แหะ แหะ
ขอซ่า.... ลงทีละ 2 เรื่องนะครับ
เรื่อง "เพียงดาวนฤมิต" เป็นแนว เจ้าหญิงเจ้าชาย หรือที่ คุณป้าอี๊ด ทมยันตี เรียกว่า "ลิเกฝรั่ง" ครับ
---------------------------------------------
บทนำ
เทือกเขาสูงซึ่งทอดยาวขวางระหว่างท้องทุ่งกว้างใหญ่กับป่าทึบ น้อยคนนักที่เดินทางจากดินแดนแห่งแสงตะวันผ่านหุบเขาเข้าสู่ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ยิ่งน้อยคนที่เดินทางจากดินแดนแห่งพรรณไม้ลัดเลาะโตรกเขาออกสู่ทุ่งกว้าง
ในจำนวนน้อยแสนน้อยเหล่านี้ จะมีสักกี่คนที่เคยได้ยินตำนานแห่งขุนเขา จะมีสักกี่คนที่ได้รู้ว่า
ณ ที่นี่ ... เคยมีรัก
เสียงพยัคฆ์ขู่คำรามดังก้องชายป่า มิใช่ด้วยความดุร้าย หากเป็นเพราะสัญชาตญาณแห่งการป้องกันตัวจากภัยคุกคาม ว่ากันว่าพยัคฆ์น่ากลัวที่สุดยามเมื่อมันบาดเจ็บ และครั้งนี้ก็มิใช่ข้อยกเว้น
เสียงฝีเท้าของคนสองคนก้าวเหยียบใบไม้แห้งร่วงหล่นดังกรอบแกรบ หนึ่งคนถือหอกสั้นเป็นอาวุธ ส่วนอีกหนึ่งคนถือธนู ทั้งสองก้าวย่างอย่างระแวดระวังภัย จวบจนพบเห็นเลือดกองใหญ่หลังจากที่ตามหยาดหยดของเหลวสีแดงนี้มาพักใหญ่
ว่ากันว่ามนุษย์อ่อนแอที่สุดยามเมื่อมีความประมาท ครั้งนี้ก็มิใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน
ทรงพระปรีชายิ่งพะยะค่ะ เห็นทีมันจะบาดเจ็บหนัก
คนถือธนูหัวเราะด้วยความลำพองใจ และนั่นคือเสียงที่เปล่งออกมาครั้งสุดท้ายของชีวิต เมื่อวินาทีต่อมาเสียงนั้นถูกกลบด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราดของเสือลำบาก!
ยามรุ่งอรุณแห่งวัน แสงแดดอ่อนจับต้องยอดไม้ หญิงสาวชาวป่าเดินทอดน่องเก็บสมุนไพร ไม่มีเรื่องอันใดให้ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลา จะกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี ป่าแห่งนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน สมุนไพรต่างๆ ยังรอให้นางเก็บอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เช่นเดียวกับลำธารสายเล็กๆ ที่รอนางอยู่เบื้องหน้าอีกไม่กี่อึดใจ
นางไม่รู้หรอกว่าลำธารสายนี้ไหลมาจากที่ใด และไหลไปสู่แห่งใด รู้แต่เพียงว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้านสั่งนักสั่งหนาอย่าข้ามไปชายป่าฝั่งโน้นเป็นอันขาด เพราะเป็นถิ่นแห่งพยัคฆ์ร้าย
หากมิใช่ว่านางต้องมาเก็บยอดของพรรณพืชชนิดหนึ่ง เพื่อไปปรุงเป็นยาสมานบาดแผลคนในหมู่บ้านแล้วละก็ นางจะไม่เยื้องกายมาแถบนี้แม้เพียงครึ่งก้าว
ขณะที่นางวักน้ำล้างหน้าเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ สายตาก็พลันมองเห็นร่างหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล ร่างนั้นจมน้ำแค่ครึ่ง ด้วยแขนโอบกอดฉุดรั้งไว้กับโขดหิน มือที่สั่นระริกคือสัญญาณแห่งการมีชีวิต แต่นั่นก็คือสัญญาณแห่งการอ่อนแรง
ชายต่างถิ่นผู้บาดเจ็บได้รับการเยียวยาจากหมอในหมู่บ้าน โดยมีข้อแม้ หายดีเมื่อไรต้องจากไปในทันที ที่แห่งนี้มิต้อนรับคนแปลกหน้า
แต่สิ่งที่เพิ่มพูนไปพร้อมๆ กับอาการบาดเจ็บทุเลาลงคือ ความรักที่มีต่อหญิงผู้ช่วยชีวิต ใครจะต้านพรหมลิขิตได้ฤา
ก่อนจากไป ชายผู้นั้นได้ให้สัญญาว่าจะกลับมา และวันนั้นเขาจะมิใช่คนแปลกหน้าอีกต่อไป
จากวัน เป็นเดือน และเป็นปี มิรู้นานเพียงใดที่หญิงสาวชาวป่ารอคอยคนที่รักดั่งดวงใจ สายน้ำ ลำธารที่ใครๆ หวั่นเกรงนักหนา นางกลับมาบ่อยแสนบ่อย เพียงเพื่อเฝ้าคอยคนผิดสัญญา!
คำเล่าลือต่อๆ กันมา บ้างก็ว่าชายผู้นั้นคือกษัตริย์แห่งทุ่งกว้างซึ่งมิอาจละทิ้งราชบัลลังก์ บ้างก็ว่าคือทหารคู่ใจพระราชาซึ่งจงรักภักดีต่อมาตุภูมิ บางเสียงมิระบุเป็นผู้ใด เพียงบอกว่าชายต่างถิ่นผู้นั้นถูกพยัคฆ์ร้ายจับกินเสียตั้งแต่ก่อนออกจากป่า
ร้อยคนก็ร้อยคำพูด หากมีอยู่เรื่องหนึ่งที่เล่าตรงกันเป็นเสียงเดียว ตรงบริเวณลำธารซึ่งเป็นที่พบกันครั้งแรกนั้น หญิงสาวตรอมใจร่างล้มลงบังเกิดเป็นขุนเขาสลับซับซ้อนกั้นขวางระหว่างป่าทึบถิ่นของนางกับทุ่งกว้างถิ่นของชายผู้เป็นที่รัก
จะร้อยวันพันปี นางจะรอสัญญาอยู่ที่แห่งนี้เป็นนิรันดร์
ณ ที่แห่งนั้น ถูกขนานนามในเวลาต่อมาว่า
หุบเขานางคอย
------------------------------------------------------
จากคุณ :
คั่วกลิ้ง
- [
8 พ.ย. 49 13:18:47
]