Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ฉัน (ไม่ได้) ชอบเจอผี ตอน เข้าค่าย (2)

    ทักทายกันก่อน

             สวัสดีค่ะคราวนี้ช้าอีกแล้วอะ  บังเอิญวันก่อนมณีนาคาได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนค่ะ  เพื่อนเข้ามาอ่านเจอเรื่องสั้นของมณีนาคาพบว่าชื่อตัวละครในเรื่องสั้นที่ใช้นั้นเป็นชื่อจริงของทุกคนเลยค่ะ (แบบว่าลืมตัวน่ะ เขียนไปแล้วก็เรียกชื่อใช้ชื่อไปด้วยความเคยชิน)  ก็เลยมีการคุยกันว่าขอให้เปลี่ยนชื่อของตัวละครน่าจะดีกว่าเพราะไม่รู้ว่าคนที่รู้จักกันอีกกี่คนที่เข้ามาอ่านบ้างเกรงว่าเดี๋ยวจะมีปัญหากัน  มณีนาคาเองก็คิดว่าจริงและเห็นด้วยอย่างที่เพื่อนแนะนำมา  ฉะนั้นตั้งแต่ตอนนี้ไปมณีนาคาขอใช้ชื่อตัวละครเป็นนามสมมติทั้งหมดนะคะ  (อายจริง ๆ เกิดเรื่องแบบนี้ได้)

             สำหรับเรื่องสั้นตอนนี้ยาวอีกแล้ว  แต่ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่หวือหวาขนาดตอนที่แล้วแต่ก็จะมีเรื่องราวแปลก ๆ เกิดขึ้นกันอย่างต่อเนื่องค่ะและเกือบจะตลอดเวลาของการดำเนินเรื่องเชียวล่ะค่ะ

             คุณ : โก้  นั่นสิคะอยู่ ๆ ก็ต้องมากลายเป็นแม่หมอจำเป็นซะอย่างงั้น  แหะ...แหะ... อันที่จริงน่ะกลัวนะ แต่โกรธมากกว่าค่ะ  ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ  แต่ก็ดีขึ้นมาบ้างแล้วค่ะ  ตอนนี้เหลือเรื่องแผลที่ยังไม่หายสนิทกับอาการปวดท้องเป็นครั้งคราวบ้างนิดหน่อยค่ะ

             คุณ : นัทตี้  ขอบคุณค่ะสำหรับความห่วงใยที่มีให้  ว่าแต่เจอผีเด็กนี่ยังน่าจะดีกว่าเจอผีผู้ใหญ่มั้งคะ  แต่ไม่เจอซะก็จะดีกว่ามาก ๆ เลยค่ะ

             คุณ : ร่มไม้ชายน้ำ  ขอบคุณค่ะที่ส่งผ่านความห่วงใยมาให้ น่ารักจัง

             คุณ : Kwan   ขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะคะ  ตอนที่แล้วว่าโหดแล้วนะแต่ที่มณีนาคเจอน่ากลัวกว่านั้นก็ยังมีนะคะ

             คุณ : safety_sake  เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วค่ะยิ่งกลัวก็ยิ่งอยากรู้ยิ่งชอบฟังชอบอ่านประสบการณ์ขนหัวลุกจากคนอื่น ๆ เหมือนมณีนาคาเลยแถมขึ้นมาตรงที่ยิ่งกลัวก็ยิ่งเจอด้วยนี่สิ มันแย่ตรงนี้ค่ะ

             คุณ : สัมผัสรักในใจเรา  น่ากลัวค่ะถ้าเป็นตอนอยู่ในเหตุการณ์นะ  แต่ถ้ามันผ่านมาแล้วบางทีมันก็กลายเป็นเรื่องขำ ๆ ไปได้เหมือนกันค่ะ  ขอบคุณมากค่ะสำหรับความห่วงใยที่มีมาให้

             คุณ : w_panda  เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ เพราะเทพถึงจะสูงกว่ามนุษย์แต่ก็ยังไม่ใช่ผู้หลุดพ้นจากกิเลสเรื่องเศร้าหมอง  และเทพก็มีทั้งดีและไม่ดี  ขึ้นอยู่กับอำนาจฝ่ายใดจะเหนือกว่ากัน

             คุณ : ดาว..กลางวัน  ขอบคุณค่ะ  แหม...ความจริงมณีนาคาก็อยากจะเผ่นป่าราบเหมือนที่คุณดาว...กลางวันว่ามาจะแย่อยู่แล้วล่ะค่ะ  แต่มันทำไม่ได้ติดเพราะมันเป็นเรื่องของคนใกล้ตัวแล้วแถมยังถูกขอให้เป็นผู้ช่วยเหลือด้วยนี่สิคะ เลยเผ่นไม่ได้

             คุณ : ขุนเขา (ขุนเขาแมกไม้)  ขอบคุณมากค่ะ  ถ้าเป็นคงอื่นคงไม่รอดจริง ๆ อย่างที่คุณคิดล่ะค่ะ  

             คุณ : Scottie  ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

              คุณ : นางฟ้าสอบตก  ขอบคุณสำหรับความห่วงใยที่มีมาให้ค่ะ  แต่ไม่สบายคราวนี้แทบจะไม่ได้เจออะไรเลยค่ะ ถึงเจอก็เอามาเป็นประเด็นเปิดเรื่องสั้นให้เล่าสู่กันฟังไม่ได้เพราะไม่มีแก่นไม่มีสาระพอค่ะ  ถ้าจะให้เขียนเล่าว่าเจออะไรยังไงที่ไหนก็คงเขียนได้ไม่ถึงหนึ่งหน้ากระดาษมั้งคะ  กับบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่แค่สงสัยเฉย ๆ แต่ไม่มีการพิสูจน์ค่ะ  ผ่านแล้วผ่านเลยไปไม่ได้ล้วงลึกหรือติดตามต่อ

             คุณ : ชานมผสมโกโก้ (พายุสีเงิน)  ดีใจค่ะที่แวะเข้ามาอ่าน

             คุณ : นู๋ชิ (HaiyeenA)  ไม่ต้องแอบมาอ่านก็ได้ค่ะ  มาอ่านได้เลยทุกเวลาไม่ว่ากันอยู่แล้ว  และก็ขอบคุณมากนะคะสำหรับความห่วงใยที่มีให้

             คุณ : แมวน้อยสีน้ำตาล  ขอบคุณค่ะสำหรับน้ำใจและความห่วงใยที่มีให้  เป็นธรรมดาค่ะเรื่องของกิเลส  เพราะเทพไม่ใช่ผู้หลุดพ้นแต่บารมีนั้นสูงกว่ามนุษย์  ส่วนเรื่องของแก้วเนี่ยจะเขียนเฉพาะตอนที่เจอเหตุการณ์ด้วยกันเท่านั้นแหละค่ะ   (แต่ต้องเปลี่ยนชื่อตัวละครแล้วก็ลองเดาเอาเองนะคะว่าใครเป็นใคร)  แต่เจ้านี่ก็ทำเอาพี่เกือบสิ้นชื่อไปเหมือนกันค่ะโชคดีที่มีคนมาช่วยทัน  อดใจรอก่อนแล้วกันนะแล้วจะเขียนมาให้อ่านคงอีกไม่กี่ตอนแล้วค่ะ

             ทักทายกันครบทุกคนแล้วนะคะ  เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

    +++++++++++++++++++++++++++++++++ โอม  วิญญาณจากป่าช้าจงตื่นขึ้นมา +++++++++++++++++++

    ตอน  เข้าค่าย (2)

             คราวนี้เป็นเรื่องเล่าขอการพบเห็นวิญญาณหรือสิ่งเร้นลับจากการไปเข้าค่ายเป็นครั้งที่ 2 แล้วนะคะ  ผิดแต่เพียงแค่สถานที่เท่านั้น  เนื่องมาจากการเข้าค่ายครั้งนี้เป็นการเข้าค่ายลูกเสือ – เนตรนารี วิสามัญ (รุ่นใหญ่) ในสมัยที่เรียนพาณิชย์  ซึ่งทั้งที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการไปเข้าค่ายในสถานที่แห่งนี้ด้วยซ้ำไป  แต่ครั้งแรกที่ไปคงเป็นเพราะฉันได้เข้าพิธีบวงสรวงเจ้าที่ด้วยมั้งจึงไม่ได้เจอเหตุการณ์แปลก ๆ อะไรอย่างที่คนอื่น ๆ เขาเจอกัน  และฉันเองก็เชื่อว่าคงจะมีใครเจอดีเข้าให้จริง ๆ เพราะตอนทำพิธีบวงสรวงนั้นฉันสัมผัสได้ถึงแรงอาถรรพ์ของสถานที่ก็รู้ทันทีแหละว่าที่แรงจริง  แหม...ทั้งที่แอบดีใจไว้ลึก ๆ แล้วเชียวนะว่ามาที่นี่แล้วไม่เจออะไร  ครั้งแรกไม่เจอครั้งต่อ ๆ ไปก็ต้องไม่เจอ  แต่ที่ไหนได้ล่ะผิดคาดแฮะ

             จำได้ว่าก่อนวันเข้าค่ายหนึ่งวันด้วยความที่อยากจะมาค้างคืนกับเพื่อน ๆ บ้างก็เลยลงทุนโกหกพ่อกับแม่ว่าต้องไปล่วงหน้าก่อนวันนึงเพื่อไปจัดเตรียมสถานที่และจัดการเรื่องฐานผจญภัย  เพราะปกติพ่อกับแม่ไม่เคยปล่อยให้ไปค้างอ้างแรมที่บ้านเพื่อนเลยซักครั้ง  ไม่ว่าจะไปไหนยังไงดึกแค่ไหนก็ต้องกลับบ้าน  นี่ขนาดโตจนเรียนอยู่ชั้น ปวส. 1 แล้วนะ

             เมื่อหลอกพ่อแม่ได้สำเร็จฉันก็จัดแจงขนสัมภาระต่าง ๆ ออกจากบ้าน  เดินทางไปสบทบกับพรรคพวกที่บ้านของกิ่งซึ่งได้ย้ายเข้ามาอยู่ในสวนไม่ไกลจากวิทยาลัยฯ มากนัก  

             ทางเข้าบ้านกิ่งเป็นทางเดินคอนกรีตแคบ ๆ เล็ก ๆ มีรถวิ่งเข้าถึงได้แค่จักรยานกับมอเตอร์ไซค์เท่านั้น  แล้วแถมเวลารถสวนกันต้องคอยหลบหลีกกันให้ดี ๆ เรียกว่าไม่ชำนาญจริง ๆ ก็คงได้ลงข้างท้องร่องแน่ ๆ

             ส่วนใหญ่เวลาที่ฉันเข้าไปหากิ่งที่บ้านก็มักจะเดินเข้าไปมากกว่าที่จะนั่งรถเข้าไป  (ก็มันหวาดเสียวนี่นา)  ครั้งนี้ก็เหมือนกันฉันยังคงเลือกที่จะเดินเข้าไปเหมือนทุก ๆ ครั้ง  และระหว่างทางที่เดินเข้าไปก็ดูเหมือนว่าจะเป็นบรรยากาศเดิม ๆ เหมือนเช่นทุก ๆ ครั้ง

             บรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังแอบแฝงมากมายภายในสวนตลอดระยะทางของการเดินทาง  มักมีบางอย่างวูบ ๆ วาบ ๆ อยู่รอบ ๆ เหมือนมีสายตาหลายต่อหลายคู่ที่คอยจับตามองฉันอยู่ทุกย่างก้าว  แต่คล้าย ๆ ว่าเป็นการแอบมองลอบมองซะมากกว่า  และถ้าเดินผ่านเข้าไปใกล้ ๆ พวกก็วิ่งหลบกันกระเจิง  หรือไม่วิ่งหนีขึ้นไปหลบบนยอดมะพร้าวยอดตาลโน่นแน่ะ  บ้างก็กระโดดหลบเข้าไปที่หลังศาลเก่า ๆ พุ ๆ ลักษณะคล้ายศาลเพียงตาบ้างแหละ  มองแล้วก็นึกขำมากกว่านึกกลัวเพราะเริ่มจะชินกับพวกร่างโปร่งใส  โปร่งมัวพวกนี้เข้าให้ซะแล้ว  ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกันนักหนาเหมือนกันสินะทั้งที่ความจริงแล้วฉันน่ะน่าจะเป็นฝ่ายที่กลัวพวกเขาเสียมากกว่านะเนี่ย  (ที่ว่าชินน่ะก็ชินบรรยากาศแบบนี้แค่ช่วงเวลากลางวัน ๆ เท่านั้นนะ  ถ้าช่วงโพล้เพล้จนค่ำมืดแล้วล่ะก็คงจะขำไม่ออก)  

             หลังจากที่ทุกคนเข้ามากันครบตามนัดหมายแล้วก็พากันขึ้นไปบนบ้านซึ่งจัดไว้สำหรับเป็นตำหนักเทพเพื่อจะขอเฝ้าเทพอัปสร  ซึ่งปกติแล้วพวกเรามีโอกาสที่จะได้พบกับเทพอัปสรผ่านร่างของกิ่งอยู่บ่อย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ตำหนักด้วยซ้ำ  แถมตอนนี้แม่ของกิ่งยังเป็นร่างผ่านให้พระศิวะด้วยทำให้มีลูกศิษย์ลูกหาขึ้นตำหนักค่อนข้างมาก  เมื่อเพื่อน ๆ ได้พูดคุยสนทนาธรรมกับเทพอัปสรจนเป็นที่พอใจและได้รับพรจากเทพอัปสรกันถ้วนหน้าแล้วก็ลงมาช่วยกันจัดเตรียมหุงหาอาหารมื้อเย็นกันอย่างสนุกสนาน

              คืนนั้นฉันยอมรับว่านอนไม่ค่อยหลับเนื่องจากแปลกที่ด้วย  แถมยังรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกปลอมมาออกันอยู่หน้ารั้วประตูบ้านกิ่งเยอะแยะมากมาย  แม้จะลุกขึ้นมาทำสมาธิก็แล้วแผ่เมตตาก็แล้วนอนทำสมาธิก็แล้วกว่าจะข่มตาลงให้หลับได้ก็พ้นเที่ยงคืนไปแล้ว

              ประมาณตีสี่พวกเราก็ทยอยกันตื่นขึ้นมาเพื่อเข้าอาบน้ำเตรียมตัวออกเดินทางไปขึ้นรถยังสถานที่นัดหมาย  ขณะที่ฉันแต่งตัวเสร็จแล้วและกำลังสาระวนอยู่กับเส้นผมที่ยังเปียกปอนอยู่นั้น



    มีต่อค่ะ

    จากคุณ : มณีนาคา - [ 8 พ.ย. 49 01:05:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom