ไปทะเลอย่างนั้นเหรอ
คะนึงนิจถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าหูไม่ได้ฝาดไป นั่งเอนกายสบายๆ แต่คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย
ใช่ ไปทะเล ไปเสม็ดด้วยนะ เห็นว่าไม่ได้ไปไหนด้วยกันนานแล้ว เลยตั้งทริปนี้ขึ้นมา ไปวันศุกร์กลับวันอาทิตย์ โทรมาบอกให้ลางานล่วงหน้า นี่คนอื่นเขาตกลงหมดแล้วเหลือแคทคนเดียว ไงสนใจหรือเปล่ายายแคท ปลายสายอธิบายละเอียดยิบ กะว่าพูดทีเดียวแล้วไม่ต้องถามกันอีกเลย
อืม... คะนึงนิจทำท่าคิดหนัก ไม่ใช่ไม่อยากไป แต่ไม่แน่ใจว่างานในความรับผิดชอบมีมากหรือเปล่า ตามปกติถ้ามีงานมาก วันเสาร์อาทิตย์ต้องเข้ามาทำงาน นี่ไปเที่ยวสามวัน ถ้ามีงานด่วนเข้ามากลัวว่าจะเกิดปัญหา
ไม่ต้องทำมาคิดหนักเลยยายแคท งานนี้บังคับว่าต้องมา ขาดไปคนเดียวได้ยังไงกัน เพื่อนสั่งเสียงเด็ดขาด ออกอาการอยากเจอเพื่อนจัด นานแล้วไม่ได้ไปพักผ่อนมีโอกาสจึงอยากให้ไปกันให้ครบ
ไม่ไปเสม็ดได้ไหม ไปทะเลที่อื่นก็ได้ ต่อรองออกไป ทั้งๆ ที่รู้ว่ายากแสนยากในการเปลี่ยนใจคนอย่างญาดาได้ ลองโทรศัพท์มาด้วยตัวเองคงจัดการอะไรไปเรียบร้อยหมดแล้ว เล่นยกเพื่อนในกลุ่มมาไซโคกันขนาดนี้ ปิดหนทางปฏิเสธหมดสิ้น
เสม็ดน่ะดีแล้ว ฉันจองที่พักไว้ จ่ายค่ามัดจำไปแล้วด้วย ไม่มีคำว่าเปลี่ยนใจเป็นอันขาด
นั่นไง...ว่าแล้วไหมล่ะ
คะนึงลอบถอนหายใจเบาๆ แต่ปลายสายยังได้ยินชัดแจ๋วจึงถามออกมาตรงๆ
ไม่ชอบเหรอ ทะเลเสม็ดออกจะสวย คราวก่อนยังประทับใจไม่หาย
ก็สวย...แต่ คะนึงนิจอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าบอกเหตุผลในใจ
แต่อะไร ปลายสายส่งเสียงคาดคั้นกลับมา เมื่อคนเป็นเพื่อนสนิทเงียบไป
กลัวไปแล้วคิดถึงใครบางคน อ้อมแอ้มตอบเสียงเบา แต่อีกฝ่ายหัวเราะออกมาดังลั่น
อ๋อ ที่แท้ก็กลัวคิดถึงนายชนนี่เอง เอาน่าถือว่าไปฟื้นความทรงจำ แต่จะว่าไปตั้งแต่ไปเที่ยวอำลาครั้งนั้นจนตอนนี้ก็สองปีกว่าแล้วเนอะ คิดถึงนายเฉาก๊วยนั่นเหมือนกัน ไม่รู้ว่าไปชุบตัวเมืองนอกเมืองนาจะขาวขึ้นบ้างหรือเปล่า ญาดาเอ่ยถึงเพื่อนอีกคนในกลุ่มซึ่งมีฉายาว่า เฉาก๊วย เนื่องมาจากสีผิวที่คล้ำกว่าคนอื่น
นั่นสิสองปีแล้ว ไม่คิดจะกลับมาเยี่ยมเพื่อนฝูงกันเลยเนอะ คะนึงนิจทำหน้าเศร้าเมื่อนึกถึงผู้ชายคนสำคัญ...คนที่เธอมอบความรู้สึกมากเกินกว่าเพื่อนให้เงียบๆ
สองปีมาแล้วที่เขาเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ หลังจากเรียนจบระดับปริญญาตรีในเมืองไทยเรียบร้อย โดยไม่กลับมาเยี่ยมเมืองไทยเลยสักครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่า
กลับมาแล้วเดี๋ยวทำใจกลับไปเรียนต่อไม่ได้
ไม่ได้คิดเลยว่าจะมีใครเฝ้ารอ...เฝ้าคิดถึงเลยหรืออย่างไร
คนใจร้าย!
สรรพนามที่เธอมักเรียกเขาเสมอ เวลาเขียนอีเมล์หากันหรือการสนทนาด้วยโปรแกรมสนทนาออนไลน์ อย่างเอ็มเอสเอ็น (MSN Messenger) การสื่อสารวิธีหลังค่อนข้างเจอตัวยากหน่อย ด้วยเวลาที่ต่างกันราวกับอยู่คนละโลก เวลานอนของเธอเป็นเวลาตื่นของเขา ส่วนเวลานอนของเขาเป็นเวลาตื่นของเธอ
ฝ่ายโน้นไม่ได้ถือสาอะไร ส่งกลับมาเพียงตัวการ์ตูนยิ้มกว้าง กับเสียงหัวเราะจากตัวอักษร
...สองปีกว่าแล้วสิที่ไม่ได้พบชนัตร...
จะว่าเวลาผ่านไปช้าก็ไม่ใช่ จะว่าเร็วก็ไม่เชิง แต่การรอคอยมันทำให้ทุกเวลาทุกนาทีดูยาวนานสำหรับความคิดถึง...โหยหา...และเฝ้ารอ
ก่อนเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อนๆ ในกลุ่มสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เลี้ยงส่งด้วยการยกโขยงไปเสม็ด สถานที่ที่ชนัตรอยากไปกับเพื่อนมากที่สุด วันเวลาสองคืนสามวันบนเกาะเล็กๆ แห่งนั้น ได้เกิดเหตุการณ์ดีๆ ระหว่างเขาและเธอขึ้นมากมาย นึกถึงเมื่อไรก็มีแต่รอยยิ้ม...เสียงหัวเราะ...และความทรงจำอันยากจะลืมเลือน
นั่นคือเหตุผลที่คะนึงนิจไม่อยากจะกลับเหยียบ ณ เกาะแห่งนั้นโดยไม่มีเขาอยู่ข้างกัน รู้ว่าไปแล้วอดีตอันแสนมีความสุขต้องหวนกลับมา อาจจะทำให้รู้สึกโหยหาวันเวลาเหล่านั้น จนเกิดเป็นความเจ็บปวดภายในใจ โดยไม่มีใครสามารถรักษาและเยียวยามันได้
นอกจากผู้ชายที่อยู่ในความคิดคำนึงทั้งยามหลับ และยามตื่น
...ผู้ชายที่ชื่อชนัตร...
แคท ฟังอยู่หรือเปล่า เสียงเรียกของเพื่อนดึงคะนึงนิจหลุดจากภวังค์แห่งความคิด
เอ่อ...ฟังอยู่ ญาว่าอะไรนะ
ใจลอยอีกแล้ว เธอนี่นะพูดถึงชนหน่อยไม่ได้ ใจลอยไปอเมริกาแล้วมั้งเนี่ย ญาดากระเซ้า
ไม่ได้ใจลอยสักหน่อย เถียงกลบเกลื่อนความอาย แต่ถ้าญาดาอยู่ตรงหน้าคงได้เห็นแก้มปลั่งขึ้นสีระเรื่อแน่นอน
เชื่อตายล่ะ แต่เอาเถอะ ตกลงไปนะ เอ่ยสรุปจุดประสงค์ของการโทรศัพท์หา ทำเป็นไม่สนใจอาการใจลอยของเพื่อน
รู้อยู่แล้วว่าคนทั้งสองมีความรู้สึกพิเศษระหว่างกัน จะว่าไปมันอาจจะก่อกำเนิดขึ้นตั้งแต่สมัยเรียนแล้วก็ได้ มาเห็นได้ชัดเจนในช่วงการเตรียมตัวไปเรียนต่อของชนัตร ช่วงนั้นเขามีเวลาว่างมากกว่าคนอื่นซึ่งต้องทำงานจึงมาหาเพื่อนๆ บ่อย รวมไปถึงการไปรับไปส่งคนบ้านใกล้อย่างคะนึงนิจ อำนวยความสะดวกเสียจนหลายคนอิจฉา
ต่างคนต่างฟันธงเลยว่าเขาต้องคิดอะไรกับหญิงสาวแน่นอน ยิ่งเห็นชัดมากขึ้นช่วงไปเที่ยวเสม็ด เรียกได้ว่าเห็นคะนึงนิจที่ไหนต้องเห็นชนัตรที่นั่น
แต่ทุกคนต้องแปลกใจเมื่อความสัมพันธ์ของคนทั้งสองไม่คืบหน้าไปไหน ไม่รู้ว่าชนัตรไม่กล้าพูดเพราะกลัวทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนลงหรือว่าอยากให้เวลาคะนึงนิจได้ทบทวนความรู้สึก เนื่องจากเธอยังดูสับสนในตัวเองพอสมควร
เวลาผ่านไปสองปี ไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้จะเข้าใจอะไรในหัวใจได้หรือยัง
ไปสิ ถ้าไม่ไปญาก็ต้องหาทางลากฉันไปให้ได้อยู่แล้ว ยอมไปง่ายๆ ดีกว่าจะได้ไม่ต้องออกแรง
แน่นอน แล้วจะบอกเวลานัดและรายละเอียดอีกทีแล้วกันนะ ไปเขียนใบลางานเลย ญาดาพูดรัวไม่เว้นจังหวะให้หายใจ
จ้า รับคำอย่างขันๆ ในความใจร้อนของเพื่อน
กดวางโทรศัพท์พร้อมความสับสนระคนยินดี
...สับสนเรื่องราวภายในใจ...
...ยินดีที่กำลังจะเดินทางไปยังสถานที่แห่งความทรงจำ...
...บางทีการเดินทางครั้งนี้คงทำให้เธอลดความคิดถึงลงได้บ้าง...
เขม...แคทเคลียร์งานไว้เรียบร้อยแล้วนะ ฝากดูให้ด้วยแล้วกัน ถ้ามีอะไรโทรมาก็ได้ คะนึงนิจพูดฝากฝังงานกับเขมทัตระหว่างเดินออกจากห้องประชุม
ผมคงไม่ใจร้ายถึงขนาดรบกวนวันพักผ่อนของแคทหรอกนะ อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่มีงานเร่งอะไรมาก หยุดแค่วันเดียวเท่านั้นเองนะแคท ทำอย่างกับลาไปสองเดือนสามเดือน เขมทัตหัวเราะเบาๆ ในความกังวลของเพื่อนร่วมงาน
ก็คนมันห่วงนี่ ทำหน้าเจื่อนๆ อดคิดไม่ได้ว่าทำตัวเป็นคนบ้างานเกิดกว่าเหตุ
ไม่ต้องห่วง เที่ยวให้สนุก อย่าลืมของฝากแล้วกัน ชายหนุ่มผิวขาวใช้แฟ้มในมือแตะบ่าหญิงสาว พร้อมกับส่งยิ้มสุภาพมาให้
ดูช่วงนี้เขมอารมณ์ดีนะ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเจองานโหดๆ ทั้งนั้นเลย มีอะไรดีหรือเปล่า หญิงสาวถามอย่างสนใจ เมื่ออาทิตย์ก่อนเขมทัตยังทำตัวเครียดกับเรื่องงาน วันนี้แม้งานจะลดลงแต่มันไม่ได้น้อยจากเดิมเท่าไรนักแต่ใบหน้าของชายหนุ่มประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ ดูอารมณ์ดีตลอดเวลา แถมมาพร้อมกับความสุขจนคนมองเริ่มอิจฉาตาร้อนผ่าว
มีกำลังใจดี เขมทัตยิ้มกริ่มตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความ ดวงตาเป็นประกายระยับ ทอดเสียงอ่อนโยน จนคนฟังชักอยากได้รับกำลังใจอย่างนี้บ้าง
สงสัยจะเกี่ยวกับโทรศัพท์ที่ดังสามเวลาหลังอาหารกับคุ้กกี้ช็อกโกแล็ตในขวดโหลบนโต๊ะ ใช่หรือเปล่าเขม ได้โอกาสจึงล้อเลียนสนุกสนาน
ระยะหลังโทรศัพท์ของเขมทัตมักจะดังอยู่เสมอ โดยเฉพาะช่วงพักกินข้าวกลางวัน พูดไปยิ้มไปจนแก้มแทบปริ แถมเสียงห้าวๆ ยังอ่อนลงจนเพื่อนร่วมงานหลายคนอดแซวไม่ได้ เจ้าตัวไม่โกรธไม่เคืองแถมยิ้มร่าจนน่าหมั่นไส้อีกต่างหาก
แน่นอน ชายหนุ่มตอบอย่างเปิดเผยสุดๆ
ทั้งสองเดินมาหยุดหน้าโต๊ะทำงานของคะนึงนิจ เขมทัตวางแฟ้มงาน ปรายตามองข้าวของบนโต๊ะเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาสนทนาต่อ
อย่าว่าแต่ผมเลยแคท ของแคทก็มีกำลังใจไม่ใช่เหรอ พยักเพยิดไปทางกรอบรูปขนาดเล็กหน้าคอมพิวเตอร์บรรจุรูปของผู้ชายผิวคล้ำตาสวยเอาไว้
เอ่อ...คือ หญิงสาวมองตามสายตา แล้วก็ต้องหน้าแดงเมื่อรู้ว่าเขมทัตหมายถึงอะไร จะแก้ตัวก็ไม่มีประโยชน์
ผมไม่แซวแคทแล้ว กลับไปทำงานต่อดีกว่า ดูสิหนุ่มในรูปจ้องผมตาเขียวแล้ว โทษฐานคุยกับคนพิเศษของเขาเกินห้านาที
ในช่วงแรกที่เข้ามาทำงาน เป็นช่วงเดียวกับการเริ่มต้นของคะนึงนิจเช่นกัน ด้วยอายุไม่ห่างกัน ทำงานในแผนกเดียวกันทำให้ต้องมีเรื่องคุยกันเยอะ เขมทัตยังจำได้ว่าทุกวันจะมีผู้ชายตัวใหญ่...ผิวเข้ม...ตาสวยมายืนรอรับหญิงสาวเป็นประจำ
วันไหนเขากับเธอคุยเรื่องงานติดพันจนต้องเดินออกมาบริเวณรับรองแขกด้วยกัน วันนั้นจะเจอสายตาพิฆาตจ้องเขม็งไม่วางตา บรรยากาศรอบตัวเครียดลงถนัดตา แต่สาวเจ้าไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด จนเขาต้องขอตัวด้วยการอ้างว่ามีธุระ ก่อนจะโดนเผาเป็นจุณด้วยไฟในดวงตาสีเข้มคู่นั้น
หลังจากนั้นไม่นานผู้ชายคนนั้นก็หายไป พร้อมกับการปรากฏตัวของกรอบรูปขนาดเท่าฝ่ามือที่ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องนั่งจ้องอยู่เป็นประจำ ใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มาทราบทีหลังว่าคนในรูปเดินทางไปต่างประเทศอีกนานกว่าจะกลับ
ถึงปากจะปฏิเสธความสัมพันธ์ว่าไม่ใช่คนรัก แต่การกระทำบ่งบอกชัดเจนถึงความสำคัญระหว่างคนสองคน
ไปทำงานต่อเลยเขม ทำอะไรไม่ได้จึงกลบเกลื่อนด้วยการออกปากไล่ก่อนจะเขินไปมากกว่านี้
ครับผม เขมทัตหมุนตัวเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองทันที ปล่อยให้คะนึงนิจเหม่อมองรูปของชนัตรด้วยความคิดถึง
กรอบรูปและรูปถ่ายด้านในเป็นฝีมือการเลือกของชนัตร เขามอบมันให้เป็นของขวัญวันเกิดก่อนจากกัน
ให้แคทไว้ดูเวลาคิดถึงกัน
แล้วของขวัญได้แสดงประสิทธิภาพของมันอย่างดี เมื่อเธอจ้องมันทุกครั้งเวลาคิดถึงชนัตร มองดวงตาเข้มประดับด้วยขนตายาวกับแววตาทอประกายวิบวับอยู่เป็นนิจ ลดความดุดันของใบหน้าเข้มผิวสีแทนลงได้จน
...ป่านนี้เขากำลังทำอะไรอยู่...
...สบายดีหรือเปล่า เรียนหนักขนาดไหน...
...คิดถึงกันบ้างหรือเปล่า...
คิดถึงเธอ...เหมือนที่เธอกำลังคิดถึงเขาบ้างไหม...
(มีต่อ)
จากคุณ :
ปุณณัตถ์
- [
20 พ.ย. 49 18:47:31
]