Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    นิทานดอยนรก 4-1

    นิทานดอยนรกตอนที่แล้ว (3-15)

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4810225/W4810225.html

    ส่วนตอน 1-1 ตั้งแต่ตอนที่ 3-15 ก็กดคลิกไปอ่านได้ในบล็อกนะครับ

    ส่วนนี่ก็เรื่องย่อสำหรับผู้ที่ตามไม่ทัน 1-1 ถึง 3-15
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4682509/W4682509.html
    -----------------------------------------------------------
    ก่อนเริ่มบท -- ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณหลังไมค์ท่านนึง ที่พยายามมาอัพเดทอยู่ตลอดและถามข่าวอยู่ตลอด แต่ผมก็ไม่ได้ลงให้ซักที เห็นแก่ความเอื้อเฟื้อของแฟนนิทาน เลยขอลงก่อนกำหนดนะครับผม ให้พอหายคิดถึงกัน ขอบคุณมากครับ
    -----------------------------------------------------------
    - ตอน ยิ้มแย้มเห็นลาง
    -----------------------------------------------------------
    จะกล่าวถึง ยิ้มแย้ม พอแต้มแต่ง
    ผู้อ่านแกล้ง ลืมเลือน แล้วใช่ไหม
    จะแต่งเติม เสริมบท เพิ่มรสไป
    ผู้อ่านคง ยิ้มได้ ใจเพลิดเพลิน

    ขอย้อนไป อโยธยา มหาสถาน
    เจ้ายิ้มแย้ม เบิกบาน ในเขาเขิน
    ฝากเป็นศิษย์ ฤาษี ที่จำเริญ
    อยู่ที่เนิน เขาใหญ่ ในไพรวัน

    ท่านดุสิต รักใคร่ ให้เป็นศิษย์
    ยิ้มแย้มได้ ใกล้ชิด มิคิดฝัน
    เป็นศิษย์ก้น กุฏิ ได้ติดพัน
    รับใช่ท่าน ท่านนั้น ก็รักเอย

    ท่านก็สอน เวรกรรม ธรรมชาติ
    พิจารณา เห็นธาตุ ศาสตร์ลับเผย
    สมาธิ ปัญญา มิละเลย
    รักษาศีล มิเฉย จนเคยตัว

    จนเห็นแจ้ง แสงสว่าง ดั่งทางเปิด
    เกิดล้ำเลิศ แสงสว่าง ที่กลางหัว
    แล้ววูบวาบ สว่างไสว ใจระรัว
    ก็นึกกลัว มัวจิต คิดไปไกล

    ครั้นสงบ เมฆา ก็คลาเคลื่อน
    ทั้งดวงเดือน ดารา สว่างใส
    แสงจันทรา อาบส่อง เป็นยองไย
    เจ้ายิ้มแย้ม จึงได้ ซึ่งสามตา

    มองดารา บนฟ้า ก็รู้แจ้ง
    ทั่วทุกแห่ง เห็นธาตุ ประหลาดหนา
    จึงเข้าไป ไต่ถาม พระสิทธา
    ท่านก็พรรณ นา อธิบาย

    ตาสามเปิด เลิศล้ำ ธรรมชาติ
    จึงเห็นธาตุ ทั้งสี่ ไม่หนีหาย
    เมื่อจิตใจ เป็นหนึ่ง ตรึงกับกาย
    จะใช้ธาตุ ทั้งหลาย ได้ง่ายนัก

    ทั้งดินน้ำ ลมไฟ ในโลกา
    หากเจ้ารู้ มนตรา สิทธิศักดิ์
    จะใช้ได้ ดั่งใจ เจ้าศิษย์รัก
    จะสอนให้ รู้จัก  ไม่ชักช้า

    ท่านดุสิต สอนมนต์ จนหมดไส้
    ยิ้มแย้มได้ วิชาดี ดีหนักหนา
    แสนซาบซึ้ง เมตตาจิต พระสิทธา
    ชาวบ้านมา หาท่าน ไม่ขาดตอน

    บ้างก็ให้ ท่านนั้น ไขปัญหา
    บ้างก็มา ฝากลูกหลาน ให้ท่านสอน
    มารักษา โรคร้าย คลายทุกข์ร้อน
    มาพักผ่อน สนทนา ธรรมบรรยาย

    มีลูกศิษย์ มากมาย แสนหลายหลาก
    ท่านก็ฝาก ยิ้มแย้ม ช่วยได้หลาย
    ท่านฤาษี มียิ้มแย้ม อยู่เคียงกาย
    มิเคยหาย ห่างเหิน เมินอาจารย์

    รู้วิชา ตำรา ยาทั้งหลาย
    รู้มนตรา สาธยาย ขับขาน
    รู้จับยาม สามตา ตามโบราณ
    รู้อนา คตกาล จากดารา

    รู้พระธรรม คำสอน สุนทรพจน์
    รู้ทั้งหมด หมดสิ้น กังขา
    ปรนนิบัติ รับใช้ พระสิทธา
    จนเวลา ล่วงเลย ผ่านเลยไป
    ........................................
    เรื่องก็มา ถึงตอน สองเพื่อนรบ
    ท่านผู้อ่าน นึกทบ ทวนได้ไหม
    ธฤติ สุพัต ขัดข้องใจ
    ต่อสู้กัน ยิ่งใหญ่ ณ ตีนดอย

    ณ คืนนั้น สองดารา สว่างจ้า
    แสงจันทรา ข้างแรม ดูถดถอย
    ชาวบ้าน อโยธยา ใหญ่น้อย
    ต่างก็พลอย พากัน ออกมาดู

    สองดารา กลางฟ้า ทิศพายัพ
    ส่องสลับ วับวาว พร่างพราวอยู่
    พระฤาษี มีญาณ ท่านก็รู้
    สองดารา มาคู่ สู้เคียงกัน

    หลายปีก่อน ตอนโน้น ข้าเคยเห็น
    น่าจะเป็น เหตุการณ์ เคยคาดฝัน
    ทวบทวนคิด อดีตกาล เมื่อนานวัน
    จึงไม่ทัน มองศิษย์ มาติดตน
    .............................................
    เอ๊ะอาจารย์ มองฟ้า จิตตาเหม่อ
    มิเคยเจอ แบบนี้ เลยสักหน
    สองดารา รองเรือง ณ เบื้องบน
    ศิษย์มองแล้ว ร้อนรน จนฟุ้งไป

    เห็นสองดาว ดลจิต คิดถึงเพื่อน
    ศิษย์ฟั่นเฟือน เหมือนกับ จะหลับใหล
    ครั้นจับยาม สามตา เห็นแต่ไฟ
    ให้ร้อนใจ ไม่รู้ อะไรเลย

    ศิษย์คำนวณ โหรา ดาราศาสตร์
    เห็นประหลาด จริงหนา อาจารย์เอ๋ย
    สองดาวคือ เพื่อนรัก ที่คุ้นเคย
    เหมือนจะเย้ย อวดแสง แข่งขันกัน

    ณ ทางทิศ พายัพ ร่วมขับเคี่ยว
    เอ๊ะมันเกี่ยว อะไร กับเพื่อนฉัน
    คิดพะวง สงสัย ให้งงงัน
    เหงื่อทั้งนั้น ท่วมตัว ทั่วทั้งกาย
    .........................................
    สัตว์เอ๋ยสัตว์โลก
    ที่แสนโศก หรือสุข สนุกหลาย
    ต้องเป็นไป ตามกรรม ทั้งหญิงชาย
    มีเกิดแก่ เจ็บตาย มีทุกข์ร้อน

    เอาอะไร กับดาว ประดับฟ้า
    กฎแห่งกรรม ธรรมดา ตามท่านสอน
    เจ้าศิษย์รัก จงหักใจ แล้วไปนอน
    อย่าอาทร ร้อนใจ เพราะใครเลย

    เห็นแต่ดาว พราวฟ้า มาวิตก
    มิตลก ไปนิด หรือศิษย์เอ๋ย
    เห็นแต่ไหน แต่ไร เจ้าไม่เคย
    หรือเฉยเมย จิตอ่อน นอนกลางวัน

    มิได้ฝึก สมาธิ พิจารณา
    จึงอ่อนล้า ร้อนรน หุนหัน
    จงสงบ อย่าคิด หรือติดพัน
    อะไรมัน จะเกิด ก็เกิดเอง
    ......................................
    ศิษย์ขอบคุณ อาจารย์ใหญ่ ไขปัญหา
    ที่ท่านว่า มานั้น ก็ถูกเผง
    คิดหมกมุ่น ขุ่นใจ ไม่ครื้นเครง
    มัวละเลง ความฟุ้ง ก็ปรุงใจ

    แล้วลาท่าน ฤาษี เข้าที่พัก
    แต่ในจิต คิดหนัก ไม่ผ่องใส
    คิดฟุ้งซ่าน ลานลน จนหลับไป
    ไม่รู้ว่า ทำไม ต้องมาเป็น

    (โปรดติดตามตอนต่อไปจ้ะ)

    จากคุณ : ย.ยิ้มแย้ม - [ 14 พ.ย. 49 21:29:55 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom