เรื่องสั้น
ฉากชีวิต
ถนนนักอ่าน
ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาเปิดคลับใหม่ ในห้องสมุดของพันทิปซึ่งเป็นที่รู้จักของผู้เข้ามาเล่นเนตกันอย่างแพร่หลายหรอก เพียงแต่อยากจะเล่าถึงตนเอง แทนคนเขียนหนังสือทั่ว ๆ ไปว่า
สิ่งที่นักเขียนทุกคนต้องการเป็นสิ่งแรก คือคนอ่าน เราไม่ได้เขียนให้แมลงสาปหรือปลวกอ่าน เราต้องการคนอ่านจริง ๆ
ในห้องต่าง ๆ ของ พันทิป.คอม.คาเฟ ก็จะมีแต่ผู้ตั้งกระทู้ และผู้แสดงความคิดเห็น อาจจะเป็นการเห็นด้วย หรือเป็นการโต้แย้ง หรือเป็นการเสนอข้อมูล ที่ผู้ตั้งกระทู้ยังไม่รู้ก็ได้
แต่ในถนนนักเขียน เมื่อได้ตั้งกระทู้ในหมวด นิยาย เรื่องสั้น บทกวี ความเรียง และบทประพันธ์อื่น ๆ แล้ว ก็จะมีการติชมส่งเสริมแนะนำ หรือพูดคุยล้อเล่น ต่อเนื่องกันไปตามอารมณ์ของผู้อ่าน
ซึ่งผู้อ่านในที่นี้ก็มีอีกประเภทหนึ่งที่แปลกกว่าห้องอื่น ๆ คืออ่านอย่างเดียว ไม่ออกความเห็น อ่านแล้วก็แล้วกันไป หรืออ่านแล้วก็ลงชื่อว่าอ่านแล้วนะ หรือทำเครื่องหมายสัญลักษณ์ให้ผู้เขียนรู้ว่ามาเยี่ยมเยียนแล้วจ้ะ ทำนองนี้ก็มี
ดังนั้นกระทู้แต่ละเรื่องจึงมีผู้เข้ามาอ่านมากน้อยไม่เท่ากัน แล้วแต่รสนิยมของผู้อ่านแต่ละท่าน และมีผู้เขียนหลายท่านเข้ามาแล้ว เห็นว่าไม่ค่อยมีผู้เข้ามาลงชื่ออ่าน ก็เลยหายหน้าค่าชื่อไปเลย ก็มีไม่น้อย นอกจากผู้ที่มีความอดทนสูงอย่างผม จึงจะยืนหยัดอยู่ได้
เมื่อสมัยที่ผมเริ่มเขียนหนังสือส่งไปให้หนังสือพิมพ์หรือวารสารต่าง ๆ ทั้งรายเดือน รายสัปดาห์ รายปักษ์ รายทศ รายลอตเตอรี่ และรายวัน นั้น ผมไม่มีโอกาสรู้เลยว่า บรรณาธิการหรือผู้บริหารสำนักพิมพ์นั้น ๆ อ่านเรื่องของผมหรือไม่ หรือว่าได้รับแล้วก็โยนลงตะกร้าไปเลย
ผมจะต้องคอยติดตามไปสังเกตการณ์ตามแผงหนังสือที่ใกล้บ้านหรือที่ทำงานอยู่ ทุกคาบที่หนังสือเหล่านั้นวางตลาด บางทีก็ต้องตระเวนไปหลายแห่ง เพื่อแอบพลิกหนังสือเล่มนั้น อีกแห่งพลิกเล่มนี้ อีกแห่งพลิกเล่มโน้น เพราะถ้ายืนพลิกที่เดียวหลาย ๆ เล่ม ก็คงโดนไล่ตะเพิดเป็นแน่ ไม่ซื้อหนังสือเขาเลยได้แต่พลิกอย่างเดียว
ถ้าเจอเล่มไหนลงเรื่องของเราก็ดีอกดีใจ รีบซื้อกลับไปบ้านอ่านเสียสามสี่เที่ยวให้สบายใจ แล้วก็ปั่นเรื่องใหม่ส่งไปให้อีก ด้วยความหวังว่าเขาจะลงให้อีก
แต่ถ้าพลิกแล้วพลิกเล่าไม่เจอเรื่องของเราเป็นเดือน ก็ไม่กล้าส่งไปให้ที่นั้นอีก ต้องเร่หาเจ้าใหม่ต่อไป
ดังนั้นเมื่อมาเจอเอาสนามใหญ่อย่างพันทิป ที่เราจะเขียนเรื่องอะไรส่งไปให้ เขาก็ลงให้ทุกครั้งไม่จำกัดประเภท ไม่จำกัดความสั้นยาว ไม่จำกัดแนว
ไม่ว่า จะรักเศร้าเคล้าน้ำตา บู๊โลดโผนโจนทะยาน เรื่องผีสางนางไม้ เรื่องนอกโลกและนอกจักรวาล หรือเพ้อฝันเหมือนคนเป็นโรคประสาท ก็ได้ทั้งสิ้น
ผมจึงมีความสุขมาก และคิดว่าอายุคงจะยืนยาวไปได้อีกนาน เพราะเวลานี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เว้นแต่การเขียนหนังสือ
เมื่อก่อนหน้าที่จะมาเจอถนนนักเขียนของห้องสมุดพันทิปนี้ ผมก็โหยหาผู้อ่านเป็นอย่างยิ่ง แม้จะมีโอกาสได้ลงพิมพ์ในวารสารรายต่าง ๆ อยู่อย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่มีทางทราบได้เลยว่าผู้อ่านเหล่านั้นมีความรู้สึกต่อเรื่องของเราอย่างไรบ้าง
ผมจึงเอาเรื่องเหล่านั้นมารวมเล่ม โดยใช้ถ่ายสำเนาด้วยกระดาษเอสี่หนาประมาณสามสิบถึงสี่สิบหน้า แล้วก็ส่งไปให้ผู้ที่เคารพนับถือรักใคร่สนิทสนมกัน ทั้งในทางส่วนตัวและที่ทำงาน ในวาระขึ้นปีใหม่บ้าง วันเกิดของผู้รับบ้าง หรือวันเกิดของผู้เขียนบ้าง ทุกปี
ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับพอสมควร โดยทางโทรศัพท์
หรือบัตร ส.ค.ส.หรือการพูดคุยเมื่อเจอกันบ้าง
แต่หลาย ๆ คน เมื่อถามถึงหนังสือของผมที่ส่งไปให้ ว่าอ่านแล้วหรือยัง ก็มักจะได้คำตอบว่า อ่านไปบ้างแล้ว หรือกำลังจะอ่าน
แต่ที่ทำให้หัวใจห่อเหี่ยวก็คือคำตอบที่ว่า ขอโทษทียังไม่มีเวลาว่างจะอ่านเลย
ผมก็สงสัยว่าท่านทำอะไรหนักหนาในวันหนึ่ง ๆ หรือท่านเอาหนังสือของผมไปวางไว้ที่ไหนจนหาไม่เจอก็ไม่รู้
แต่ถ้ามีผู้ตอบว่าอ่านแล้ว สนุกมาก หรือสามารถยกเอาบางเรื่องมาย้ำว่าชอบตรงไหน ผมก็อิ่มอกอิ่มใจมีความสุขไปหลายวันทีเดียว
ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นน้องของเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกันมากของผม เขาชื่นชมเรื่องของผมอย่างมากมาย จนมีความศรัทธาที่จะให้ผมดำเนินการทำหนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจศพบิดาของเขา ซึ่งก็เป็นที่เคารพนับถือของผมมาตั้งแต่ผมยังเด็ก
เขายินดีออกเงินค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น แบบไม่จำกัด แล้วแต่ผมจะเห็นสมควร ผมก็แย้งว่าผมไม่เคยเขียนเรื่องที่เป็นสาระหรือวิชาการ หรือเรื่องแทรกธรรมะที่น่าจะเอาไปพิมพ์เป็นหนังสืองานศพได้
เขาก็ยืนยันว่าเอาเรื่องที่ผมเขียนมาแล้วนั่นแหละ เลือกเอาที่มันขำขันหรือขบขันหรือหรรษา มารวมเข้าด้วยกันก็สิ้นเรื่อง ผมยิ่งค้านใหญ่ว่ามันจะไม่ผิดธรรมเนียมของหนังสืองานศพไปหรือ
เขาบอกไม่เป็นไรเขาเป็นเจ้าภาพ ใครมันจะว่าก็ให้ไปว่าเขาเอง ผมไม่เกี่ยว
ผมจึงมีกำลังใจที่จะทำหนังสือเล่มนี้ให้ดีที่สุด เพราะเจ้าภาพจะต้องลงทุนเป็นจำนวนหมื่น ๆ ผมก็ลงมือคัดเลือกเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจได้เก้าเรื่อง เอาบทธรรมะของท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชผาติการาม ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ของเจ้าภาพนำหน้าไว้ก่อน แถมกลอนแฝงธรรมมะอีกสองบท
รวมเป็นเล่มขนาด ๑๖ หน้ายก หนา ๗๒ หน้า โดยไม่มีประวัติของผู้วายชนม์และรายชื่อบุตรธิดาหลานเหลน รวมทั้งคำไว้อาลัยของญาติมิตรที่สนิทสนมกับครอบครัวนี้ แต่อย่างใด ซึ่งนับว่าเป็นการแหวกขนบธรรมเนียมประเพณี ของหนังสือที่ระลึกงานศพ อย่างกล้าหาญทีเดียว
หนังสือเล่มนี้ได้จัดทำเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐ ให้ชื่อไว้ที่หน้าปกว่า ใครลิขิต และในปัจจุบันที่ผมชอบเข้าไปอ่านหนังสืองานศพในหอสมุดแห่งชาติอยู่อย่างสม่ำเสมอ ก็ยังไม่เคยเจอหนังสืองานศพเล่มใดที่คล้ายคลึงกับหนังสือที่ผมทำให้เพื่อนรุ่นน้องคนนี้เลย
จึงถือโอกาสนำเอาสารบัญมาลงให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งท่านผู้อ่านในที่นี้ก็คงจะเคยได้อ่านมาบ้างแล้วคือ
ผู้หญิงในสามก๊ก....................เล่าเซี่ยงชุน
ชีวิตเศร้าของนางผีเสื้อ..............ฑ มณฑา
ผู้ชนะสิบทิศของพม่า.................พ.สมานคุรุกรรม
เหตุเกิดที่พระบรมรูปทรงม้า........วชิรพักตร์
เพื่อนเก่า................................เพทาย
กรรมเก่า................................เพทาย
คนใจบุญ................................เพทาย
กรรมของนก...........................เทพารักษ์
ฆาตกรรมซ่อนเงื่อน..................เทพารักษ์
หลังจากเสร็จงานศพรายนั้นแล้ว ภายหลังผมก็ได้ถามเจ้าภาพว่ามีเสียงสะท้อนกลับมาจากผู้รับบ้างหรือไม่ เขาบอกว่าไม่มีเลย ผมก็พยายามทำความเข้าใจว่า คงไม่มีใครกล่าวหาว่าทำหนังสือแปลก มากกว่าที่จะไม่มีใครอ่านหรอกนะ
หลังจากที่น้องคนนี้เกษียณอายุมาได้หลายปี เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้พบกันอีกในงานฌาปนกิจศพพี่ชายของเขาซึ่งเป็นเพื่อนของผมเอง ที่วัดเครือวัลย์ ได้คุยกันอยู่นาน
เขาต่อว่าที่ผมไม่ได้ส่งหนังสือประจำปีของผมให้เขาอ่านเลย ยังทำอยู่หรือเปล่า ผมก็บอกว่าทำมาตลอดทุกปี ตัวเขาได้รับถึงปีไหนแล้ว จะได้ส่งเล่มใหม่ไปให้ เขาก็บอกว่าได้รับเล่มสุดท้ายคือ ชีวิตที่พอเพียง พ.ศ.๒๕๔๕
ผมก็ขอโทษว่าทำที่อยู่ของเขาหายไป จึงลืมที่จะส่งมาให้ แล้วผมก็รวบรวมหนังสือดังกล่าว ส่งให้เขาจนถึงเล่มปีปัจจุบัน
เพื่อนรุ่นน้องคนนี้นับได้ว่าเป็นนักอ่านที่ดีที่สุดของผม เพราะเขาสามารถเล่าเรื่อง ต่าง ๆ ของผมที่ได้อ่านแล้ว ให้ผมฟังได้อย่างทุกต้องโดยไม่ตกหล่นในรายละเอียดเลย
ผมถามเขาว่าเอาเวลาที่ไหนมาอ่านหนังสือ เขาก็ตอบว่า
ผมชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กแล้ว เดี๋ยวนี้เลิกทำงานแล้วมีเวลาว่างมาก ก็ยิ่งอ่านใหญ่เลย แต่ผมชอบเรื่องของพี่มากนะครับ อ่านแล้วสบายใจดี อ่านตอนไหนน่ะเหรอ ขอโทษนะพี่.....
เขายกมือไหว้ผม
ผมอ่านตอนนั่งส้วมเช้า ๆ น่ะครับ มันปลอดโปร่งดี
#######
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
16 พ.ย. 49 05:42:09
]