เย็นวันนี้ ท้องฟ้าสีส้มมีแดดอ่อนๆ ผมมาอยู่สะพานข้ามแม่น้ำระหว่างทางกลับบ้าน
ผมเป็นนักเรียนม.สี่กลับบ้านตอนสี่โมง สะพานแห่งนี้ผมตั้งชื่อมันเล่นๆว่าสะพานแมว
เพราะเวลาที่ผมมาที่นี่ทีไร ผมมักเจอแมวสองสามตัวเดินเล่นกันไปมาอยู่บนนี้เป็นประจำ
ถ้ามีอะไรต้องคิด หรือมีเรื่องกลุ้มใจอะไร ผมจะมาอยู่ที่นี่ บนสะพามข้ามแม่น้ำนี่แหละ
เสียงครื่นน้ำที่เกิดจากเรือสันจรไปมา ผมคิดว่าฟังแล้วมันเพลินหูดีเหมือนกัน
กลิ่นของน้ำที่นี่ผมคิดว่ามันคล้ายๆกับน้ำฝน มากกว่าที่จะเป็นน้ำจากแม่น้ำทั่วไป
ว่าง่ายๆคือมันเป็นกลิ่นธรรมชาติที่ไม่หอมเหมือนน้ำหอม และไม่เหม็นถึงขั้นน้ำเน่า
ดมแล้วเพลินดีผมคิดแบบนั้นนะ
ผมสูดหายใจเอากลิ่นแม่น้ำเข้าไปจนเต็มปอด ผมชื่อบาสเพราะพี่ผมชื่อบอล
ผมจึงต้องชื่อไปโดยปริยายพ่อแม่มักจะตั้งชื่อให้พี่น้องมีความสัมพันธ์กัน
แม้ว่าชื่อนั้นจะฟังดูไม่ค่อยเพราะสักเท่าไหร่ก็ตาม วันนี่ผมมาอยู่นี่
เพราะมีเรื่องให้ครุ้นคิดเหมือนเคย ผมอยู่ชมรมหนังสั้นของโรงเรียน
รุ่นพี่บอกว่าต้องส่งบทหนังในสัปดาห์หน้า ในกลุ่มผม
ผมรับหน้าที่เขียนบทซึ่งผมคิดว่าคงไม่ยากอะไร ซึ่งก็ไม่ยากอะไรจริงๆนั้นแหละ
ผมมีที่ที่ใว้สำหรับยืนใช้ความคิด ผมมายืนที่นี่มองดูผู้คนไม่นานก็จะมีความคิดแวบเข้ามาในหัว
หลังจากที่ยืนเท่าคางอยู่นาน ผมยังคิดอะไรไม่ออกแล้วก็เริ่มรู้สึกเมื่อยขาจึงออกเดินเล่นแถวนั้นดู
ผมเดินไปตามทางเท้าของสะพานแมว รถวิ่งไปมาบางตา ไม่มีใครอยู่แถวนี่เลย
คนส่วนมากที่ผมมองดูจะอยู่บนเรือข้ามฟาก สะพานแมวเป็นสะพานใหญ่และยาว
ผมเดินไปตามทางเท้าเรื่อยๆ
ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ริมสะพานอยู่ไกลๆ
เห็นท่าทีเธอยกมือเชิดที่หน้าอยู่บ่อยครั้ง ผมเดินต่อไปไกล้ๆ
จนเมื่อไกล้พอ พอที่ผมจะเห็นเธอ ทีแรกก็ไม่แน่ใจ และผมก็ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองซะด้วย
ผมเธอจำได้ดีผู้หญิงที่ยืนเชิดคราบน้ำตาที่ใหลรินลงมาอย่างไม่รู้จักหยุดนั้นคือเพื่อนสมัยเด็กของผมเอง
แต่เธอมาทำอะไรที่นี่ละ ทำไมเธอถึงร้องไหเสียใจ
ท้องฟ้าสีส้มคงจะไม่ว่าอะไรนะถ้าผมจะเข้าไปหาเธอ
ปุกปิกเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในสายตาของผมเลยก็ว่าได้
ผมเจอเธอครั้งแรกตอนป.หนึ่ง เธอถูกย้ายมานั้งข้างผมเพราะสายตาเธอไม่ค่อยดี
ผมเป็นคนตัวเล็กก็นั้งหน้าอยู่ก่อนแล้วด้วย เราสนิทสนมกับในเวลาไม่นาน
ผมชอบทำให้เธอหัวเราะ เพราะเสียงหัวเราะคือความสุขผมคิดแบบนั้นนะ
พอชั้นป.สองเรายังอยู่ห้องเดียวกันอยู่ แต่ไม่ค่อยได้คุยกัน
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม พอเราไม่ได้นั้งข้างกันแล้วเราก็ไม่ได้คุยกัน
ตอนชั่วโมงพักเด็กผู้ชายก็มักจะไปทำอะไรแบบเด็กผู้ชาย มักจะไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับเด็กผู้หญิง
ใครที่ไปเล่นกับเด็กผู้หญิง ส่วนใหญ่จะถูกมองว่าจะตุ๊ด ซึ่งตัวผมรับไม่ได้
เราสองคนจึงเริ่มห่างเหินกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เราห่างเหินกันชนิดไม่คุยกันเลยมาตั้งแต่ตอนป.สาม มีน้อยครั้งที่จะทักทายกันบ้าง
จนถึงตอนป.สี่เราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน แล้วเธอก็มีแฟนคนแรก
เขามีชื่อว่ากล้องเป็นคนตลกมีอารมณ์ขัน แต่สำหรับผม หมอนี่มันมุกฝืดมากกว่า
ไม่รู้ต้องใช้จารบีอีกกี่ขวดกว่าจะแก้ความฝืดของไอ้หมอนี่ได้
ผมกับปุกปิกไม่ได้คุยกันอีกเลย ผมรู้สึกชอบเธอ
เธอเป็นรักครั้งแรก หลังจากจบป.หกผมย้ายโรงเรียน เธอก็เช่นกัน
เราเคยพบกันในวันคืนสู่เหย้า เธอมาเพียงครั้งเดียวแต่ก็ไม่ได้คุยกัน ผมมางานคืนสู่เหย้าแทบทุกปี
เพื่อหวังว่าบางทีอาจได้เจอ ไม่ก็ไม่เป็นแบบนั้น ผมไม่ได้เจอเธออีกเลย
ในใจผมบางครั้งก็นึกถึงเธอขึ้นมาเฉยๆ เธอเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมรู้สึกดี
ผมประทับใจในตัวเธอจนเดี๋ยวนี่ก็ยังไม่ลืมเธอ แม้จะไม่ได้คุยกันเลยก็ตาม
เธอเป็นเหมือนภาพอดีตที่อบอวนไปด้วยกลิ่นไอของความคิดถึง
เธอมาที่สะพานแมวนี้ทำไมกัน ผมถามตัวเอง ฆ่าตัวตายรึเปล่า
ทำท่าจะโดดอีกต่างหาก คนเราก่อนที่จะฆ่าตัวตายก็จะต้องดื่นด่ำกับความเศร้าทุกข์โศกเสียจนหนำใจก่อน
ให้ตายเถอะตอนนี่เธอกำลังทำแบบนั้นอยู่นี่หว่า จะทำไงดีละเนี่ย เข้าไปหาเธอ รึว่าเดินผ่านไปเฉยๆ
ไม่ได้หรอก ถ้าผมปล่อยเธอไป ผมต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่
ปุกปิบมาทำอะไรที่นี่น่ะ
เธอหันมามอง เหมือนอึ่งที่ได้พบผมโดยบังเอิญ
เธออยู่ในชุดนักเรียนกระโปรงดำ เสื่อดูเข้ารูปกระโปรงไม่ยาวจนเกินไป
เธอแต่งตัวแบบนี้มาตั้งแต่ตอนประถมผมยังจำได้ดี ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่แว่นตาแล้ว คงใส่คอนแทรกเลนส์แทน
เราบาสไง จำไม่ได้เหรอผมลองแยบถามกลัวเธอจะจำไม่ได้
จำได้สิ จำได้เธอพยักหน้าตอบขณะยังเชิดน้ำตาอยู่
แล้วมาที่นี่ได้ไงเนี่ย
ฉันจะมาฆ่าตัวตายน่ะ
...ผมอื่งผง่ะไปพักหนึ่งแล้วถามขึ้นทำไมละ
เธอถอนหายใจขณะมองดูเรือที่แล่นไหลไปตามสายน้ำอย่างเอื่อยเฉื่อยฉันท้อง
ผมอึ่งไปอีกครั้ง ใจหายวาบจะโดดจริงๆเหรอ
ใช่เธอพูดเสียงหนักแน่นไม่ลังเลใจ
แต่แล้วเธอก็สะอื้นไหออกมาอีกฉันอยากตายเต็มทีแล้ว อย่าห้ามฉันเลยนะขอร้อง
ผมรู้สึกลำบากใจอย่างที่สุด แต่แล้วผมก็ตัดสินใจอย่าไปเลยนะผมกุมมือเธอไว้ขณะพูด
เธอส่ายหน้าไปจากที่นี่ซะ แล้วทำเป็นไม่รู้จักกัน
ถ้าฉันโง่ ก็คงทำแบบนั้น
อย่าหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัวเลย ฉันเห็นเธอชอบเอาธุระคนอื่นมาเป็นเรื่องของเธอประจำ
จริงอย่างที่เธอบอก แต่ที่ทำแบบนั้น ผมอยากทำเองนี่นา
ไม่มีใครบังคับสักหน่อย ผมกุมมือเธอที่วางอยู่บนราวจับสะพานใว้แน่น
ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันหายไปเฉยๆจะดีซะกว่าสำหรับพ่อแม่ฉัน
เข้าใจมั้ย ฉันในตอนนี่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เธอเข้าใจฉันมั้ยเธอพูดเสียงดังขณะมองมาที่ผม
ความเศร้าเสียใจของเธอถูกส่งผ่านมาถึงผมด้วย
ฉันชอบเธอนะ ฉันไม่ยอมให้คนที่ฉันชอบมาตายไปต่อหน้าต่อตาฉันหรอก
เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอเธอว่าขณะสะบัดมือเธอออกจากมือผม
เธอจ้องมองผมราวกับว่าผมทำความผิดร้ายแรงมา
เข้าใจสิ ฉันถึงกำลังจะช่วยเธออยู่นี่ไง
ช่วยฉันเหรอ เธอปล่อยฉันไปจะช่วยฉันได้มากกว่ามารั้งฉันเอาไว้แบบนี้
ฉันจะทำทุกอย่างขอแค่ให้เธออยู่ต่อไป นะ ฉันขอร้อง
เธอหันกลับมามองหน้าผมแล้วเงียบลง
อย่าโดดเลยนะ ฉันจะช่วยเธอเอง ยังไงก็ได้บอกมาได้เลย
ปุกปิกกลืนน้ำลายลงคอจากนั้นจึงตั้งต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผมฟัง
เธอบอกผมว่าผู้ชายที่เป็นพ่อของเด็กในท้องเธอทิ้งเธอไป เธอไม่อยากทำแท้ง
เธออยากเก็บเด็กในท้องใว้โดยไม่ให้พ่อแม่ของเธอรู้
งั้นขอเบอร์โทรเธอหน่อยสิ ถ้าฉันคิดวิธีช่วยเธอออกแล้ว ฉันจะติดต่อไปผมรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
คล้ายกับว่าผมกำลังจะจีบเธอยังไงยังงั้น ทั้งที่สถานการ์ณตอนนี่ มันไม่น่าจะมาคิดเรื่องแบบนี้เอาเสียเลย
เธอบอกเบอร์โทรมาให้ผมแล้วมองออกไปตามแม่น้ำต่อ เธอทำใบหน้าเศร้าสร้อยแล้วเอ่ยขึ้น
ที่ฉันต้องการคืออยากเก็บเด็กคนนี้ใว้โดยไม่ให้พ่อแม่ฉันรู้
เธอกลับบ้านไปก่อนนะ แล้วอย่าทำอะไรให้ผิดสังเกตุ
ถ้าพ่อแม่ของเธอถามอะไร ให้ปิดบังใว้ก่อน เข้าใจนะปุกปิกรับปาก เราคุยกันอีกพักใหญ่จนเธอรู้สึกดีขึ้นแล้วจึงกลับไป
ผมยังอยู่บนสะพาน แมวสองสามตัวคลอเคลียเล่นกันอยู่แถวนั้น ท้องฟ้าตอนนี้กลายเป็นสีส้มเข้ม
ผมค่อยๆเดินกลับบ้าน ระหว่างผมคิดหาวิธีช่วยเธอ ผมรู้สึกดีที่ได้คุยกับเธออีก
แต่เรื่องที่ได้รู้มาจากเธอกลับทำให้ผมรู้เป็นห่วงเธออย่างบอกไม่ถูก
เวลาผ่านเลยไปสองเดือนอย่างรวดเร็ว ปุกปิกหนีออกจากบ้านตามแผน
พี่บอลของผมจัดการเรื่องทุกอย่างให้ ท้องเธอโตขึ้นจนสามารถสังเกตุเห็นได้
ตอนนี่ก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านของผมเอง พ่อแม่ไม่ว่าอะไร
แรกๆก็สงสัยอยู่บ้าง พวกเขาคิดว่าผมเป็นคนทำเธอท้อง แต่ผมบอกไปว่าเขาเดือดร้อน
พ่อแม่ผมเป็นคนใจดี ได้ยินแบบนั้นจึงไม่ว่าอะไร
พี่ฉัน เขาบอกว่าอีกกี่เดือนถึงจะคลอดเหรอ
อีกเดือนหนึ่งน่ะ
ดื่มอะไรหน่อยมั้ยเดี๋ยวฉันไปเอามาให้หลังจากนั้นเป็นต้นมา
ผมตั้งต้นดูแลเธอเป็นอย่างดี เพราะผมชอบเธออยู่แล้ว แล้วเธอก็ตั้งท้องอยู่
ไปไหนไม่ได้ หลายๆครั้งผมถามเธอว่าอยากได้อะไรมั้ย เธอมักจะเกรงใจแล้วบอกปัดไปเสมอ เธอมักคิดอะไรเงียบๆคนเดียว
จนถึงวันที่สิบห้าที่เราอยู่ด้วยกัน ผมถามคำถามที่อยากรู้มาตลอด ผมไม่อยากบีบคั้นอะไรเธอ
แต่ผมก็อยากรู้ ว่าคำตอบจะเป็นอย่างที่ผมคิดใว้มั้ย
นิ บาส ถ้าฉันคลอดเด็กออกมาแล้ว เธอช่วยเลี้ยงเขาใว้ก่อนได้มั้ย
ได้สิผมน่ะ แกว่งตีนหาเสี่ยนไปแล้ว
เรื่องรับเลี่ยงเด็กเอาไว้ ผมเตรียมใจมาก่อนแล้วละฉันถามอย่างสิ พ่อของเด็กน่ะเป็นใครเหรอ
เธอไม่รู้จักเขาหรอกได้ยินเธอพูดแค่นี่ก็รับรู้ได้แล้วว่าเธอพยายามจะปกป้องเขาอยู่
เธอยังรักเขาอยู่เหรอ
เธอเงียบไม่พูดสิ่งใด เธอถอนหายใจแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
สีหน้าของเธอดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย ผมตระหนักได้แล้วนึกย้อนกลับไป
ตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นี่ ดูเธอไม่เคยมีความสุขสักนิด ที่ผมช่วยเธอใว้ก็เพราะผมชอบเธอคนนี่
และผมก็อยากให้คนที่ผมชอบมีความสุข
สองวันต่อมาผมนึกวิธีจัดการทุกอย่างออก ผมโทรไปหาปุกปิบในเย็นวันศุกร์ ปุกปิกรับสาย เสียงรอบด้านดังอื่ออึง
นี่บาสพูดนะ อยู่ไหนเนี่ย เสียงดังชะมัดเลยผมโทรคุยกับเธอจากตู้โทรศัพน์สาธารณะของโรงเรียน
อยู่บนรถเมย์ บาสนึกวิธีออกแล้วเหรอ
อืม แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้รึเปล่าน่ะ ก็เลยอยากจะโทรมาปรึกษาก่อน
แล้วยังไงเหรอ วิธีน่ะ
ในช่วงที่เธอไกล้คลอดน่ะ ให้เธอหนีออกจากบ้านแล้วก็มาคลาดลูก แค่นั้นแหละ
มันจะได้ผลเหรอ
ได้สิ
แล้วจะทำคลอดที่ไหนละ
ก็ที่โรงพยาบาลไง พี่ชายฉันรับผิดชอบให้เอง
พี่ชายของบาสเหรอ
ใช้ เขาเป็นหมอน่ะ โชคดีหน่อยนะ
แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 49 20:31:19
จากคุณ :
smallAuToJ
- [
27 พ.ย. 49 22:13:42
]