Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ด้วยรักและใส่ใจ (สุขสันต์...วันรักของเรา)

    นิ้วเรียวยาวกดปุ่มรีโมทกระแทกกระทั้นตามแรงอารมณ์ของคนเป็นเจ้าของ ปากเม้มแน่นสะกดความพลุ่งพล่านภายในร่างกาย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ดวงตาสีน้ำตาเข้มเป็นประกายวาววับจับจ้องโทรทัศน์เขม็ง แต่ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าภาพในจอแก้วเป็นรายการอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอสนใจสาเหตุของอารมณ์โมโหของตัวเองมากกว่า

    คนที่เปิดประตูบ้านเดินตรงมายังห้องนั่งเล่น เห็นร่างสมส่วนบนโซฟาตัวใหญ่นุ่มนั่งหน้าบูดบึ้ง แถมกำลังจะทำลายเจ้าโทรทัศน์จอแบนด้วยการรัวรีโมทไม่ยั้ง

    “พี่พิมไปโมโหใครมา ถึงได้มาลงกับทีวีอย่างนี้ล่ะพี่” สาวผมหยักศกร้องถาม ตกใจว่าอะไรทำให้ญาติผู้พี่หงุดหงิดได้มากขนาดนี้

    ตาเรียวสวยตวัดไปทางต้นเสียง โยนของในมือลงบนโซฟาเต็มแรง คนมองกลืนน้ำลายหวาดๆ กลัวว่าคืนนี้จะไม่มีอะไรดูเพราะการทำลายล้างอันแสนน่ากลัวของพิมพิศา

    “หงุดหงิด...โมโห...อยากฆ่าคน!” เค้นเสียงตอบออกมาอย่างกรุ่นโกรธ

    “ใครกันน้า...ทำให้พี่พิมโกรธขนาดนี้” คะนึงนิจเดินเข้ามานั่งลงข้างพิมพิศา วางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะกระจก

    ความจริงไม่ต้องถามก็รู้ว่า ‘ใคร’ ทำให้คนเป็นพี่โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้ขนาดนี้ แต่ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าสาเหตุของอาการ ‘ของขึ้น’ ครั้งนี้คืออะไร

    “ถามอย่างกับไม่รู้ ในโลกมีไม่กี่คนหรอกที่ทำให้พี่เป็นแบบนี้ได้” ตอบเสียงห้วนจัด หน้างอง้ำตามประสาคนไม่สบอารมณ์

    “พี่วัตทำอะไรให้คะ” เอ่ยชื่อคู่กรณีชัดเจนว่ารู้แล้วว่าคือใคร ตะล่อมถามเรื่อยๆ เปิดโอกาสให้พี่สาวร่วมตระกูลระบายออกมา

    “เพราะไม่ทำอะไรนะสิถึงได้โมโห” แค่นเสียงขึ้นปลายจมูก ทิ้งกายบนผนักพิงอย่างแรง ยกมือกอดอกเหยียดริมฝีปากน้อยๆ

    “วันนี้วันเกิดพี่วัต” เอ่ยชื่อธนวัตแฟนหนุ่มออกมาเหมือนไม่เต็มใจพูดถึง “พี่อุตส่าห์ฝึกทำบลูเบอรี่ชีสเค้กที่พี่วัตชอบกิน ทำของขวัญเองกับมือ แต่พอโทรชวนให้ออกมากินข้าวด้วยกันเย็นนี้ เขากลับบอกว่าวันนี้ขออยู่คนเดียวไว้เจอกันวันหลังแล้วกัน” ยิ่งเล่าเสียงยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนึกถึงการสนทนาผ่านโทรศัพท์ก่อนหน้านี้

    ‘วันนี้พี่อยากอยู่คนเดียว อยากนั่งรถเล่นไปเรื่อยๆ มากกว่า เอาเป็นว่าเจอกันวันอื่นแล้วกันนะพิม’ ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ

    ‘แต่วันนี้วันเกิดพี่วัต พิมอยากเลี้ยงข้าวพี่นี่นา’ พิมพิศาพยายามกล่อมให้เปลี่ยนใจ ไม่ยอมบอกว่าตัวเองเตรียมอะไรไว้บ้าง อยากให้ประหลาดเล่นๆ แต่ถ้าเขาไม่มาทุกอย่างก็ล่มไม่เป็นท่า จนเริ่มลังเลว่าจะบอกดีหรือเปล่า

    ‘ก็แค่วันธรรมดาวันนึงเท่านั้นเองพิม อย่าไปสนใจมันมากเลย’ ชายหนุ่มไม่ใส่ใจวันพิเศษของตัวเอง ความจริงถ้าเธอไม่เตือนคงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้วันอะไร

    ‘ที่พิมสนใจเพราะเป็นวันเกิดพี่วัตนะ มาเถอะนะคะ’ รู้สึกร่างกายร้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าอะไรเริ่มไม่ได้ดั่งใจ

    ‘ขอบใจพิมมาก แต่พี่ยังยืนยันคำเดิม นัดเจอกันวันอื่นเถอะพิม แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ” ธนวัตตัดบทสนทนาตามแบบฉบับของเขา อ่อนโยนแต่นิ่ง...เรียบ...และเย็นชา...ไม่เห็นใจคนฟังเลยสักนิด

    คนฝันสลายจ้องโทรศัพท์ตาปริบๆ งงงวยปนผิดหวัง  สลับกับมองถาดบลูเบอรี่ชีสเค้กที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ก่อนกรี๊ดออกมาอย่างไม่มีเสียง โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หยิบถาดเค้กใส่ตู้เย็นไม่สนใจมันอีกต่อไป

    ‘ไอ้พี่วัตบ้า อย่าให้เจอหน้านะจะเอาเค้กยีหัวให้เละเลย เชอะ! ก็แค่วันธรรมดาวันนึงเท่านั้นเองพิม อย่าไปสนใจมันมากเลย’ ประโยคหลังดัดเสียงเลียนแบบเจ้าของคำพูดด้วยความหมั่นไส้

    “คนอะไรไม่ได้ดั่งใจเลย ทำแผนพี่ล้มระเนระนาด เค้กที่ฝึกทำมาเกือบเดือนเป็นม่ายสนิทเพราะเจ้าของวันเกิดอยากอยู่คนเดียว” พิมพิศาแค่นเสียงหนัก

    “รวมไปถึงเจ้าหมอนใบใหญ่ที่พี่พิมนั่งเย็บนั่งปักอยู่หลายวันด้วยหรือเปล่าคะ”

    คะนึงนิจเห็นความตั้งใจของคนเป็นพี่ พยายามทำหมอนใบโตด้วยมือของตัวเอง รวมไปถึงปลอกหมอนสีฟ้าครามสีโปรดของชายหนุ่มซึ่งปักตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษ ‘ที.ดับเบิ้ลยู (T.W)’ จากชื่อจริงของเขาไว้บนผืนผ้า ด้วยเหตุผลที่ว่าธนวัตอยากได้หมอนใบใหญ่ๆ นุ่มๆ เอาไว้หนุนนอนตอนกลับจากทำงานเหนื่อยๆ คงสบายดี

    เธอค่อนข้างชื่นชมในความตั้งใจของคนไม่สนใจงานฝีมืออย่างพิมพิศา ถึงจะทำงานบ้าน ทำอาหารเป็นบ้างแต่เรื่องละเอียดอ่อนเช่นทำขนม...ปักผ้า...ไม่ใช่เรื่องที่พิมพิศาชำนาญนัก แต่เพื่อคนรักแล้วกลับลงมือทำให้ด้วยความเต็มใจ

    ต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้ใส่ใจทุกรายละเอียดได้ดีเยี่ยม แต่คนรับชอบทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ด้วยนิสัยนิ่งๆ เงียบๆ ไม่แสดงความรู้สึกมากนัก จนพิมพิศาน้อยอกน้อยใจไปเสียหลายครั้งหลายหน แต่ไม่ได้ถือสาอะไรเข้าใจนิสัยข้อนี้เป็นอย่างดี

    “ใช่ เบื่อชะมัด ไม่ใช่วันเกิดพี่แท้ๆ ทำไมต้องทำอะไรให้ด้วย วันหลังไม่สนใจแล้ว” ร้องออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

    คะนึงนิจไม่เชื่อถือสักนิดในคำพูดที่ได้ยิน บ่นประโยคนี้ทุกปีแต่ก็ทำให้ทุกครั้ง

    “ปีที่แล้วก็พูดแบบนี้นะคะ”

    คำพูดของญาติผู้น้องเล่นเอาคนฟังทำหน้าไม่ถูกจะเถียงก็ไม่ได้ ที่พูดมาก็ถูกต้องทุกอย่าง จึงบอกเหตุผลที่แท้จริงของความตั้งใจครั้งนี้

    “พี่เห็นว่าพี่วัตชอบลืมวันเกิดตัวเอง พี่เลยต้องคอยเตือนไง แถมปีนี้อายุสามสิบแล้วพี่อยากทำอะไรให้เป็นพิเศษ แต่เขาก็ไม่สนใจ เบื่อๆ ๆ ๆ น่ากลัวจะเจออาถรรพณ์ปีที่เจ็ด ที่เขาว่ากันว่าคบกันนานถึงปีนี้จะต้องเลิกรากันไป…สงสัยต้องเลิกกันจริงๆ ก็ได้”ปลายประโยคเอ่ยแผ่วๆ แอบกลัวอาถรรพณ์ซึ่งหลายคนเคยบอกเอาไว้

    ทั้งสองคบกันมานานซึ่งกำลังจะเข้าปีที่เจ็ด จนใครหลายคนนับถือในความมั่นคงของคนทั้งสอง  พิมพิศารู้จักกับธนวัตเนื่องจากไปฝึกงานในบริษัทที่ชายหนุ่มทำงานอยู่ ได้พบได้พูดคุยกันทุกวันจนเกิดความสนิทสนม เพราะความสดใสและรอยยิ้มของพิมพิศาจึงมัดใจคนขรึมๆ อย่างธนวัตได้

    ก่อนคบกันเธอได้เรียนรู้นิสัยของเขาเป็นอย่างดี ทั้งข้อดีและข้อเสียรวมไปถึงนิสัยไม่สนใจเรื่องจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ จนเหมือนเป็นคนไม่ละเอียดอ่อน

    ‘พี่เป็นคนขี้ลืม ถ้าลืมวันสำคัญไปบ้าง อย่างเช่นวันเกิดพิม...วันครบรอบที่คบกัน...หรือเทศกาลต่างๆ ไปอย่าโกรธอย่าถือสากันนะ’ เขาบอกอย่างเก้อเขินด้วยประโยคที่ตรงแสนตรง แทนที่จะโกรธเธอกลับมองว่าเป็นมุมน่ารักของชายหนุ่มซึ่งหาดูได้ยาก

    ‘พิมก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมากหรอกค่ะ แอบบอกความลับให้นะค่ะ ว่าพิมไม่ชอบวันเกิดตัวเองเท่าไหร่ มันทำให้รู้สึกต้องแก่ขึ้นอีกปีเท่านั้นเอง ถ้าพี่วัตขี้ลืมเดี๋ยวพิมคอยเตือนก็ได้ เทศกาลต่างๆ พิมจะบอกล่วงหน้าว่าอยากได้อะไรแล้วกันดีไหมคะ’

    นี่แหละเสน่ห์ของพิมพิศาคือการยอมรับตัวตนของธนวัตได้ ถึงเวลาที่ผ่านมาจะทะเลาะกันบ้างแต่ก็ทำให้รักกันมากขึ้นจนคบกันมานาน

    แต่กระนั้นถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่พอถูกละเลยมากจนเกินพอดีก็ทำให้น้อยใจบ้าง หรือว่ามีเพียงเธอเพียงฝ่ายเดียวที่ใส่ใจเขา

    “ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะพี่พิม” คะนึงนิจถามเพื่อให้ลูกพี่ลูกน้องสาวพูดความในใจออกมาก ไม่อยากให้เก็บไปคิดมาก ถึงเป็นแค่ญาติแต่เธอรักพิมพิศาเหมือนพี่สาวแท้ๆ ยิ่งได้มาอยู่บ้านเดียวกัน เพราะบ้านของพิมพิศาอยู่ต่างจังหวัดเมื่อเข้ามาศึกษาและทำงานในกรุงเทพฯ แม่ของเธอจึงขอให้มาอยู่บ้านนี้ด้วยกัน

    “พี่แค่รู้สึกว่าระยะหลังๆ พี่วัตเขาสนใจพี่น้อยกว่าแต่ก่อน ชอบอยู่คนเดียวหรือไม่ก็ธุระเยอะเหลือเกิน จนอดคิดไม่ได้ว่าพี่อาจจะวุ่นวายมากเกินไปจนพี่วัตเบื่อรำคาญ” ระบายสิ่งอัดอั้นออกมาให้ฟัง อารมณ์โกรธเกรี้ยวแปรเปลี่ยนเป็นหวาดหวั่น คิดไม่ออกเลยว่าชีวิตที่ไม่มีธนวัตจะเป็นอย่างไร

    คะนึงนิจเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่สาวถึงโมโหธนวัตมาก การบอกว่า ‘อยากอยู่คนเดียว’ มันเสมือนเป็นการบอกว่า เขาอยู่คนเดียวได้โดยไม่ต้องมีพิมพิศา

    มันทำให้หัวใจของคนฟังสั่นไหว กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นจนมีการเปลี่ยนแปลง เพราะสาวเก่งอย่างพิมพิศาไม่สามารถอยู่คนเดียวได้โดยไม่มีเขา!

    “พี่พิมคิดมากไปแล้ว พี่วัตไม่รำคาญพี่หรอกค่ะ สงสัยจะเป็นอารมณ์ผู้ชาย...อารมณ์อยากมีโลกของตัวเอง ไม่ได้รำคาญอะไรพี่สาวสุดสวยของแคทหรอก” คะนึงนิจวางศีรษะบนไหล่ของพี่สาว ให้เหตุผลเป็นการปลอบใจ

    พิมพิศาถอนหายใจเสียงหนัก พยายามข่มใจให้เลิกคิด...เลิกกังวล...และเลิกโมโหกับการกระทำของธนวัตในวันนี้ อย่างว่าเธอโกรธเขาไม่เคยข้ามคืนสักที ยอมใจอ่อนให้จนได้ ทั้งๆ ที่เขายังไม่เริ่มต้นง้อเลยสักนิด

    “เฮ้อ...แล้วผู้ชายอย่างเจ้าชนแฟนแคทล่ะ เป็นบ้างหรือเปล่า ไอ้อารมณ์อยากสร้างโลกส่วนตัวอะไรเนี่ย พี่เห็นเทียวไปเทียวมาทุกวัน” ถามออกมาด้วยความอยากรู้ว่าผู้ชายคนอื่นเป็นบ้างหรือเปล่า ในโลกของเธอไม่มีเพื่อนผู้ชายมากนัก จึงไม่ค่อยรู้จักตัวตนของอีกเพศเท่าไร

    “ประจำเลยค่ะรายนั้น แต่ตอนนี้คงอยากชดเชยเวลาสองปีที่ไปอยู่อเมริกามั้งคะ เลยมาให้เห็นให้เบื่อหน้ากับไปข้างเลย อีกอย่างเขากำลังหางานทำเลยยังว่างๆ อยู่ พอได้ทำงานมีอะไรต้องคิดมากขึ้นก็คงเป็นเหมือนพี่วัต” คะนึงนิจหน้าสดใสขึ้นกว่าเดิมเมื่อเอ่ยถึงคนรัก อธิบายเสียละเอียดยิบจนคนฟังคล้อยตาม คลายความกังวลลงไปได้เยอะ

    “จ้า พูดถึงชนหน่อยไม่ได้หน้าตาสดใสเชียว...หมั่นไส้” คำพูดของน้องสาวสร้างรอยยิ้มจางๆ บนปากอิ่มสวยได้ ยกมือขึ้นคีบจมูกโด่งสวย เขย่าเบาๆ อย่างเอ็นดู

    “กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำเถอะ แล้วเดี๋ยวลงมากินเค้กด้วยกัน กินให้หมดถาดเลย”

    ไหนๆ พี่วัตไม่สนใจแล้ว กินเองก็ได้...จะได้รู้รสชาติว่าเป็นอย่างไร ทำของโปรดให้แล้วไม่สนใจเอง จะกินเยอะๆ ให้อิจฉาเลย...พิมพิศาหมายมาดในใจ

    “ค่ะ” คะนึงนิจรับคำ “พี่พิมรอแคทแป๊บนึงนะ ดูทีวีรอก่อนก็ได้ แต่อย่าดูเหมือนเมื่อกี้นะคะ แคทกลัวมันระเบิด” พูดเสร็จก็เผ่นแผล็วออกมาจากห้องนั่งเล่น แอบชะโงกมองกิริยาของพิมพิศาเห็นตาเฉี่ยวสวยอย่างสาวมั่นใจยังคงสลดๆไม่สดใสเหมือนท่าทางที่แสดงออก จึงเริ่มใช้ความคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนเป็นพี่กลับมาสดใสเหมือนดั่งเดิม

    ก้าวเท้าเดินพลางใช้ความคิดไปยังห้องครัวหลักของบ้านตรงไปเปิดตู้เย็น พอเห็นว่ามีบลูเบอรี่ชีสเค้กชิ้นสวยขนาดสองปอนด์วางอยู่ตรงหน้า เค้กสีม่วงสวยเป็นประกายสะท้อนกับแสงไฟมีครีมสีขาวเขียนไว้ตรงกลางด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ ถึงจะไม่สวยงามเหมือนที่เห็นตามร้านเบเกอรี่ แต่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของคนทำ

    ‘Happy Birthday My Dear’    

    อดเสียดายไม่ได้ ขนาดเธอเห็นแล้วยังปลื้มจนอดยิ้มออกมาไม่ได้ ถ้าเจ้าของวันเกิดมาเห็นคงดีกว่านี้

    ...อยากรู้จังว่าพี่วัตมาเห็นแล้วจะทำหน้าอย่างไร...

    (มีต่อ)

    จากคุณ : ปุณณัตถ์ - [ 27 พ.ย. 49 21:26:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom