กลับกันเถอะ
เสียงเธอดังข้างหูผมเหมือนทุกวันตอนเย็น ผู้หญิงที่ผมเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า เพื่อนสนิท กำลังจ้องมองผมอยู่เมื่อผมเหลือบตามองตอบกลับไป
เร็วสิ เราหิวข้าวแล้วนะ เธอเร่งผม และยื่นมือมาช่วยจับหนังสือเล่มหนาในมือของผมยัดใส่กระเป๋าให้ ผมได้แต่ทำตามที่เธอบอกอย่างว่าง่าย ไม่พูดอะไร
ผมชื่อหมอกคราม เธอชื่อฟ้าใส เราทั้งคู่เรียนอยู่ม.ปลายปีสุดท้ายแล้วในตอนนี้ เธอกับผมสนิทกันตั้งแต่จำความได้ ก็ครอบครัวเราซี้กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ บ้านก็อยู่ติดกัน เรียนก็ที่เดียวกันตั้งแต่อนุบาล
เราเป็นเพื่อนที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่างในด้านนิสัยใจคอ เธอ ผู้หญิงห้าวจอมแสบ ตัวป่วนประจำห้องเรียน อัธยาศัยดี (ถ้ามีคนดีด้วย) คุยเก่ง เรียนไม่เอาไหน ไม่รู้ทำได้ไงถึงผ่านม.ปลายมา ผม ผู้ชายที่มีฉายาว่า นายใบ้ เงียบได้เงียบดี เพราะผมไม่มีอะไรจะพูด จำได้ว่า ผมไม่ชอบพูดเลย ไม่ว่าจะมีคนพยายามทำให้ผมพูดแค่ไหนก็ตาม ผมก็ยังคงเงียบและไม่แสดงอาการอะไรทั้งนั้น เรื่องเรียน ผมได้คะแนนสูงสุดทุกครั้ง ไม่ว่าจะเรียนชั้นไหน ผมกับเธอก็เลยเป็นเพื่อนสนิทกันบนความแตกต่างที่ทำยังไง มันก็ไม่กลืนกันสักที
ทุกเย็น ผมจะนั่งอ่านนิยายเล่มโตด้านหนังสุดของห้องเรียน เมื่อได้เวลา เธอก็จะขึ้นมาตามผมกลับทุกครั้ง ที่ใช้คำว่าขึ้น เพราะเธอไม่ได้เรียนพิเศษเหมือนผม ฉะนั้นเธอจึงเล่นกีฬาฆ่าเวลารอเพื่อที่เราจะได้กลับบ้านพร้อมกัน มันก็ฟังดูดีนะครับ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด
นี่นาย มัวยืนเซ่ออะไรอยู่ เดินมาเร็วๆสิ
ก็อย่างที่เห็น เธอรอผมกลับด้วยกัน เพื่อที่จะใช้ผมถือกระเป๋าให้ต่างหาก ฟ้าใสนะฟ้าใส เธอนี่มันจริงๆเลย ผมก็ได้แต่บ่นแหละ จะทำไรเธอได้ กระเป๋าก็หนักจะตาย เธอขนอะไรกลับบ้านกันนะ หนักทุกวันเลย ยังดีที่บ้านเราอยู่ใกล้โรงเรียน
และไม่นานเราก็เดินมาถึงบ้าน
ฟ้าใส หมอกคราม กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ
ค่ะคุณแม่ น้องฟ้าเหนื่อยจัง หิวด้วย เธอตอบเสียงใสเชียว เดินอย่างเรียบร้อยมาทางผม ขอบคุณมากนะคะพี่หมอกคราม ที่ช่วยถือกระเป๋าให้
ดูเถอะ นี่ล่ะคือฟ้าใส ต่อหน้าคุณพ่อคุณแม่ ทั้งของเธอและของผม ทำตัวได้น่ารักน่าหยิก ไม่รู้ว่ารอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้เธอไปเรียนมาจากใครกัน คุณน้าที่ยืนรดน้ำต้นไม้ก็ยิ้มไม่เห็นเหมือนเลย
หมอกครามเสมอต้นเสมอปลายจริงนะ วันนี้ทานข้าวด้วยกันเถอะ เพราะมินกับลดาเค้ากลับดึก
ไม่ต้องสงสัย ภูมินทร์กับลดา พ่อแม่ผมเอง บอกแล้วว่าสนิทกัน ผมก็เลยพยักหน้านอบน้อม แล้วกลับเอากระเป๋าไปเก็บที่บ้าน โอย ผมจะเตี้ยลงไหมเนี่ย แบกกระเป๋าให้ฟ้าใสทุกวันแบบนี้ พอผมโผล่มาก็พบภาพที่ผมจะจำไปหัวเราะอีกนาน
หญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวตรง ทั้งชุด นาฬิกาข้อมือ รองเท้า ถุงเท้า คาดผม สร้อยคอ ตุ้มหู เข็มขัด และทุกอย่างบนตัวเธอตอนนี้เป็นสีชมพูหวานแหววไปหมด กำลังหน้างอในขณะที่มารดายืนมองอย่างภูมิใจ
ต้องแบบนี้สิ ลูกแม่สวยจัง คุณน้าพูดพลางหันมามองผม จริงไหมจ๊ะหมอกคราม
ผมพยักหน้า อยากจะหัวเราะใจจะขาดแต่ทำไม่ได้ ดูแววตาฟ้าใสสิ เธอเล่นมองผมอย่างอาฆาตขนาดนี้ ใครที่ไหนจะกล้าหัวเราะ
คุณแม่ขา น้องฟ้าไม่...
ไม่ชอบเหรอคะลูก คุณป้าทำเสียงผิดหวัง สีหน้าสลดลงทันตาเลย ผมซึ่งเป็นคนนอกก็ได้แต่ยืนมองงงๆ
เปล่าค่ะคุณแม่ น้องฟ้าไม่มั่นใจค่ะ
เธอตอบทันควัน ผมแอบยิ้ม เพราะรู้ดีว่าเธอรักครอบครัวจะตายไป เธอไม่มีทางทำร้ายจิตใจใครหรอก แม้เธอจะกัดฟันพูดก็ตาม
แล้ววันนั้นก็ผ่านไปอีกวัน...โดยที่ผม ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับชุดสีชมพูนั่นเลย
สามสัปดาห์ผ่านมา เก้าโมงสี่สิบของวันหนึ่ง ผมและฟ้าใส ถูกเรียกตัวไปพบที่ห้องพักครู
อะไรกันเนี่ย นี่ฉันกำลังตั้งใจเรียนอยู่เลยนะ
ฟ้าใสบ่นมาตลอดทาง ผมได้แต่คิดในใจว่า เธอเคยเรียนกับเขาด้วยเหรอ หรือว่าเรียนในฝัน ก็เธอน่ะเพิ่งตื่นตอนที่โดนเรียกมาเอง
ก๊อก!
เข้ามา
ผมเดินตามหลังเธอเข้าไป ครูคนหนึ่งบอกให้เรานั่งตรงเก้าอี้ข้างกำแพง
วันนี้สองโมง ครูอนุญาตให้พวกเธอกลับได้เลยจ้ะ
หา เรื่องแค่นี้ ทำไมต้องให้ผมกับฟ้าใสมาหาด้วย ให้คนไปบอก หรือไม่ก็ประกาศให้ทราบก็ได้นี่ แต่...เฮ้ย กลับทำไม
ผู้ปกครองของพวกเธอ โทรมาขอกับครูแล้ว ครูไม่อยากให้นักเรียนคนอื่นทราบเรื่องพวกนี้ เอาเป็นว่า ครูเข้าใจนะ ไปได้แล้วจ้ะ ยินดีด้วยทั้งสองคน
ผมคว้าแขนฟ้าใสที่กำลังจะอ้าปากถามออกไปอย่างเร็ว เธอหันกลับมามองหน้าผมด้วยความแปลกใจ
อะไรกันน่ะนายหมอกคราม ครูพูดไรเนี่ย งง
ผมส่ายหน้า สงสัยเหมือนกันครับ แต่ไม่อยากพูด พอถึงสองโมง เราก็กลับบ้านตามคำบอกของครูท่านนั้นแบบมึนงงเต็มที่ แต่ผมอาการไม่ดี เพราะกระเป๋าเธอยังหนักไม่เปลี่ยน
และแล้ว ความจริงก็ปรากฏ
บ้านผมถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม ผมงงเป็นไก่เลยคราวนี้ ฟ้าใสก็เหมือนกัน เธอเดินนำผมเข้าไปก่อน
ยินดีต้อนรับจ้ะ ฟ้าใส หมอกคราม
นี่มันอะไรกันคะคุณแม่ น้องฟ้าไม่เข้าใจ
ผมพยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้คิ้วผมผูกโบว์แล้ว
คือว่า... คราวนี้แม่ผมเป็นคนอธิบาย ยืดยาวมาก และยิ่งผมฟังมากเท่าไหร่ หน้าผมเริ่มตึงขึ้นมากเท่านั้น จนพ่อผมเริ่มสังเกตท่าทีของผมละมั้ง ท่านถึงแย้งขึ้นมา
หมอกคราม ฟ้าใส ใจเย็นๆนะลูก
ไม่เย็นแล้วค่ะแม่ หนูไม่หมั้น ฟ้าใสตะโกนอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ พ่อแม่เห็นหนูเป็นตัวอะไร หนูอยู่แค่ม.ปลายนะ หนูไม่หมั้นเด็ดขาด
ผมไม่หมั้นครับ ผมพูดออกมาเป็นประโยคแรกด้วยท่าทีที่ผมคิดว่า น่าจะเย็นชาที่สุด ขอตัวนะครับพ่อ แม่ คุณลุงคุณป้า
แล้วผมก็เดินออกมาทันที ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมือสั่นและหายใจแรงแค่ไหน นี่พวกท่านกำลังเล่นอะไรกับผมถึงได้ทำแบบนี้
เดี๋ยว
ฟ้าใสวิ่งมารั้งแขนผมให้หยุดเดิน ฉันไปด้วย
ไปไหน
ไปกับนาย
ผมออกเดินต่อ ไม่พูดอะไร จนกระทั่งมาถึงริมแม่น้ำที่แดดร้อนเปรี้ยง
นี่นายจะบ้าเหรอ ร้อนจะตาย เธอบ่น เมื่อรวมกับความอารมณ์เสียของเธอแล้ว ผมว่าตาเธอเผาผมได้เลยนะ แดดตกอันดับเลย
กลับไปซะ ถ้าไม่อยากอยู่ ผมพูด
ทำไมนายถึงไม่ยอมหมั้นกับ...กับฉันล่ะ อยู่ดีๆเธอก็พูดออกมา ผมหันไปมองเธอด้วยสายตาแฝงคำถาม เธอเปลี่ยนอารมณ์เร็วจริง
เหตุผลส่วนตัว
บอกฉันได้ไหม เธอซัก นี่เธอจะเอายังไงกับผม ก็เธอเองยังบอกว่าไม่อยากหมั้นเหมือนผม แล้วเธอจะมาถามผมเพื่ออะไร
ไม่ได้
งั้นไม่เป็นไร กลับบ้านกัน
ยังไม่อยากกลับ ผมปฏิเสธเสียงแข็ง จะกลับก็ไปสิ
ก็ได้ แต่ นายสัญญากับฉันอย่างหนึ่งได้ไหม
ผมเลิกคิ้ว ว่ามา
ว่าจะบอกฉัน ทำไมนายถึงไม่อยากหมั้นกับฉัน เธอพูดจบก็เดินจากไป ผมยังไม่เข้าใจคำถามของเธออยู่ดี
ตั้งแต่วันนั้น ครอบครัวผมกับเธอก็กลับมาปกติ โดยเหมือนว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาก่อน ผมถามตัวเองว่า มันเป็นอะไรไปหมด นี่ผมฝันรึเปล่า
ฟ้าใสยังทำตัวเหมือนเดิม แต่มีบางสิ่งเปลี่ยนไป คือแววตาเธอมักเศร้าเสมอเวลาที่เธอเผลอ เวลาที่เธอเหม่อลอย ผมอยากถามเธอว่าทำไม แล้ววันนี้ เราก็เดินกลับเหมือนทุกวัน
นายจำสัญญาได้ไหม
ได้ จำได้ว่าฉันไม่เคยสัญญา เธอพูดคนเดียว
งั้นไม่เป็นไร เธอถอนหายใจ ฉันชอบนาย
... หา ... เธอพูดอะไรนะ แต่ผมยังไม่ทันคิดเธอก็เดินจากไปซะแล้ว
เดี๋ยว
เธอวิ่งไม่หยุด ผมต้องวิ่งตามเธอด้วยความลำบาก เพราะกระเป๋าเจ้าปัญหา แล้วผมก็เลี้ยวออกจากซอยแคบๆ ... เธอหายไปแล้ว
ผู้คนมากมายวิ่งผ่านตัวผมไปอีกทาง ผมมองอย่างสงสัยและเดินตามไปช้าๆ อ้อ ที่แท้รถชนกันนั่นเอง คงไม่มีอะไรมาก แต่ผมก็เดินเข้าไป เผื่อว่าฟ้าใส จะอยู่ที่นั่น
อุบัติเหตุนี่คงร้ายแรงพอดู เพราะคนเยอะพอควร
... แล้วผมก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นอาสาสมัครกู้ภัยกลุ่มหนึ่ง หามเปลที่มีร่างชุ่มเลือดออกมา น่ากลัวสำหรับผม ผมเกือบจะเดินออกไปแล้วก็เหลือบเห็นว่า
กระเป๋าเงินของฟ้าใสตกลงมาจากร่างบนเปลนั่น
ฟ้าใส...ฟ้าใส!
ผมมารู้สึกตัวอีกที ก็เมื่อมีมือมาเขย่าร่างผมแรงๆ
หมอกคราม
ฟ้าใส ฟ้าใส เธอจริงๆด้วย
ผมกระโดดกอดเธอ ไม่สนใจสายตาใดทั้งสิ้น ก็คนมันดีใจ
ผัวะ .. โอย เจ็บ นี่มันอะไร
ฟ้าใสหน้าแดง รอบๆมีแต่เพื่อนนักเรียนด้วยกันทั้งนั้น
เดี๋ยว ที่นี่ที่ไหน ไม่ใช้ซอยตะกี้เหรอ
เป็นบ้าอะไร อยากตายใช่ไหม
ผมเลยถึงบางอ้อ นี่ผมฝันไปเหรอ นี่ผมแอบหลับในห้องเรียนหรอกหรือ
นายหมอกคราม ออกไปยืนนอกห้อง
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมถูกทำโทษในโรงเรียน... เหตุผลเพราะเธอ
จากคุณ :
รวาธิน
- [
21 พ.ย. 49 23:53:59
]