดินสอ หรือตัวผมคนที่นั่งเขียนอยู่ขณะนี้ ก็เป็นเพียงแค่สื่อกลางให้ความรู้สึกเดินทางผ่าน หาได้มีสาระสำคัญอะไรมากไปกว่านี้ ผมไม่แน่ใจว่าทั้งหมดที่ผมเขียนอยู่นี้จะมีค่ามีความหมาย แต่จะว่าไปแล้ว จะมีคนสักกี่คน ที่จะสามารถยืนยัน พูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มีความหมายแฝงอยู่แท้จริง ทำไมคนเราจึงทึกทักเอาว่า ส่วนเสี้ยวของตัวตนจะยังคงอยู่ตลอดไป ประกาศความยิ่งใหญ่ออกมาแจ่มแจ้ง เร่งเครื่องเต็มที่ มุ่งหน้าสู่หนทางแตกดับ คุณรู้ไหมว่า ผมเกลียดคนประเภทใดมากที่สุด คนประเภทที่ผมเกลียด คิดเป็นอยู่เพียง 3 เรื่อง คือหนึ่ง รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง สอง รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้อื่น สาม ตัวเองถูกเสมอ ที่โชคร้ายสำหรับผมก็คือ คนประเภทนี้มีอยู่ทุกหนแน่ง เบ่งกร่างฟาดงวงงาท้าชนอยู่ในทุกที่ ยากจะหลบเลี่ยง ท้ายที่สุด ผมก็ต้องพยายามแยกตัวเองออกมา เพื่อจะได้ใช้เวลาคิด วิพากษ์ตัวเอง ระวังตัวเต็มที่ ไม่ให้ตัวผมถูกกลืน กลายเป็นส่วนหนึ่งของคนเหล่านี้ จะว่าไปแล้ว ผมเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อน นานๆ ครั้ง ก็พอจะเจอบางคนที่พอพูดคุยกันได้ พูดจากันรู้เรื่อง แต่ก็เหมือนโดนสาปเอาไว้ ไม่ช้าไม่นาน ทุกคนพากันหายลับ หนีหน้ากันไปหมด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงจะเป็นการดีกว่า ที่จะเรียนรู้เพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวสืบรอดไปได้ คุณคงไม่เชื่อหรอกว่า ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ทุกๆ วัน ผมจะตื่นตั้งแต่ตอนเช้า เดินไปตามถนน ลงไปที่ชายหาด ทะเลตอนเช้าเงียบสงบ มีเพียงเรือประมงแล่นกลับเข้าฝั่ง นกทะเลบินออกหากิน ผมจะเดินไปเรื่อยๆ ฟังเสียงคลื่นและลม ดื่มด่ำสีสันบนท้องฟ้าขณะที่อาทิตย์ลอยดวงขึ้นทีละน้อย ทุกๆ วันตอนหกโมงเช้า น้ำทะเลจะลดระดับลง เผยให้เห็นแนวสันทราย ตรงจากผืนแผ่นดินมุ่งไปสู่เกาะริมทะเล น้ำลดลงเหลือประมาณระดับเข่า เดินลุยน้ำไปสักประมาณ 10 นาที ก็ไปถึงเกาะได้แล้ว น้ำทะเลจะลงตอนหกโมงเช้า และขึ้นอีกทีตอนเจ็ดโมงเช้า หากทดเวลาเดินไปกลับ ก็พอจะมีเวลาเหลือไว้เดินสำรวจเกาะได้ 40 นาทีเต็ม ผมเดินบนสันทราย ข้ามมายังเกาะแห่งนี้ทุกเช้า เว้นบางวันที่น้ำทะเลสูงเกินไปจนไม่อาจเดินข้ามมาได้ เกาะขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็ไม่ง่ายที่จะเดินสำรวจให้ทั่วภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ชายฝั่งที่ติดกับสันทราย มีหาดทรายสีขาวแคบๆ ล้อมรอบด้วยโขดหินและแผ่นหินขนาดใหญ่ นกทะเลพากันเดินจากโขดหินหนึ่งไปอีกโขดหินหนึ่ง ตรงกลางของเกาะมีแท่งหินขนาดมหึมา ไม่ใหญ่พอจนอาจเรียกว่าเป็นภูเขาได้ แต่ก็ขนาดไม่ใช่เล็กๆเลย ผมแน่ใจว่าจะต้องมีถ้ำซ่อนอยู่ข้างใต้แท่งหินกลางเกาะนี้ ล้อมรอบแท่งหินยักษ์ เป็นป่าเขียวเข้ม ต้นไม้นานาชนิดที่ผมไม่รู้จักชื่อ พากันเบียดตัวแทรกขึ้นมาจับจองแผ่นดินบนเกาะนี้เต็มไปหมด อ้อมไปทางด้านทิศตะวันออกของเกาะ ด้านที่หันหลังให้แผ่นดิน หันหน้าออกสู่ดวงอาทิตย์และความเวิ้งว้างของทะเล ต้นไม้ใหญ่ถูกตัดถูกโค่นล้ม นานมาแล้ว บริเวณนี้ของเกาะถูกทำให้โล่งเตียน ปรับแปรพื้นที่ให้กลายเป็นสุสาน ผมไม่เข้าใจ ไม่อาจทราบได้ว่า ผู้ตายมีเจตนาประการใด จึงสั่งเสียให้ฝังร่างของตนไว้บนเกาะแห่งนี้ หรืออาจเป็นความประสงค์ของลูกหลานที่ต้องการฝังร่างบรรพบุรุษไว้ ณ สถานที่ๆ ดวงอาทิตย์จะขึ้นมาทักทายทุกเช้า ในสุสานมีหลุมศพอยู่หลายหลุม ผมไม่แน่ใจว่าที่แห่งนี้เป็นสุสานประจำตระกูลหรือสุสานสาธารณะ แผ่นหินข้างหลุมศพจารึกชื่อที่ได้ยินแล้วไม่ชวนก่อให้เกิดความรู้สึกใดๆ สุสานบนเกาะชวนให้นึกถึงปิระมิดในอเมริกาใต้ ก่อนสร้างปิระมิดจะต้องนำเชลยศึกมัดมือมัดเท้าแล้วบั่นหัวออก ฝังทับไว้ใต้ดิน บางรายถูกฝังทั้งเป็น เลือดและวิญญาณยังคงอึงอลอยู่ในหลุม ก่อนที่ชาวเมืองจะช่วยกันสร้างปิระมิดขึ้นทับ จะต้องมีเลือดหลั่งไหล พิธีบูชายัญจึงจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์ บางวันผมจะนั่งลงข้างๆ ป้ายสุสาน ฝ่ามือสัมผัสกับไอเยือกเย็นของแผ่นหิน พยายามซึมซาบสิ่งที่ความตายพยายามจะบอก ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ก่อนที่เนื้อหนังจะค่อยๆ หลุดลอกหายไป จนเหลือเพียงโครงกระดูกขาวโพลน ในชีวิตนี้ มีอะไรบ้างที่ผมยังไม่ได้ทำ ดวงอาทิตย์ที่ขึ้นทุกเช้าจะพาเอาเวลาที่เหลืออยู่ของผมไปทีละน้อย สิ่งใดที่สูญเสียจะผ่านเลยไป ไม่กลับคืนมาอีกแล้ว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมา ทำให้ผมต้องเขียน สิ่งที่เขียนออกมาไม่อาจยกขึ้นมาได้ว่ามีค่า แต่ก็เป็นความรู้สึกที่จริงยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ความรู้สึกที่พยายามจะจดจารตัวเองไว้เป็นตัวอักษร หมอกเย็นยะเยือกจากหลุม วิญญาณที่กักเกี่ยวความผิดหวัง อีกไม่นานคงถูกชั้นเวลาซ้อนทับ ลบเลือนหายไปสิ้น
จากคุณ :
my saturday
- [
1 พ.ย. 49 23:24:10
]
|
|
|