Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    จดหมายจากปลายฟ้า

    "โอย.. ไม่อยู่แค่สองอาทิตย์  อะไรกันนักกันหนาเนี่ย"


    เสียงครางอย่างอ่อนใจดังขึ้นจากร่างบางในชุดสูทเดินทาง  สวมทับด้วยโอเวอร์โค้ทสีน้ำตาลไหม้  เมื่อเจ้าตัวเปิดตู้รับจดหมายที่ชั้นล่างของอพาร์ตเมนท์แล้วพบว่า  เพียงช่วงระยะเวลาไม่นานนักที่เธอเดินทางไปทำงานในต่างเมือง  ตู้เล็กๆ ใบนี้กลับอัดแน่นไปด้วยกองจดหมายโฆษณา  หรือที่เรียกกันว่าจดหมายขยะ  และใบเรียกเก็บเงินต่างๆ ที่หญิงสาวจำใจต้องหยิบมันขึ้นมาไล่ดูอย่างเบื่อเต็มที

    โปสการ์ดแผ่นนั้น  ดูธรรมดาสามัญด้วยภาพพระอาทิตย์ยามเช้า  โผล่พ้นทะเลหมอกในหุบเขากว้าง  อย่างที่นิยมใช้เป็นวิวสำหรับโปสการ์ดทั่วไป  แวบแรก..อิงดาวจึงกวาดตามองเพียงผ่านๆ  หากตราประทับที่บอกให้รู้ว่ามันมาจากแดนไกล  ทำให้เธอพลิกอ่านด้านหลังแทบจะในทันที  ก่อนที่หัวใจจะเต้นแรงขึ้นทันควัน.. เมื่อเห็นลายมือเรียบ  กดหนักๆ เป็นภาษาไทยที่คุ้นตา


    "อิง  
    ขอบคุณมากสำหรับความระลึกถึง
    ดีใจที่ได้ยินข่าวคราวจากอิง
    เราสบายดี  และดีใจที่ได้รู้ว่าอิงก็สบายดี
    บางที.. อีกไม่นาน..เราอาจจะไปหาอิง..
    รัน"



    ไม่มีชื่อจริงและที่อยู่ของผู้ส่ง  มีเพียงรอยประทับเป็นหมึกจางๆ  พอจะอ่านได้ว่า  มันถูกส่งมาจากจังหวัดหนึ่งทางเหนือของประเทศไทย  ที่มีชื่อเสียงเรื่องขุนเขาสูงและป่าสวย  

    นี่เขาไปทำอะไรที่นั่นนะ?  คนคิดพลิกกลับไปดูรูปวิวนั้นอีกครั้ง  รู้ทันทีว่ามันคือที่ไหน  แม้ไม่มีคำระบุใต้ภาพ  ไม่มีรายละเอียดอื่นใดนอกจากข้อความที่สั้นจนน่าโมโห  อิงดาวเกือบจะยิ้มขัน  จะผ่านไปกี่ปี  เขาก็ยังคงเป็นเขา  เป็นคนเงียบๆ ที่ไม่ชอบเปิดเผยอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง  มากไปกว่าที่จำเป็น

    ความจริงเธอเกือบจะลืมเขาไปเสียแล้ว.. หากว่าเมื่อเดือนก่อน  เธอจะไม่เก็บกวาดชั้นหนังสือที่เริ่มรกรุงรัง และได้พบสมุดเฟรนด์ชิพเล่มเก่าสมัยมัธยม  เมื่อเปิดอ่าน.. ความทรงจำย้อนก็กลับไปสู่ความสุขในวันวาน  เธอยิ้มให้กับข้อความขันๆ ของเพื่อนหลายคน  ที่ล้วนบรรยายความในใจและความฝันของตัวเองไว้จนยาวเหยียด  ก่อนจะสะดุดตากับลายมือกดหนักๆ ของใครคนหนึ่ง  ที่เขียนไว้เพียงสั้นๆ


    "ฟ้ากว้าง  แต่ไม่เคยกว้างเกินปีกแห่งความฝัน
    ดวงตะวันอยู่ไกล..  แต่ส่งความอบอุ่นผ่านมาให้เราได้ทุกวัน
    เชื่อเถิดว่า.. อิงมีทั้งความฝัน..
    และดวงตะวันที่จะอยู่ ณ ที่เดิมเสมอ"




    ด้านล่างระบายเป็นรูปดวงตะวันสีส้มสด  ที่บัดนี้ซีดจางลงไปตามกาลเวลา  อิงดาวแตะปลายนิ้วลงอย่างแผ่วเบา  ไม่ปรารถนาจะให้สีสันนั้นหม่นมัวลงไปอีก  ก่อนที่รอยยิ้มบางๆ จะระบายขึ้นที่ริมฝีปาก  ด้วยความรู้สึกอ่อนโยนบางประการ..ที่เธอเกือบจะลืมเลือนมันไปแล้ว..

    ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเปิดหาที่อยู่ของเขาในหนังสือรุ่น  แม้ว่ามันจะเป็นที่อยู่ที่เขาเคยอยู่สมัยเรียนมัธยมก็เถอะ.. แต่เธอก็ไม่ได้ลังเลเลย  เมื่อลงมือเขียนจดหมาย  บอกเล่าวันเวลาที่ผ่านมา  โดยไม่มีคำอธิบายให้ตัวเองว่า.. เหตุใด.. จึงนึกถึงเพื่อนเก่าคนนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล  ในวันที่ขาดการติดต่อกันไปนานถึงขนาดนี้..

    รู้เพียงแต่เธออยากเขียน  อยากเล่า.. โดยไม่ได้หวังว่าจะมีคำตอบจากเขาหรอก.. เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะได้รับจดหมาย  เพราะค่อนข้างแน่ใจว่าเขาน่าจะย้ายจากบ้านเดิมไปแล้ว  ในเมื่อมันเป็นแค่บ้านเช่าหลังเล็กๆ ไม่ห่างจากโรงเรียน.. และเขาเอง..ก็ไม่เคยส่งข่าวคราวมาถึงเธอเลย.. ไม่ว่าเธอจะพยายามติดต่อไปอย่างไร..

    คล้ายกับว่าเขาหายสาบสูญไปจากชีวิตเธอเสียแล้ว.. นับจากแยกย้ายจากกันไปหลังเรียนจบ

    แต่วันนี้  คำตอบจากเขาก็มาถึงมือเธอจนได้..

    วันที่คำว่า..ดีใจที่สุด.. ยังไม่อาจใช้แทนความรู้สึกทั้งหมดของเธอ..

    กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน..  อิงดาวนับนิ้ว  เมื่อวางกองเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะรูปรีกลางห้อง  ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มอย่างเหนื่อยอ่อน  หยิบโปสการ์ดแผ่นนั้นขึ้นมาพลิกดูอีกครั้งอย่างใจลอย



    เกือบหกปีแล้ว.. ตั้งแต่จบชั้นมัธยมปลาย  เมื่อเธอเลือกย้ายตามครอบครัวมาเรียนต่อที่นี่  ไกลจากเมืองไทยราวครึ่งโลก  ส่วนเขา..ก็กลืนหายไปในวันเวลาและระยะทางที่ห่างไกล  เพราะความจริงแล้วจะว่าไป..เธอและเขาก็ไม่ใช่เพื่อนที่สนิทกันนัก  เนื่องจากเขาเพิ่งย้ายมาเข้าโรงเรียนเดียวกับเธอเมื่อกลางเทอมปลายของชั้นมัธยมปีที่ 6 นั่นเอง  

    บุคลิกเงียบขรึม  ดูราวกับอยู่แต่ในโลกส่วนตัวของเขา  ทำให้เจ้าตัวไม่มีเพื่อนมากนัก  ทั้งที่รูปหน้าคม  ผิวคร้าม  และความสูงร่วมร้อยแปดสิบเซนติเมตร  จะทำให้สาวๆ มองตามอย่างสนอกสนใจอยู่ไม่น้อย

    หากเขาก็ยังเป็นเขา  ด้วยท่าทีเรื่อยๆ จนเกือบจะเป็นเฉยเมย  กับรอยยิ้มนิดๆ แววตาราบเรียบ  เสมอต้นเสมอปลายอย่างน่าโมโห  จนคนสนใจพากันหมดความพยายามไปเอง

    เธอเอง..คงจะไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเขาเกินถ้อยคำทักทายตามมารยาทธรรมดา  ถ้าจะไม่มีกิจกรรมส่งท้ายชีวิตนักเรียนมัธยม  ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการจัดทริปปีนเขาสูงอันขึ้นชื่อเรื่องความยากลำบาก  เพื่อไปจัดงานอำลากันบนนั้น  แม้จะมีบางคนที่ผู้ปกครองไม่ยอมให้ไป  ด้วยเกรงอันตราย  แต่สำหรับคนที่ได้ไป  มันกลายเป็นความทรงจำที่สนุกสนานและงดงามที่สุดอันหนึ่งของวัยรุ่นเลยทีเดียว

    โดยเฉพาะ.. มันทำให้เธอได้รู้จักอีกแง่มุมหนึ่งของเขาคนนี้.. ศรัณย์

    เช้ามืดของวันที่สอง  หลังจากจัดงานเลี้ยงรอบกองไฟกันอยู่จนดึกดื่น  เพื่อนส่วนใหญ่จึงยังสมัครใจที่จะนอนหลับอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆ ภายในเต็นท์ของตัวเอง  มากกว่าจะออกมาทนหนาว  เดินลุยดงหญ้าออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างที่ตกลงกันไว้  แม้ว่าเธอจะใช้ความพยายามในการปลุกทุกคนขึ้นมาอย่างไร  ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมลุกขึ้นสักคน  อย่างมากก็ออกปากเสียงอู้อี้

    "พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้นี่ยัยอิง  วันนี้เหนื่อยจะตาย  ขอนอนก่อนละ"

    เมื่อปลุกใครไม่ได้จริงๆ อิงดาวจึงคว้าไฟฉายเดินฝ่าความมืดและน้ำค้างที่เย็นเยียบออกจากเต็นท์ไปคนเดียวอย่างไม่ยอมแพ้  เพราะรู้ดีว่าอีกไม่นาน..ตัวเธอเองจะต้องจากไปไกลบ้านเกิดเมืองนอน  จะได้กลับมาอยู่ประเทศไทยอีกหรือไม่ก็ยังไม่แน่  ทำไมเธอจะยอมพลาดโอกาสชมความงามยามเช้าอันเลื่องชื่อของที่นี่กันเล่า  ต่อให้มีพรุ่งนี้อีกวัน.. เธอก็สมัครใจจะยอมเหนื่อยเดินไปกลับเป็นระยะทางสี่กิโลทั้งสองวันนั่นแหละ..

    เส้นทางที่นำไปสู่จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นนั้นรกเรื้อ  แม้จะเป็นทางที่นักท่องเที่ยวใช้เดินเป็นประจำ  หากเมื่ออยู่ในความมืดทะมึนของเวลาก่อนรุ่งสาง  และเงาตะคุ่มของพุ่มไม้น้อยใหญ่ที่ดูราวกับจะสั่นไหวอย่างคุกคาม  ก็ทำให้เธอแบบจะใจฝ่อ  หันหลังกลับไปนอนในเต็นท์ตามเดิมเสียให้ได้

    หากแล้วเสียงย่ำเท้าสวบสาบตามมาห่างๆ ทำก็ให้เธอหันไปมอง  ใจชื้นขึ้นมากมายเมื่อเห็นร่างสูง  ผิวคร้าม  เดินตรงมาพร้อมไฟฉายในมือ  เจ้าของร่างยิ้มบางๆ ให้เธอ  ก่อนจะเดินเคียงคู่กันไปโดยไม่ปริปาก

    ตลอดทางมีแต่ความเงียบ  จนใกล้ถึงจุดหมายปลายทางนั่นแหละ  อิงดาวจึงรวบรวมความกล้า  ถามออกไปในที่สุด

    "จะไปดูพระอาทิตย์เหมือนกันเหรอ"  

    อีกฝ่ายชำเลืองมองยิ้มๆ เมื่อตอบเสียงปกติ

    "เปล่า"  

    "อ้าว"  เธออุทานได้คำเดียว  ก่อนจะถามเมื่อไม่เห็นมีทีท่าว่าเขาจะอธิบาย  "แล้วจะไปไหน"

    "ไปที่เดียวกับเธอนั่นแหละ"  คนตอบตอบด้วยน้ำเสียงเดิม

    "ก็นั่นแหละ"  เธอถอนใจ  "แล้วจะไปทำไม  ไปดูอะไร  ถ้าไม่ใช่พระอาทิตย์"

    "ไปดูคน.."  คำตอบเฉยเมย  หากใบหน้าและดวงตาเข้มจัด  ที่เห็นได้เลือนรางในความสลัวของยามเช้านั้นบอกชัดว่าเจ้าตัวกำลังยิ้ม  จนเธอต้องกะพริบตา

    "ใคร  คนที่ไหน"  เธอถามงงๆ

    "คนดูพระอาทิตย์"  คำตอบจากเขายังคงเรียบเรื่อย  โดยไม่เปลี่ยนน้ำเสียง

    "ก็ใครล่ะ  คนดูพระอาทิตย์น่ะ"  คนถามชักรู้สึกขึ้นมานิดๆ ว่า  เห็นทีจะคุยกันรู้เรื่องยากเสียแล้ว  ถ้าจะต้องถามคำตอบคำกันอยู่อย่างนี้

    คราวนี้เขาไม่ตอบ  หากถามยิ้มๆ

    "แล้วเธอล่ะ  จะไปทำอะไร"  

    "ก็ไปดูพระอาทิตย์สิ.."  เธอตอบแล้วกะพริบตา  "ถามทำไม"

    "เปล่า  ก็ถามเหมือนที่เธอถามไง"  เขายังตอบเรื่อยๆ อย่างเดาไม่ออกว่าใจเย็นหรือจงใจยียวนกันแน่

    "เอาละ  ช่างเถอะ  แล้วตกลงเธอจะไปดูใคร"  อิงดาวถอนใจ  ก่อนจะกลับมาที่คำถามเดิมอย่างอดทน

    "ก็ไปดูคนดูพระอาทิตย์ไง"  เขาก็ตอบได้อย่างอดทนพอๆ กัน

    "ก็ใครล่ะ"  เธอชักอยากจะเข้าไปเขย่าร่างสูงๆ นั้นให้หัวสั่นหัวคลอน  ไม่เข้าใจเอาจริงๆ ว่าทำไมกับเรื่องแค่นี้  ถึงคุยกันไม่รู้เรื่องจนแล้วจนรอด

    "ก็ใครจะไปดูพระอาทิตย์ล่ะ"  เขาถามหน้าเฉย  ราวกับไม่รับรู้ในอาการกระฟัดกระเฟียดของเธอ

    "ก็ทุกคนแหละ  เขาก็ไปดูพระอาทิตย์กันทั้งนั้น"   เธออยากจะดึงทึ้งผมตัวเอง  หรือไม่ก็คนตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด  นายคนนี้นี่.. เห็นเงียบๆ บทจะแกล้งกวนประสาทก็ทำได้หน้าตาเฉยจริงๆ  หรือว่าจะประสาทจริงๆ ก็ไม่รู้

    "เอาเป็นว่าไปดูทุกคนที่ดูพระอาทิตย์  โอเคนะ  เอาละ  ไม่ต้องตอบแล้ว"   เธอสะบัดเสียงใส่  พลางตัดบทเสียเอง  ก่อนที่จะปล่อยให้ตัวเองหงุดหงิดอย่างไม่น่าหงุดหงิดที่สุดกับเรื่องไร้สาระของคน "ประสาทๆ" อย่างนี้

    เงียบกันไปอึดใจใหญ่  รอบตัวเริ่มสว่างพอจะมองเห็นทางเดินโดยไม่ต้องอาศัยไฟฉายอีกต่อไป  เธอจึงก้าวยาวๆ นำหน้าเขาไปอย่างกระแทกกระทั้น  จนเมื่อเขาและเธอเลี้ยวผ่านต้นกุหลาบป่าที่ขึ้นเป็นดงหนาแน่น  เข้าไปในบริเวณลานหินกว้างริมหน้าผาสูง  มีต้นสนสามใบต้นใหญ่  อันเป็นสัญลักษณ์ของจุดชมวิวแห่งนี้ปรากฏแก่สายตานั่นแหละ  คน "ประสาท" จึงถามขันๆ ด้วยน้ำเสียงราวกับกลั้วหัวเราะ

    "ไหนล่ะ  มีใครบ้าง"


    .

    จากคุณ : โยษิตา - [ 15 พ.ย. 49 05:28:51 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom