ผมไม่ใช่คนรักหมา แต่บังเอิญได้มาสนใจเรื่องหมา
วันหยุดนี้ช่างเป็นวันแห่งความสุขเสียจริง เมื่อคืนได้สังสรรค์สนุกสุดเหวี่ยง ได้นอนเต็มอิ่ม ได้กลับมานอนซุกผ้าห่มที่อบอุ่นในยามเช้า ไม่ต้องรีบง้างเปลือกตาลุกขึ้นจากที่นอนก่อนพระอาทิตย์ตื่น เป็นความสุขที่สุดจนอยากเป็นเช่นนี้ทุกวันคืน ขอสารภาพตามตรง ผมหลงอากาศอันแสนเย็นสบายของยามเช้า
ขอให้ผ่อนบ้านหลังนี้หมดเสียก่อนเถอะ จะขออนุญาตสุดที่รักไปหาเช่าคอนโดใกล้ที่ทำงาน แต่จะอีกกี่สิบปีก็ไม่รู้
สามโมงเช้าพระอาทิตย์มาส่องแสงเต็มที่อยู่หน้าบ้าน ผมออกมายืนสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ยังเหลืออยู่ ตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะหยุดการรับรู้ข่าวสาร ปล่อยให้หัวสมองได้โล่งปรอดโปร่งสักวัน
โอยยย... ผมยืนบิดเอวอยู่หน้าบ้าน ซึมซับความสบายใจ
สีขาวของดอกแก้วบานแซมกับดอกโมก เพียงแค่นี้ทำให้บ้านของผมใกล้เคียงเมืองสวรรค์ ผมชอบกลิ่นจัดจ้านของดอกแก้ว แต่เพราะมันให้ดอกน้อยและช้าเหลือเกินจึงต้องปลูกต้นโมกช่วยเสริม ความคล้ายของต้นโมกทั้งดอกและกลิ่นช่วยให้พอกล้อมแกล้มไปได้
ติดกันยังมีกอดาหราอวดดอกสีแดงกลีบซ้อนชูช่อสูงสวยสง่าผมหลงเสน่ห์ความงามของดอกดาหราตั้งแต่ได้เคยเห็นครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน ชื่อแสนเพราะ ดอกแข็งแกร่ง และสง่าอยู่ในที
ไผ่สีสุกขยายหน่อเร็วจนเกือบเต็มกระถางปล่องคอนกรีต ลำปล้องเป็นสีเหลืองวาว ตำราโหรบอกว่าไผ่เป็นไม้มงคลสำหรับราศีเกิดของผม ผนวกกับความชอบตั้งแต่เด็ก ไผ่กอนี้จึงมาประดับหน้าบ้านตั้งแต่ผมย้ายเข้ามาอยู่วันแรก
ผมได้มองเห็นสวนหน้าบ้านทีไร จะต้องยิ้มและยิ้มแบบนี้ทุกครั้ง รากของพวกมันทุกต้นล้วนผ่านการสัมผัสมือผมมาแล้วทั้งสิ้น แม้แต่แผงหญ้าแปดตารางเมตรมีชีวิตอยู่ได้เพราะสองมือของผมเช่นกัน
ต้นไม้และงานสวนเป็นงานอดิเรกที่ทำให้ผมมีความสุข แต่การจัดวางลงตำแหน่งทั้งหมดจะมีนิ้วมือวิเศษของแม่บ้านช่วยชี้แนะแกมบังคับ แม่บ้านของผมชอบต้นไม้เหมือนกัน ดังนั้นเธอจะตามไปซื้อด้วยทุกครั้ง และนิ้วมือนั่นแหละจะใช้ชี้ ชี้ ชี้ ให้ผมหยิบ
มุมรั้วด้านหน้ามีก้อนหินขนาดอุ้มไม่ไหวสูงเกือบถึงเอว พื้นล่างแต่งเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ ผมเดินท่อน้ำและติดตั้งปั้มน้ำขนาดกำปั้นด้วยตัวเอง มันกลายเป็นน้ำตกที่แสนจะภูมิใจ
ทั้งหมดถูกผมลอกเลียนแบบมาทั้งสิ้น ทั้งจากหนังสือและร้านจัดสวนริมทาง โถ.... บ้านหลังกะติ๊ดแค่นี้ จะเสียเงินจ้างทำไม
กระถางดินเผามีปลาหางนกยูงว่ายเล่นอยู่ห้าหกตัว หากเกินนี้พวกมันคงอึดอัด แต่เพราะพวกมันออกลูกเร็วเหลือเกิน ผมจึงต้องหากระถางใหญ่อีกใบมาวางเบียดใส่เข้าไป
เวลาสายในยามเช้าแบบนี้ หากจะได้กลิ่นเย้ายวนของดอกแก้วต้องเข้าไปใกล้
ตึ๊กกกก....... เพียงแค่เสียงเบาๆกระแทกเข้าที่ไม้รั้ว แต่ทำให้ผมต้องสะดุ้ง ในเวลาที่กำลังเพลิดเพลินสมาธิโปร่งเช่นนี้ แม้แต่เสียงเข็มตกพื้นยังดังราวกับฟ้าผ่า
"โธ่..... ไอ้หร๋อมแหร๋ม" ผมครางออกมาให้ได้ยินเพียงคนเดียว
มันกำลังยืนโงนเงนประคองตัวด้วยสี่ขาอยู่ตรงนั้น เมื่อสักครู่มันคงเซล้มชนไม้รั้ว
'เอ้า... เอ้า... เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวล้มอีก' ผมพูดในใจ
ลำตัวของไอ้หร๋อมแหร๋มค่อยๆเอนมาทางรั้วอีกแล้ว มันรีบสะดุ้งดึงตัวกลับไปยืนตั้งสี่ขาเหมือนเดิม
'เฮ่อออ' ผมโล่งใจแทนมัน เปลี่ยนความตั้งใจเดิม มาตั้งใจยืนดูไอ้หร๋อมแหร๋มเงียบๆ
ผมเคยเฝ้าสังเกตอาการอย่างนี้ของมันหลายครั้งแล้ว มันเป็นหมาที่แปลก คือยืนหลับ ผมว่ามันน่าจะเป็นอย่างนี้เมื่อไม่นาน เพราะเพิ่งเห็นอาการแปลกประหลาดของมันเกิดขึ้นเมื่อสองสามอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง แต่จะตั้งแต่เมื่อไรนั้นคงตอบไม่ได้ มันเป็นเพียงแค่หมาพลัดถิ่น
'ไปอีกแล้ว ไปแล้ว..ไปแล้ว ไอ้หร๋อมแหร๋ม... เฮ้ยย...' ผมช่วยลุ้นในใจสุดเหวี่ยงจนรู้สึกตัวเอียงตามไปด้วย คราวนี้ลำตัวของมันเอนมาทางซ้าย เอียงลงมาอีก จนใกล้จะพ้นจุดศูนย์ถ่วง มันรีบกระตุกทั้งขาทั้งตัวขึ้นไปตั้งตรงได้อีกครั้ง
อาการแบบนี้ทำให้หัวสมองของผมต้องตั้งคำถามขึ้นในใจ ไอ้แหร๋อมแหร๋มมีตั้งสี่ขา แล้วทำไมตัวมันถึงโอนเอนไปมาอย่างนั้น มันน่าจะยืนตรงได้สิ เพราะไม่ได้มีสองขาเหมือนผมสักหน่อย ลองเปรียบเทียบระหว่างรถยนต์กับรถมอเตอร์ไซด์ รถยนต์จอดนิ่งได้ แต่มอเตอร์ไซด์ต้องมีขาตั้งเป็นขาที่สาม ดังนั้นสี่ขาของมันน่าจะสมดุลดีแล้วนี่นา
วิชาฟิสิกส์ของผมอยู่ไหน... ต้องเรียกความรู้ทดคืนมา
ผมก้มตัวเดินย่องเข้าไปใกล้อีกสองก้าว ตั้งใจจะดูให้ถนัดตา หัวของไอ้หร๋อมแหร๋มห้อยทำ คอตก ปากใกล้จะแตะพื้นถนน ท่าทางเหมือนหมาอมทุกข์ สองตาของมันปิดสนิทแสดงว่าหลับจริง เป็นการยืนยันการการคาดเดาที่ผ่านมาของผมนั้นถูกต้อง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาพิสูจน์ด้วยตาตนเองอย่างใกล้ชิด
ผมมารู้จักและตั้งชื่อให้กับหมาตัวนี้เพราะเห็นท่าหลับพิสดารของมันนี่หละ เหตุที่เรียกว่าไอ้หร๋อมแหร๋มเพราะมันมีขนขึ้นทั้งตัวเป็นอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งคงมาจากโรคเรื้อน และน่าจะมีคนใจบุญช่วยรักษาให้จนหาย ตลอดตัวแม้แต่ที่หัวที่หางยังมีเห็นรอยด่าง
มันมาจากไหนและมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ผมไม่กล้าถามใคร เพราะแค่คุยเล่นกับเมียยังโดนตวาดใส่ ไล่เอ็ดให้ไปถามยามหมู่บ้าน ยังดีที่ไม่ไล่ให้ผมไปถามไอ้หร๋อมแหร๋มด้วยตัวเอง
ผมเดาว่าแรกๆมันคงบังเอิญได้มากินข้าว ที่บ้านข้างเคียงชอบนำใส่จานทิ้งไว้ให้สุนัขจรจัดรับทานและคงติดใจเหมือนตัวอื่นๆ มันจึงย้ายมากินนอนประจำยู่แถวนี้ซะเลย ยึดเอาบริเวณนี้เป็นเรือนนอนถาวร ไม่ต้องออกเร่ร่อนพเนจรอีกต่อไป
ครั้งแรกที่เห็นอาการประหลาดของมัน ผมยังต้องเตือนแม่บ้านให้ระวังตัว ไอ้หร๋อมแหร๋มยืนสงบนิ่งตัวโยกเยกไปมาแต่ไม่เคลื่อนที่ คอตกเหมือนกับว่าหมดแรง นานๆทีจะก้าวขา แต่ดูแล้วช่างยากลำบากเหลือเกิน เซเป๋ไปมา ตอนนั้นผมทายไว้เลยว่าไม่เกินสองวัน มันคงไปไม่รอดแน่ แต่หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ผมยังเห็นมันวิ่งยังเดินเป็นปกติ ทำให้ต้องเริ่มสังเกตอาการของมันโดยละเอียดอีกครั้ง จึงรู้ว่ามันจะมีท่าทางอย่างนั้นเป็นบางช่วงเวลาเท่านั้น และเริ่มคาดเดาเอาว่ามันน่าจะง่วงนอนจนยืนหลับใน
'เอาอีกแล้ว... เอกอีกแล้ว' ใจของผมตื่นเต้นต้องช่วยลุ้นอีก คราวนี้เหมือนว่าสองขาหลังมันจะอ่อนแรงลงไป ก้นมันหย่อยลงแล้ว ลงไปแล้ว
'ลงให้ถึงพื้นเลยสิวะไอ้หร๋อมแหร๋ม เออ... อย่างงั้น อย่างงั้น ลงไปนั่งเลย เออ..เออ'
พรวด... แน่ะ ก้นของมันทะลึ่งกระดกขึ้นมาทันที ลำตัวตั้งตรงเหมือนเดิมอีกแล้ว
ผมลองชะโงกหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด ตาของมันยังปิดสนิท 'ไอ้บ้านี่หลับแล้วยังไม่ยอมล้ม ทำไมถึงหยิ่งนักวะ'
แต่ผมได้คำตอบสี่ขาตั้งของมันแล้ว
ที่มันจะล้มคงเป็นเพราะความแข็งแรงของขาไม่เท่ากันนั่นเอง เหมือนโต๊ะที่มีขาผุอยู่และพร้อมจะหักพัง วิชาฟิสิกส์ของผมคืนมาได้ทันเวลา
'แต่ยังมีอีกปัญหา เอ็งเป็นบ้าอะไรไปถึงต้องมายืนหลับ ไม่ยอมล้มตัวนอนเหมือนหมาตัวอื่น'
คำถามนี้ทำให้ผมต้องคิดหนัก และไม่รู้ตัวว่าผมสนิทกับมันตั้งแต่เมื่อไร
'โจทก์ของเอ็งเยอะดีเหมือนกันนะ'
'หมู่บ้านของเราเงียบสงบดีเหลือเกิน เมื่อไรเพื่อนบ้านจะย้ายเข้ามาอยู่ให้เต็มสักที โน่นก็ร้าง นั่นก็ว่าง' ผมยืดตัวตรง หันซ้ายแลขวา ไม่มีใครมายืนมอง คราวนี้ยอมคลานเข้าไปใกล้มันอีก จนหน้าผมอยู่ติดรั้ว
หัวสมองได้แต่คิด คิด คิด หรือว่า.....
'มันออกกำลังกายฝึกกำลังขา'
บ้าแน่ๆ..... มีแต่หมาผู้ดีมีเจ้าของเท่านั้นจึงจะต้องออกกำลังกาย เพราะหมาโชคดีเหล่านั้นจะมีเจ้าของที่รักมันมากเหลือเกิน ราวกับว่าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดออกมา จะพามันไปเที่ยวและให้อาหารที่อร่อย ดูแลยิ่งกว่าพ่อแม่พวกเขาเสียอีก
'มันเป็นโรคที่ทำให้นอนไม่ได้'
ไม่ใช่แน่..... เพราผมเห็นเวลามันไม่ง่วง มันจะวิ่งเป็นปกติ ไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นว่าไม่สบาย แถมยังกินจุด้วย
'มันบำเพ็ญตะบะ'
เพ้อเจ้อน่า....ผมอ่านนิยายมากไปหรือเปล่า เดี๋ยวไอ้หร๋อมแหร๋มแปลงร่างได้หรอก
"พ่อ .. เข้ามากินข้าวได้แล้ว" เสียงดังทวนลมออกมา และยังต้องฝ่าผนังบ้านอีกด้วย
"รอเดี๋ยว ขอดูไอ้หร๋อมแหร๋มอีกหน่อย" ผมต้องใช้เสียงดังพอกันสวนกลับไป ยังไม่หันหน้าไปจากไอ้หร๋อมแหร๋ม
ถึงแม้เสียงผมจะดัง แต่มันยังไม่ยอมลืมตา หรือว่าเมื่อคืนมันทำหน้าที่เฝ้ายามหนักไป
"เฮ้ยยยย...เฮ้ย.. เดี๋ยวล้ม เฮ้ยย.." คราวนี้ผมรู้ตัวว่าส่งเสียงดังเกร็งตัวตามไปด้วย เมื่อไอ้หร๋อมแหร๋มทำท่าจะล้มอีกครั้ง
"พ่อจะไปยุ่งอะไรกับเรื่องของหมานะ"
เสียงดังขึ้นตวาดออกมาเตือน แต่เสมือนเป็นเสียงสวรรค์ดุจกับมีพระเจ้ามาโปรด ให้ผมเห็นแจ้งในความเป็นจริง ผมได้ข้อสรุปแล้วละ
ผมจะไปยุ่งด้วยทำไม หมดแรงสมองคิดไปเสียนาน ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่คิดอะไร
"มันเป็นเรื่องของหมา"
..หลับต่อไปเถอะ ไอ้หร๋อมแหร๋ม
เสียงท้องของผมคำรามดัง โครกคราก .....แล้ว
จากคุณ :
กุลา
- [
16 พ.ย. 49 21:30:58
]