Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ด้วยรักและห่วงใย (แค่มีเธอเคียงข้างใจ)

    เหนื่อยโว้ย!

    เขมทัตอยากจะตะโกนให้ลั่นโลก ด้วยความอัดอั้นภายในใจ

    หลังจากตรากตรำทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์ ยามกินไม่ได้กิน ยามนอนไม่ได้นอน บางทีหิวจนไส้แทบขาด แต่สิ่งที่ลงกระเพาะมีเพียงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติต่างๆที่ไม่ได้ทำให้คนกินรู้สึกเอร็ดอร่อยเลยสักนิด บางวันทำงานเพลินจนเผลอฟุบหลับกับโต๊ะทำงาน สะดุ้งตื่นพร้อมกับความเมื่อยขบ บางทีก็ปวดคอไปเป็นวันๆ

    ถ้าเป็นอย่างนี้ไปอีกสักเดือนสองเดือน รับรองได้ว่า เพื่อนฝูงและคนใกล้ชิดได้ไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลหรือไม่ก็เจอกันที่วัดแน่นอน

    เหมือนสวรรค์ไม่เห็นใจคนกำลังเหนื่อยล้า พองานเก่ากำลังจะเสร็จ งานใหม่ก็เข้ามาต่อทันที ทั้งที่พยายามท่องคาถาในใจว่า

    ‘เพื่อเงิน เพื่อเงิน....มีงานมีเงิน’

    แต่มันไม่ได้ช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด ในเมื่อได้เงินมาแต่ไม่มีเวลาใช้ มันจะมีประโยชน์อะไร!

    ยิ่งคิดยิ่งท้อ หลายครั้งที่คิดจะเลิก คิดจะหยุด คิดว่าทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วได้อะไร ทุกวันนี้แทบจะไม่ได้กลับบ้าน ใช้เวลาอยู่ออฟฟิศเสียส่วนใหญ่ ไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่ พี่น้อง

    เขมทัตถอนหายใจเสียงหนัก ละมือจากแป้นคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ทิ้งตัวลงบนผนักเก้าอี้ แหงนหน้าโดยใช้ส่วนแข็งของมันรองรับศีรษะอันหนังอึ้งเอาไว้ ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้คลึงดั้งจมูกที่กั้นหัวตาทั้งสองไว้ เพื่อลดความตึงเครียด ปิดเปลือกตาลงเพื่อพักสายตา

    ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้กี่โมง รู้แค่ว่าคืนนี้ยังอีกยาวนาน อยากจะเร่งงานให้เสร็จ เพื่อจะหยุดพัก  ไม่อย่างนั้นสุขภาพกายและใจอาจจะแย่ลงกว่านี้    

    …คิดถึงหมอนนุ่มๆให้ซุกหน้าลงไปเกลือกกลิ้ง...

    ...คิดถึงเตียงนอนอุ่นๆ เพื่อทิ้งกายอันแสนเหนื่อยล้าไล่ความปวดเมื่อยออกไปจากร่างกาย...

    ...คิดถึงผ้าห่มผืนใหญ่ที่ให้ไออุ่นท่ามกลางความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ…

    ...คิดถึงกลิ่นหอมและรสชาติของอาหารจากฝีมือคนเป็นแม่...

    ...คิดถึงรอยยิ้ม เสียงหัวเราะยามได้สนทนากันระหว่างสมาชิกในครอบครัว...

    รู้ว่าครอบครัวห่วงใยในตัวเขามากแค่ไหน พยายามส่งเสียงผ่านสายโทรศัพท์ เรียกให้กลับบ้าน ถามไถ่ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วเพิ่มพลังในตัวได้มาก แต่...มันไม่เพียงพอ

    เขาอาจจะเป็นคนโลภ...โลภที่อยากจะได้ความห่วงใยมากกว่านี้...จากใครอีกคน

    ชายหนุ่มลืมตาขึ้น หมุนเก้าอี้ให้หันข้างกับโต๊ะทำงาน เอื้อมมือควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองโดยไม่ต้องเหลือบมองสักนิด จนเจอเจ้าเครื่องอิเลกโทรนิกส์เครื่องจิ๋ว ยกมันขึ้นเหนือศีรษะขนานกับดวงตา กดปุ่มเล็กๆอย่างคุ้นเคย จนปรากฏรูปภาพของใครคนหนึ่งบนจอ

    ภาพหญิงสาวหน้าหวานปนโศก ดูน่าทะนุถนอม ดวงตากลับฉายแววดื้อรั้น ปลายจมูกเชิดขึ้นน้อยอย่างคนเอาแต่ใจรับกับปากรูปกระจับบางช่างเจรจากำลังแย้มยิ้มกว้างดูสดใส ผมยาวประบ่าถูกรวบเก็บเหลือเพียงปอยผมสั้นด้านหน้าจากการสไลด์ตามสมัยนิยมตกลงมาปิดหน้าผากเกลี้ยงเกลา ที่เขามักจะแหย่เสมอว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าผากกว้างจนเกินพอดีด้วยคำสั้นๆว่า

    ‘ยัยหัวเถิก’

    คำสามพยางค์สั้นๆ แต่ทำให้หญิงสาวไม่ยอมเผยหน้าผากให้ใครเห็นถ้าไม่เผลอตัวอีกเลย

    เขมทัตเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงต้นเหตุของทรงผมทรงนี้ จริงๆแล้วหน้าผากไม่ได้กว้างอย่างที่เขาแซวหรอก เพียงแต่ไม่อยากให้ใครเห็นดวงหน้าสวยๆชัดๆอย่างเขา ใครจะว่าขี้หวงก็ไม่สน บอกได้เลยว่ายอมเห็นแก่ตัวอย่างนี้แหละ จะเก็บไว้ดูคนเดียว

    ...ธัญมน...

    ผู้หญิงคนสำคัญ แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้เลยว่าสำคัญกับเขามากมายแค่ไหน

    จำได้ว่าภาพที่ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือ มาจากวันที่ไปพักผ่อน ณ สวนรถไฟ จู่ๆเขาอยากลองกล้องถ่ายรูปตัวใหม่ของตัวเอง แต่มือสองของคนอื่น อยากจะใช้ให้คุ้นมือ เป็นจังหวะเดียวกับธัญมน น้องสาวของเพื่อนสนิท ควบตำแหน่งเพื่อนรักของน้องสาวคนสุดท้องอยากไปเที่ยวเหมือนกันจึงขอติดสอยห้อยตามไปด้วย

    วันนั้นเขาจึงมีนางแบบกิตติมศักดิ์ถึงสองคนโพสท่าอยู่หน้ากล้อง โดยไม่รู้ตัวเองเลยว่ากดชัตเตอร์ถี่มากแค่ไหน มารู้อีกทีเมื่อตอนโหลดรูปลงคอมพิวเตอร์ จำนวนรูปของธัญมนขึ้นหลักร้อย แถมจับภาพแทบจะทุกอิริยาบถ ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว จนโดนน้องสาวค่อนด้วยความน้อยใจในความไม่ยุติธรรมของพี่ชาย

    ‘พี่เขมลำเอียง เห็นยัยมนน่ารักกว่าใช่ไหมล่ะถึงได้ถ่ายไม่ยั้งขนาดนั้น ทั้งที่น้องสาวของตัวเองสวยจะตาย’

    เถียงอะไรไม่ออก ขนาดตัวเองยังไม่รู้เลยว่าถ่ายรูปของธัญมนมาเยอะขนาดไหน

    ยอมรับว่าชอบรูปของหญิงสาวหลายใบ แต่รูปนี้สะดุดตาสะดุดใจมากที่สุด มองครั้งใดรู้สึกราวกับว่าตัวเองอยู่ในสายตาของเธอเสมอ รอยยิ้มหวานๆเหมือนอยากให้กำลังใจเขายามเหน็ดเหนื่อย

    กว่าจะได้ยิ้มสวยอย่างนี้มา ต้องทนฟังคำบ่นของสาวเจ้าอยู่นาน

    ‘ยิ้มแบบไหนล่ะพี่เขม มนยิ้มไปหลายแบบแล้วนะ’

    เสียงใสโวยวายออกมาหลังจากเขาบอกว่ายิ้มที่ฉายบนริมฝีปากดูแปลกๆ ดูเสแสร้งอย่างบอกไม่ถูก

    ‘ยิ้มยังไงก็ได้ให้สวยๆไอ้หลายรูปที่ผ่านมา อย่างกับแยกเขี้ยว” แล้วปากเสียๆก็บอกออกไป อย่างไม่เกรงใจคนฟังเลยสักนิด

    ‘บ้าเหรอ นั่นยิ้มสวยที่สุดในชีวิตของมนเลยนะ’ คนหน้าสวยเริ่มแหวออกมาอย่างเหลือทน ผู้ชายอะไรพูดไม่รักษาน้ำใจกันบ้างเลย

    ‘ทำได้แค่นี้ อย่าทำเลยดีกว่า สงสารคนมอง’

    ‘ไอ้พี่เขมบ้า มนจะฟ้องพี่ธันว์’ ร่างบางร่ำๆอยากจะเข้ามาทำร้ายร่างกายเขาซะเหลือเกิน ติดตรงที่ขี้เกียจลุกให้เสียเวลา รู้อยู่แล้วว่าเขมทัตว่องไวขนาดไหน กว่าจะถึงตัว ร่างสูงคงวิ่งหนีไปไหนต่อไหน เลยยกชื่อพี่ชายขู่เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง

    ‘ฟ้องเลย ไอ้ธันว์อยู่ไกลจะตาย กว่าจะมาจัดการพี่ได้คงเป็นวัน’ นี่คืออีกสาเหตุที่ทำให้ธัญมนสนิทสนมกับเขามาก เพราะคำฝากฝังของเพื่อนซึ่งบินหนีไปทำงานอยู่ต่างประเทศ ให้ช่วยดูแลน้องสาวที่ยังอยู่ในวัยเรียนอีกแรง

    ‘พี่เขมบ้า!’ ตะโกนด่าเสียงดัง ดวงตาวาววะวับอย่างโมโห

    ‘เอ้า ทำหน้างอเป็นม้าหมากรุกอีก แย่ยิ่งกว่าเดิมอีกนะ’ อดแซวออกมาไม่ได้ พร้อมเสียงขลุกขลักในลำคอ

    ยัยน้องมนยั่วขึ้นชะมัด เห็นหน้างอเป็นจวัก มองเขาอย่างเคืองๆ ยิ่งทำให้ดูน่ารักน่าแกล้งมากไปกว่าเดิม

    ‘แล้วจะให้ทำยังไง ถ้าไม่บอก ไม่ถ่ายแล้ว’

    ดีที่น้องสาวของเขาขอตัวไปขี่จักรยานเล่นรอบสวนไม่อย่างนั้นคงมีคนช่วยเล่นงานอีกคน โทษฐานแหย่เพื่อนรักให้หงุดหงิดเกินกว่ามาตรฐานกำหนด

    ‘เอาอย่างนี้ ยิ้มสวยๆหวานๆ ให้พี่แล้วกัน ถ้าจะให้ดีขอกำลังใจแถมมาด้วยนะ เพราะต่อไปพี่คงงานยุ่ง  ยุ่งเหมือนออกรบเลยล่ะ คงไม่มีเวลามากวนเราหรอก’

    ‘ดีเลย แค่นี้มนก็เบื่อหน้าพี่เขมจะแย่อยู่แล้ว’ พูดออกมาอย่างชอบอกชอบใจ

    คนฟังใจแป้ว...ไม่คิดจะห่วงกันบ้างเลยหรืออย่างไร

    ‘ใจร้ายเหมือนกันนะเรา’ เผลอตัวตัดพ้อออกไป ใบหน้าขาวอย่างคนไม่ค่อยสัมผัสแดดแต่แข็งแกร่งอย่างบุรุษเพศสลดลง

    ‘คนสวยมักจะใจร้ายเสมอแหละพี่เขม รู้ไว้ด้วย’ อารมณ์ดีขึ้นมาทันควันเมื่อเห็นคู่กรณีหมดฤทธิ์

    ‘มั่นใจตัวเองจริงๆเลยนะ แล้วตกลงจะถ่ายไหม ถ้าไม่ถ่ายจะได้กลับบ้าน เบื่อ เหนื่อย เซ็ง!’ เขมทัตเริ่มทำตัวเอาแต่ใจ กระแทกเสียงให้รับรู้เลยว่าอารมณ์ภายในเป็นอย่างที่พูดออกไปจริงๆ

    ‘ถ่ายสิ ตอนนี้อารมณ์ดีแล้ว รับรองยิ้มสวย คนดูกำลังใจมาเพียบ’ ตากลมโตเปล่งประกายสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามเย็น ที่ฉาบมายังดวงหน้าเนียนสวย

    ลมพัดโชยเอื่อยพัดเส้นผมนุ่มดุจแพรไหมให้ปลิวไหว จนมือบางต้องยกมือลูบผมด้านหน้าให้เข้าทรง เป็นภาพสวยงามหาดูได้ยาก จนตากล้องลืมตัวมองอย่างเผลอไผล

    ‘พี่เขมจะถ่ายหรือเปล่า จ้องอยู่ได้’ ธัญมนตะโกนถามเมื่อเห็นตากล้องนิ่งไป ไม่รู้ว่าเพราะแสงสีส้มของตะวันซึ่งกำลังจะลาลับฟ้า หรือการสูบฉีดของเลือดที่เกิดจากความเขินอายกันแน่ ทำให้แก้มปลั่งขึ้นสีจัด

    เขมทัตยกกล้องขึ้น มองภาพสวยงามผ่านเลนส์ แล้วหัวใจต้องกระตุกวูบ เมื่อนางแบบแย้มริมฝีปากกว้างอย่างเปิดเผย ดวงตาสีน้ำตาลใสราวกับลูกแก้วสะท้อนกับแสงสว่างของธรรมชาติจนเกิดประกายดูงดงาม  อะไรไม่ทำให้หัวใจเต้นแรงเท่ากับความรู้สึกที่กำลังส่งผ่านมาจากสายตาคู่นั้น มันทำให้ใจอันแสนห่อเหี่ยวเมื่อครู่เกิดอาการพองฟูคับอก ราวกับได้รับกำลังใจอย่างเหลือล้น

    ต่อให้ต้องทำงานอย่างหนัก เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของเธอ เขาพร้อมจะรับมือได้โดยปราศจากความเกรงกลัว

    ‘เป็นยังไงพี่เขม ยิ้มอย่างนี้ทำให้มีกำลังบ้างไหม’ ธัญมนถามกลับมาพร้อมกับยักคิ้วให้อย่างมั่นใจ

    ‘ไม่ไหว อย่าไปยิ้มให้ใครเห็นนะ คนมองหมดกำลังใจแย่ ยิ้มให้พี่คนเดียวก็พอแล้ว พี่พอรับได้!’


    (มีต่อ)

    จากคุณ : ปุณณัตถ์ - [ 12 พ.ย. 49 03:38:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom