เจ้าหมูนักวิ่ง รูดี้ รึสเซล เขียนโดย อูเว่ ทิมม์ แปลโดยนัทตี้
ที่บ้านเราเลี้ยงหมูไว้ตัวหนึ่ง ผมไม่ได้หมายความถึงน้องสาวหรือน้องชายตัวเล็ก ๆ แต่มันเป็นหมูจริง ๆ ที่มีชื่อว่ารูดี้ รึสเซล หมูตัวนี้มาอยู่กับเราได้อย่างไร? นั่นสิ เรื่องมันยาว
ในวันอาทิตย์หนึ่งเมื่อสองปีผ่านมาแล้ว ครอบครัวเราพากันขับรถไปเที่ยวยังชนบทแห่งหนึ่ง
เรา หมายถึงแม่ พ่อ เบ็ตตี้น้องสาวคนรองที่อ่อนกว่าผมเพียงหนึ่งปี และซุปปี้น้องสาวคนสุดท้อง
เราขับรถไปที่ลือเน่บูรเกอร์ ไฮเด้(Lueneburger Heide) แล้วก็เริ่มต้นในสิ่งที่เราพวกเด็ก ๆ ไม่ชอบ นั่นคือการเดิน....มันเป็นเรื่องน่าเบื่อมากทีเดียว
ดูนั่นสิ สวยจัง พ่อหรือแม่มักชี้ชวนให้หยุดดูพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เนินเขาหรือไม่ก็ต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่ง
ท่านหวังคำตอบคล้อยตามหรือคำตอบกระตือรือร้นจากพวกเรา เนินเขาก็คือเนินเขาแล้วจะให้พวกเราพูดอะไรล่ะ?
แต่พอพวกเราอ้าปากพูดบ่อย ๆ เข้าว่าหิวน้ำหรือแค่บอกว่าอยากดื่มน้ำมะนาวบ้างเท่านั้น แม่ก็เริ่มโมโหและบอกพวกเราว่าให้รีบ ๆ เดินเข้าไปสิ...แม่นะแม่ ช่างไม่รู้เลยว่าพวกเราน่ะเจ็บแข้งขาไปหมดแล้ว
ซุปปี้น้องเล็กร้องหงุงหงิงไม่ยอมเดินต่อ จนพ่อต้องจำใจอุ้มเธอขึ้นนั่งบนบ่า ท่านก้มหน้าก้มตารีบเดินจ้ำย่ำพื้นทรายไปตามทางจนเหงื่อออกท่วมตัว ไม่ยอมพูดชี้โน่นชี้นี้ชวนชมความงามของชนบทอีกต่อไปเลย
จนในที่สุดเราก็มาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งชื่อว่า เฮอรเป็ล(Hoerpel) ที่นั่นมีร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งกำลังมีงานฉลองครบรอบ ๕๐ ปีของหน่วยดับเพลิงประจำหมู่บ้านอยู่พอดี
ที่ใต้ต้นคัสตาเนียนใหญ่มีคนนั่งดื่มเบียร์ แกล้มไส้กรอกย่างกันอยู่เต็มไปหมดตรงโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงอยู่ตรงหน้า แตรวงบรรเลงทำนองดนตรีอยู่บนเวทีไปพลาง ๆ พวกเราเองก็เพิ่งจะได้นั่งและได้ลิ้มรสน้ำมะนาวก็ที่นี่แหละ
เสียงเพลงหยุดลงไปเมื่อไหร่ไม่ทราบได้ มีผู้ชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยเครื่องแบบดับเพลิงเดินขึ้นไปที่ไมโครโฟนและพูดว่า
ตอนนี้ได้เวลาอันสมควรแล้ว เราจะเริ่มเปิดจำหน่ายสลากการกุศล ทุกคนที่ซื้อ เท่ากับว่าได้ช่วยเหลือในการจัดซื้อสายยางฉีดน้ำอันใหม่ด้วย เอ้า..รีบ ๆ ช่วย ๆ กันซื้อนะครับ ของรางวัลมีมากมายเยอะแยะไปหมด รางวัลที่หนึ่งก็ขออุบไว้ก่อน แต่บอกใบ้ให้ว่าคุ้มค่าที่สุด
ชายคนหนึ่งเดินถือกระป๋องเล็ก ๆ ใส่สลากมาอยู่ที่โต๊ะของเรา พ่อแม่อนุญาตให้พวกเราซื้อได้คนละใบ
ผมได้รางวัลเป็นตะปู เบ็ตตี้ได้รางวัลปลอบใจเป็นธงเล็ก ๆ ที่สำหรับติดหน้ารถจักรยานเขียนว่าอาสาสมัครดับเพลิง เฮอรเป็ล
ส่วนซุปปี้ได้สลากที่ข้างในปั๊มเป็นตัวเลขสีแดง เธอรีบวิ่งออกไปด้านหน้าเวทีทันใด พนักงานดับเพลิงบนเวทีหยิบสลากขึ้นโชว์ให้ทุกคนดูทั่ว ๆ กัน เขาบอกว่า
เบอร์ ๓๓ คนที่ชนะรางวัลที่หนึ่งอยู่นี่เอง....หนูอายุเท่าไหร่?
หกขวบค่ะ
ไปโรงเรียนหรือยัง
ยังค่ะ เพิ่งจะหกขวบเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเอง
รู้ไหม ว่าหนูจะได้รางวัลอะไร?
ไม่ทราบค่ะ
หนูโชคดีจัง รางวัลที่หนึ่งได้มาอย่างหมู ๆ เลยรู้ไหม รางวัลที่ได้ก็คือหมูจ้ะ
ชายคนนั้นหันไปคว้าลูกหมูออกมาจากกล่องไม้และจับให้ซุปปี้อุ้มใส่แขน คนในงานตบมือให้เธอและหัวเราะตามไปด้วยความขบขัน
ซุปปี้อุ้มเอาลูกหมูตัวนั้นเดินกลับมาจับมันวางไว้บนตักของแม่ มันเป็นหมูตัวสีชมภูสะอาดสวยเชียว จมูกหนา ตาเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับหูใหญ่ที่ห้อยตกลงมา หากมองดูด้วยตารู้สึกได้เลยว่ามันตัวเล็กนิดเดียวจริง ๆ
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พ่อของเรายังทำหน้าเครียด เมื่อชาวนาคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับเราเข้ามาแสดงความยินดี พ่อยิ้มให้เขาเหมือนกับกินยาขมเข้าไป เอ้อ.. ความจริง คือว่าพ่อไม่ชอบสัตว์เลี้ยงเท่านั้นเอง
สัตว์ห้ามอยู่ร่วมบ้านเดียวกับคน พ่อจะพูดกับพวกเราเสมอ แต่ตอนนี้เจ้าหมูน้อยน่ะนั่งนิ่งให้แม่เกาหูอยู่บนตักแม่เรียบร้อยแล้วสิ
ตัวเล็กจริง ๆ นะ ว่าไหม? ซุปปี้คงปลื้มใจและประหลาดใจเต็มที่ ดูหางมันสิ อันเล็กนิดเดียว เป็นวง ๆ ด้วย
พ่อหยิบกล้องยาสูบออกจากปาก พูดตอบทันควันว่า ใช่ แต่ว่าก่อนเราจะกลับ ก็เอาไอ้ตัวนี้กลับไปคืนเขาเสียด้วย
ไม่ ซุปปี้ร้องทันควัน หนูได้รางวัลมา มันเป็นของหนูนะ
แต่เราก็จะเอามันกลับไปด้วยไม่ได้
ซุปปี้เริ่มร้องไห้ เวลาเธอร้องไห้นั่นก็มั่นใจได้ว่าเธอจะออกเสียงร้องดัง ๆ แน่นอน
โต๊ะอื่น ๆ หันมามองเธอเป็นตาเดียว พวกเขาคงข้องใจว่าทำไมแม่หนูตัวเล็กถึงได้ร้องไห้ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งโชคดีได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นหมูมาเชียวนะ
มือของพ่อที่กำลังเอื้อมมือไปจับหมูไว้ก็ต้องรีบปล่อยออกทันที คนรอบตัวที่นั่งอยู่ในโต๊ะใกล้กันมองหน้าพ่ออย่างไม่ค่อยพอใจ เพราะมันมองดูเหมือนกับว่าพ่อจะเอามือไปตีหมูอย่างไรอย่างนั้น
อืม...ดี...ครั้งที่หนึ่งนะ...อืม..งั้นก็เอาไป พ่อกัดฟันพูดและเริ่มนับเลขเป็นจำนวนครั้ง
เราพาก็ลุกขึ้นเดินกลับไปที่รถซึ่งต้องเดินมาอีกไกลทีเดียว ถึงแม้ว่าเราจะเลือกเดินมาทางลัดก็ตาม ลูกหมูเราก็ต้องอุ้มมันมา เพราะถ้าเราปล่อยมันลงเมื่อไหร่ มันจะไม่ยอมเดินตามแต่จะวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ที มันก็น่าแปลกใจเหมือนกัน ดูว่าลูกหมูตัวเล็กนิดเดียวแต่หนักได้พอกันกับหมาตัวใหญ่ ๆ ตัวหนึ่งเชียวล่ะ
ถึงแม้ว่าเราสามคนจะช่วยกันผลัดเปลี่ยนพามันอุ้มเดินมา แต่ในที่สุดเราก็อุ้มกันต่อไม่ไหว แม่ก็ช่วยอุ้มมันมาเป็นระยะทางยาว เธออุ้มมันไว้ใต้วงแขนมองดูคล้ายก้อนกลม ๆ ของผ้านวม แม่อุ้มมันเดินมาจนเหนื่อย ก็ยื่นส่งไปให้พ่ออุ้มบ้าง แต่พ่อกลับพูดว่า
อ้าว อยากได้นักนี่ งั้นก็ช่วยกันหิ้วไปเองสิ เราทุกคนรู้สึกว่าพ่อพูดแบบนี้ไม่สวยเลย แต่ทางที่ดีพวกเราควรจะระวังตัว ปิดปากเงียบไว้ดีกว่า
ในที่สุดเราก็มาถึงที่รถจอดอยู่จนได้ เหนื่อยและหนักสุด ๆ ทั้ง ๆ ที่ลูกหมูตัวนี้มันดูสะอาดมากก็ตาม แต่แม่ก็ต้องจับมันวางไว้บนตักเพื่อที่ว่าเบาะรถพ่อจะได้ไม่สกปรก
หมูน่ะมันสัตว์สกปรก พ่อเริ่มพูดทำลายความเงียบขึ้นมา มันชอบคลุกดินคลุกโคลน แล้วนี่รู้กันบ้างไหมว่าไอ้คำพูดที่คนเขาว่า กินเหมือนหมู หรือว่า ห้องรกยังกะเล้าหมูน่ะมันเป็นยังไง ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าที่พ่อพูดน่ะหมายถึงใคร? ก็ห้องนอนของเด็ก ๆ อย่างพวกเราไง
ขับรถมาได้ไม่นานเท่าไหร่ ได้ยินแม่ร้องอุทานเสียงดังขึ้นว่าเจ้าหมูน้อยฉี่รดเธอ
พอกันที เรายกไอ้หมูตัวนี้ให้ชาวนาไป หมูต้องอยู่ในที่มีพื้นดิน ไม่ใช่ห้องพักในเมือง เสียงพ่อพูดขึ้นทันควันและหยุดรถตรงหน้าฟาร์มชาวนาแห่งหนึ่งทันที ซุปปี้เริ่มต้นร้องไห้อีกครั้งหนึ่ง
เงียบ พ่อดุกลับ หมูไม่มีความสุขแน่ ๆ ถ้ามีแต่บ้านคน ต้องมีทุ่งนาทุ่งหญ้าให้มัน เข้าใจไหม ซุปปี้ร้องไห้แผดเสียงดังมากยิ่งขึ้นจนต้องเอามือปิดหู
เอ้อ..ปล่อยให้ลูกได้ชื่นชมสักสองสามวันก่อนเถิดนะ แม่พูดขึ้นมาบ้าง ซุปปี้ก็เพิ่งจะได้รางวัลมา อีกอย่างถ้าเราอยากให้ เราก็ให้ไปเมื่อไหร่ก็ได้นี่
ก็ได้ แต่ให้เวลาแค่สามวันนะ หลังจากนั้นต้องเอามันไปไว้ที่อื่น ไม่งั้นคนแถวบ้านเราเขาจะคิดยังไง
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 49 23:10:44
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 49 22:44:22
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 49 20:53:57
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 49 20:47:17