Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องสั้น : เรื่องตลกของโชคชะตา

    เพลินๆ แกล้มกาแฟยามเช้า ค่ะ อิอิ

    ---------------------------------------

    เช้าที่สายก่อนบ่ายวันอังคาร ไม่มีอะไรอะไรเป็นสุขเท่ากับการได้เอาเท้าแหย่ลงไปในน้ำทะเล ทำตัวเสมือนหนึ่งเป็นพะยูนเกยตื้น ทำทีเป็นระรื่นกับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง แล้วนั่งเขียนบันทึก และบอกเล่าความรู้สึกกับใครสักคนลงในไปรษณียบัตร หลังจากที่เดินเก็บเศษกระทงที่ลอยมาเกยหาด ผลงานของผู้คนที่ปล่อยความ “ทุกข์” ให้หายไปกับทะเล สิ่งที่เหลืออยู่จึงเป็นเศษใบตอง ดอกไม้ที่เต็มไปด้วยตะปูเข็มที่รอคอยให้เท้าซุ่มซ่ามของนักท่องเที่ยวทะลึ่งเดินมาเหยียบให้ได้แผล...
    แล้วก็จริงดังคาด...

    “โอ๊ยยยยยยย ชิท...” คำอุทานและสบถมาพร้อมกันสองภาษา ดังคล้ายว่าเจ้าของเท้าซุ่มซ่ามนั้นเป็นหนุ่มลูกครึ่ง ไทยอเมริกัน กระนั้น

    “ก็มัวแต่มองสาวๆ โนบราเล่นน้ำนี่หว่า.... สมน้ำหน้า” เสียงที่ดังพอจะทำให้เจ้าของเท้าที่ตอนนี้เลือดไหลซิบๆ นั้นขุ่นใจ... ก็สังเกตจากหน้าเขาเท่านั้นแหละ

    “มานั่งนี่มา ใต้ต้นไม้นี่แล้วเอาเท้าแช่ลงไปในน้ำ” หญิงสาววางมือแปะๆ ลงบนที่ว่างข้างๆ ตัว

    “สกปรก” เขามองด้วยหางตาเหยียดเย้ยจนอยากเอาสมุดบันทึกเคาะลงบนหัวหลิมๆ นั้น

    “งั้นก็ไม่ต้องลงมา เออ แล้วทีแหม่มคนนั้นเดินแก้ผ้าโทงๆ ลงไปทั้งตัว แช่ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เห็นเค้ากลัวสกปรก” เธอบุ้ยปากไปยังนักท่องเที่ยวสาวที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่กลางทะเล

    “ต่างกัน นี่เป็นแผล” ข้ออ้างที่หนึ่ง...

    “แผลเท่ามดกัด อย่าสำออยไปหน่อยเลย เป็นผู้ชายเขาต้องเข้มแข็ง”

    “เดี๋ยวเป็นบาดทะยัก” ข้ออ้างที่สอง

    “งั้นก็ยืนอยู่นั่นแหละ หรือไม่ก็เดินกะแผลกไปจนถึงเกสต์เฮาส์ ถามรีเซฟชั่นว่ามีพลาสเตอร์ไหม? โอ เค๊ พูดไทยได้หรือเปล่าเนี่ย”

    “ทำไมจะไม่ได้ ก็ผมคนไทย”

    “เออ จริงด้วย ก็ฉันพูดภาษาไทยกับคุณอยู่นี่นะ... เออ แต่หน้าคุณไม่เหมือนคนไทยนี่หว่า”

    “ทำไมคุณพูดไม่เพราะจัง” นั่นเป็นประโยคคำถามของเขา เมื่อได้ยินเธอพูดจาไม่เพราะหลายครั้งเข้า

    “เรื่องของคุณเมื่อไหร่ล่ะ”

    “เป็นผู้หญิงต้องพูดเพราะๆ จะได้น่ารัก” สิ้นประโยคนี้ เจ้าของเท้าซุ่มซ่ามก็นั่งแหมะลงข้างๆ อย่างไม่ต้องเชื้อเชิญเป็นหนที่สอง

    “สำหรับบางคนเท่านั้นแหละ...”

    “คุณมาคนเดียวเหรอ” ที่จริง น่าจะเป็นเธอมากกว่าที่ถาม

    “อื้อ ใช่ค่ะ แปลกเหรอ”

    “ไม่แปลกหรอก นักท่องเที่ยวมักจะมา ไม่เกินสองคนถ้าเป็นแบ็คแพคเกอร์”

    “ฉันไม่ใช่นักท่องเที่ยวหรอกค่ะ บ้านฉันอยู่บนฝั่งนี่เอง ฉันแค่มาดูฝรั่งแก้ผ้าเล่นน้ำ”

    “เออ แปลกคน”

    “ล้อเล่นน่า... อืมม์ ไม่รู้สิ เหงามั้ง เลยมานั่งนับจังหวะคลื่นเล่นๆ เท่านั้นเอง” ว่าจบก็หันหน้าออกทะเล เลิกไยดีคนข้างๆ ไปชั่วขณะหนึ่งของลมหายใจ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถึงเรื่องราวที่ทำให้ต้องพาตัวเองมาจนถึงที่นี่... ถึงแม้จะห่างจากบ้านแค่ หนึ่งชั่วโมงเรือ แต่มันก็ไกลพอสำหรับคำถามว่า “คืนนี้จะไปลอยกระทงกับใคร” ซึ่งมันเจ็บปวดยิ่งกว่า เมื่อต้องตอบคำถามนั้น

    ในห้วงเวลาหักอกตัวเอง เมื่อปล่อยให้ความรักเดินส่ายตูดจากไปแล้วเฆี่ยนตีหัวใจด้วยคำลา... วิธีการรักษาใจนั้นไม่ใช่การเขียนเรื่องสั้น หรือปั่นไดอารี่ออนไลน์  แต่มุ่งมั่นอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย เสมือนว่ามันเป็นยาสมานแผลเพียงชนิดเดียวในโลก...

    แผลที่ร้ายแรงและเจ็บปวดกว่าตะปูเข็มตำ หลายร้อยเท่านั้น

    “ทำไมเงียบไปเฉยๆ ล่ะ”

    “อ้าว ฉันไม่ได้คุยกับคุณอยู่หรอกเหรอ แย่จัง ฉันนึกว่ากำลังนั่งทางในคุยกับคุณอยู่ซะอีก”

    “เออ แปลกคน” ก๊อบปี้คำพูดเดิมเป็นหนที่สองเพ๊ะ

    เกาะเล็กๆ ไม่ห่างไกลกรุงเทพฯ นัก ฝั่งทะเลไทย ฤดูกาลนี้แร้นแค้นนักท่องเที่ยวเจ้าถิ่น และผู้คนบางตา อาจเพราะไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ เว้นแต่ว่าใครบางคนที่กำลังอกหัก... แล้วพาตัวเองหลบมาพักใจถึงที่นี่... เช่นเธอ

    “ชื่ออะไร” เขาถามขึ้น

    “มัสเซล”

    “เอ๋อ...หอยกาบ คุณชื่อ หอยเหรอ?” เขาทำหน้าเหลือเชื่อ

    “ฉันล้อคุณเล่นอีกแล้ว ใครจะทะลึ่งไปชื่อหอยกาบ หน้าตาดีขนาดนี้...”

    “เมื่อกี้คุณบอกนี่ว่า มัสเซล”

    “ฉันแค่ท่องศัพท์ เพราะฉันจำไม่ได้สักทีว่าหอย ภาษาอังกฤษ มันเรียกยังไง ฉันเรียกแต่ เชลล์ ตามชื่อปั๊มน้ำมันน่ะ แต่จริงๆ ชื่อฉันก็คล้ายๆ กับชื่อปั๊มนั่นแหละ ฉันชื่อ เฌลลี”

    “อ้อ คู่กัดแมน ยู”

    “นั่นมันเชลซี คอลมี เฌลลี อะเกน...พลีส”

    “อ้อ เฌลลี ผมชื่อสมชาย”

    “เฮ้ย หน้าตาอิมพอร์ตจากเนเธอแลนด์ขนาดนี้ ชื่อ สมชาย... โคตรเชยเลย”

    “ผมล้อคุณเล่น สมชายน่ะชื่อพ่อผมต่างหาก”

    “เอ๊อ ตานี่ ไม่มีใครบอกหรือไง ว่าคนไทยเค้าไม่ล้อชื่อพ่อกันหรอก”

    “ที่เห็นก็มีแต่คนไทยนี่แหละ ล้อชื่อพ่อกันน่ะ ผมถูกเรียกว่า สมชายน้อยมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว”

    “แล้วจริงๆ คุณชื่ออะไร”

    “สมศักดิ์”

    “เออ... ไม่ได้ต่างกับเมื่อกี้เล้ย...”

    “เท้าคุณหายเจ็บหรือยัง”

    “หายแล้วมั้ง ไม่เจ็บแล้ว”

    “ดีละ เพราะเดี๋ยวฉันจะไปหาอะไรกินละ จะไปด้วยกันไหม?”  ใครบางคนบอกว่าอารมณ์ของเธอเหมือน “ลม” บางครั้งลมพัดเย็นดี บางครั้งก็เป็นลมกรรโชก นึกจะทำอะไรก็ทำมันปุบปับเดี๋ยวนั้น หรือจะไม่ทำอะไรก็ไม่ทำขึ้นมาเฉยๆ ในหลายครั้ง เมื่อใดที่อารมณ์ไม่ดี เขาก็มักจะเย้าเล่นว่า…“ลมตะวันออกกรรโชกแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง” ใครคนนั้นที่เพิ่งถูก “วาง” ลงจากหัวใจเมื่อไม่นานนี้เอง

    เฌลลีไม่ได้อกหักมานานแล้ว  นานจนจำไม่ได้ว่า เสียน้ำตาครั้งสุดท้ายเพราะความรักไปเมื่อไหร่

    แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาน้ำตาก็นองหน้าชนิดที่ว่าจากไม่เคยร้องไห้มาหลายปีก็ไหลมาหมดเกลี้ยง คล้ายๆ เพิ่งมารู้สึกอกหัก จริงๆ ก็ไม่กี่วันนี้เอง  เขาไม่ได้หักอกเธอแต่เธอหักอกตัวเอง

    อืมม์........................ แต่มันคงร้ายแรงพอกันมั้งนะ

    “คุณพักที่ไหน”

    “รีสอร์ท ท้ายๆ อ่าว”

    “ว้าว นั่นหรูที่สุดบนเกาะเลยนะ”

    “แพงที่สุดด้วยเหมือนกัน”

    “แล้วทำไม คุณไม่เลือกที่พักถูกๆ ล่ะ ตรงนั้นมีแต่ฝรั่งพักกัน”

    “คุณเพิ่งบอกหยกๆ ว่าหน้าผมเหมือนคนเนเธอแลนด์”

    “อ่อ ใช่ ลืมไป แล้วคุณทำงานที่กรุงเทพฯ เหรอคะ”

    “เปล่า ผมทำงานที่เนเธอแลนด์”

    “ล้อเล่นน่า ฉันแค่เดามั่วๆ ไปเท่านั้นเองนะ ว่าคุณหน้าเหมือนคนแนเธอแลนด์”

    “แม่ผมเป็นคนไอริช แคนาดา พ่อผมเป็นคนไทย ชื่อสมชายบ้านอยู่ใกล้ๆ กับท่าน้ำนนท์”

    “มันก็ยังไม่เกี่ยวกับเนเธอแลนด์ อยู่ดี”

    “ช่างเถอะ เอาเป็นว่าผมอยู่เนเธอแลนด์จริงๆ ก็พอแล้ว ว่าแต่คุณเถอะ มาทำอะไร นอกจากดูฝรั่งแก้ผ้าเล่นน้ำ”

    “อกหัก”

    “ก็สมควรหรอก พูดจาหยั่งงี้”

    “เอ๊ะ ตานี่... ตอกย้ำ เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว...”

    “ยังไม่ทันจะขาดคำ”

    “เออ ช่างฉันเถอะ ฉันอกหัก... เออ หักอกตัวเอง แค่นี้แหละพอ ไม่ต้องรู้มากกว่านี้หรอก” เหตุผลที่ต้องหักอกตัวเอง ก็เพราะกลัวว่าสักวันหนึ่งจะได้ยินคำพูดที่ว่า “ผมมีแฟนแล้วนะ” จากปากของคนที่เธอรัก ซึ่งแน่นอน มันจะเกิดขึ้นไม่ช้านี้และมันคงทำให้เธอรู้สึกเหมือนไก่ชนถูกถีบกลางอากาศ หัวหมุน มึน คว้าง หูอื้อ ตาลาย ร่างกายไร้ความรู้สึก จิตใจไม่รับรู้ หูไม่ได้ยิน ตาเหม่อ ลอย เหมือนตายไปแล้วสามวัน

    “คุณเคยอกหักไหม”

    “ไม่เคย”

    “แหงสิ หล่อลากไส้ ขนาดนี้ คงจะเคยแต่ทำคนอื่นเค้าอกหักน่ะสิ จริงๆ น๊า ฉันล่ะอยากเห็นผู้ชายร้องไห้บ้างจัง อยากเห็นผู้ชายเสียใจบ้าง เพราะไม่เคยเห็นผู้ชายเสียใจเพราะความรัก ไม่เคยเห็นใครเศร้ามาก จนถึงกับมีน้ำตา...ไม่เคยเห็นชายคนไหนฟูมฟายเพราะแฟนทิ้ง ไม่เคยเห็นกระทั่งเขาคนไหนเศร้าใจเกินสามวันผิดต่างกับผู้หญิง จนอยากรู้มากๆ ว่าถ้าผู้ชายเสียใจ เขาจะทำยังไงกับชีวิตเขานะ”


    “ก็ลองทำให้เขาอกหักดูสักคนสิ”เธอค้อนควับ

    “ทำบ้าอะไร ก็ฉันเพิ่งบอกหยกๆ ว่าฉันอกหัก แต่ขอบอกว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยทิ้งใคร - มีแต่ถูกคนเขาทิ้งมา...เลยไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหน น้ำตานองหน้า มีแต่ฉันที่เป็นแพนด้า และปลาทองอยู่ทุกวัน”


    ทั้งสองคนเลือกร้านอาหารที่ริมหาด ผู้คนไม่พลุกพล่านนัก

    หมาขนเกรียนใต้โต๊ะ... มีเพียงจังหวะการหายใจเข้าออกเท่านั้นที่บอกว่ามันยังไม่ตาย เสียงคลื่นดังเป็นจังหวะ สม่ำเสมอ ทั้งสองคุยกันเรื่อยเปื่อย

    จากที่เช้ายังไม่สาย ก็กลายเป็นบ่ายเกือบจะเย็น หมาขี้เหงาหลบแดดไปนอนหลับใต้ต้นหูกวางนานแล้ว และแหม่มบางคนก็เลิกแก้ผ้าหันมานุ่งผ้าเดินกรีดกรายรอบชายหาดแทน การสนทนาของคนสองคนที่เพิ่งรู้จักกันกลายเป็นการคุยอย่างเมามันเหมือนคนที่รู้จักกันมาสักสิบปี... นานๆ ทีจะเจอเพื่อนถูกคอ ก็งี้  

    ถึงแม้เพื่อนใหม่จะทำให้คลายเหงาลงไปได้บ้าง แต่ความเศร้าของเฌลลีก็ไม่ได้หายไปกับเวลา แต่เธอก็เชื่อว่าไม่นานหรอก อาการอกหักก็จะหายไป เพราะเธอชักเริ่มชินกับมันแล้ว ในทุกครั้งที่รู้จักที่จะรักใครสักคน เธอจึงบอกตัวเองไปพร้อมๆ กันว่า “เดี๋ยวก็อกหักอีกแน่ๆ”

    “ที่จริงผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งบ้านเธออยู่แถวนี้ๆ แหละ แต่ผมไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เพราะไม่เคยเจอหน้าเธอเหมือนกัน เรารู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต”

    “คุณก็เมลล์ ไปถามเธอสิคะ”

    “เธอคงยังไม่อ่าน เพราะไม่เห็นเธอตอบกลับมาเลย”

    “อย่างนี้เค้าเรียกว่าไร้วาสนาค่ะ”

    “เออ ว่าแต่ ทำไมคุณหักอกตัวเองเหรอ” หมอนี่ คงสมาธิสั้น ชอบเปลี่ยนเรื่องกระทันหันอยู่เรื่อย

    “คนที่ฉันรัก เขาไม่รักฉันมั้ง.... ก็วันเกิดเขา นะวันที่ห้า ที่ผ่านมา เขาบอกว่า น้องคนนั้นทำขนมเค้กให้ด้วย แต่ฉันทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ทำกับข้าวก็ไม่เป็น ทำขนมเค้กนั่นเลิกคิดไปเลย ไอ้ที่ฉันทำได้มันก็แย่ๆ ยังไงไม่รู้ ดูกิ๊กก๊อกมากเมื่อเทียบกับขนมเค้ก”

    “แล้วคุณทำอะไรให้เขาล่ะ”

    “ฉันทำสมุดบันทึกน่ะ” เสียงอ่อยๆ

    “เชื่อผม ขนมเค้กกินเดี๋ยวเดียวก็หมด แต่สมุดบันทึกมันจะอยู่กับเจ้าของจนตายกันไปข้างหนึ่งนั่นแหละ เออ แล้วอย่าบอกว่าคุณไปหัดทำเค้กมาล่ะ”

    “ผิดซะเมื่อไหร่ล่ะ ... ฉันลองแล้ว แต่ลืมใส่ผงฟู นึกเอาเถอะมันจะเป็นยังไง ฉันลองทำตั้งหลายครั้ง มันก็ไม่เป็นเค้กให้ฉันสักที เลยปาทิ้งหมดเลย”

    “ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาแล้วเล่นดนตรีได้เก่งระดับอัจฉริยะ แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาแล้วจะไบรท์ เหมือนไอน์สไตน์ อย่าเสียใจไปเลย ที่เกิดมาแล้วทำขนมเค้กไม่เป็น เพราะบางที ผู้หญิงคนนั้นอาจจะทำสมุดบันทึกไม่เป็นก็ได้” ไม่รู้ว่าชมหรือด่า แต่เดาเอาว่าน่าจะเป็นการให้กำลังใจนั่นแหละนะ

    “ฉันจะกลับแล้วล่ะ เดี๋ยวมืด ไม่มีเรือออก เออแล้วตีน เอ๊ย เท้าคุณเป็นยังไงบ้าง”

    “ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง ไกลหัวใจ คนที่เจ็บในหัวใจที่ไม่ใช่เพราะเข็มตำนี่สิ จะทำยังไงต่อล่ะ”

    “ช่างฉันเถอะ หัวใจฉันมันก็ซุ่มซ่ามเหมือนเท้าคุณนั่นแหละ ดันทะลึ่งไปหลงรักคนที่เขาไม่รัก    ทำไงได้”

    “อ่ะ งั้นนี่นะ นามบัตร เก็บไว้ เผื่อติดต่อกัน”

    “ขอบคุณค่ะ ฉันกลับล่ะนะ เที่ยวให้สนุกนะคุณสมศักดิ์สุดหล่อ อืมม์ ฉันลืมบอกคุณไปแน่ะว่า ตั้งแต่ฉันรู้จักคนชื่อสมศักดิ์ มา คุณเป็นคนแรก ที่หน้าตาดีที่สุด”

    “ผมก็เหมือนกัน... ตั้งแต่รู้จักผู้หญิงที่ชื่อหอยกาบมา คุณเป็นคนแรกที่หน้าตาดีมาก”

    เธอโบกมือลา เขาโบกมือให้
    ต่างคนต่างจากไป บนหนทางยาวไกล ที่ต่างมา...

    -----------

    ถึงบ้าน เฌลลี เตะแบบพิมพ์ขนมเค้กกระเด็นไปติดข้างฝาตามประสาแฟนคลับของแมนยู... แล้วคิดในใจว่า

    “คนสวยไม่จำเป็นต้องทำขนมเค้กเป็นก็ได้นี่หว่า....” ว่าแล้วก็ยักไหล่ เดินไปเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ หลังจากที่ไม่ได้ออนไลน์มาหลายวันดูเรทติ้งซิว่ามีใครมาเยี่ยมบล็อค บ้างหรือเปล่า ขณะรอโหลด ก็หยิบนามบัตรที่เพิ่งได้รับมาหยกๆ จากหนุ่มไทยเชื้อสายไอริชมาดู...

    “โห พระเจ้ายอดมันจ๊อดมาก หมอนี่กับเพื่อนทางเน็ตของชั้น..... คนเดียวกันเหรอวะเนี่ย”

    อีเมลล์ ตัวเดียวกันเพ๊ะ ทุกตัวอักษร... พร้อมชื่อนามสกุล ชัดเจน แจ่มแจ๋ว


    เรื่องตลกของโชคชะตา
    มักจะเกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเสมอ.... /

    จากคุณ : ดาริกามณี - [ 10 พ.ย. 49 09:04:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom