Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    สุข - ทุกข์ [เรื่องสั้นกึ่ง

    ..




    จิตใจตรงกัน      ผูกพันรักใหม่
    สุขใจเหลือเกิน    รักเพลิน สดใส
    มอบรักให้เธอ    ใจฉันเหม่อลอย
    หากเธอยังคอย   ฉันพลอยอิ่มใจ.


    ท่อนแรกของเพลงแฟนฉัน  รุ่นเก่าขับร้องโดยวงชาตรีดังมาจากคาราโอเกะ  เนื้อของมันช่างสนานและเปี่ยมความสดใส  เขายิ้มให้แก่มันเพราะว่าเป็นเพลงโปรดเพลงหนึ่ง  พลางร้องคลอตามไปด้วย


    .หกนาฬิกา    แอบมาพบเธอ
    เจอะกันทุกที    โสภีงามแท้
    ไม่แพ้เทวี    จันทร์ศรีผ่องเพ็ญ
    เธอคงมองเห็น    ฉันเป็นยอดชาย.


    แต่แปลกนัก..ยามขึ้นท่อนสอง  เขากลับร้องไม่ออกเสียดื้อ ๆ  ก้อนเนื้อเท่ากำปั้นในอกบิดตัวอย่างรวดร้าว  ท้องไส้ก็เหมือนเขม็งเกลียวจนป่วนปั่น  เขาค่อย ๆ วางไมค์ในมือลง  แล้วรีบปาดป้ายดวงตาก่อนที่จะมีใครทันเห็น
    แต่คงไม่มีใครเห็นหรอก..ก็เขาอยู่คนเดียวนี่นา

    ท่อนฮุคเพิ่งเริ่มต้น  แต่เขาไม่มีแก่ใจร้องต่อ  สองนิ้วไล่ปุ่มปิดโปรแกรมอย่างชำนาญ  หน้าจอเผยภาพต้นเมเปิ้ลสีเหลืองแกมส้มดูสดใส  โรยใบลงเกลื่อนทางกว้าง

    เขาชอบความสดใส  เขาชอบความสุข  ยิ่งถ้าเป็นความสนุก  เขาจะกระโจนลงไปโดยไม่รั้งรอ  เขาชอบมันมาก  หรืออันที่จริงแล้ว..เรียกว่าขาดมันไม่ได้เสียมากกว่า

    เพราะอย่างนั้น  เขาจึงมาร้องเพลง  หวังจะให้วันอันเงียบเหงาผ่านไปโดยเร็ว

    แต่ทำไม  ..ทำไมถึงต้องเป็นเพลงนี้  เพลงที่เขาเคยชอบนักหนา  มันกลับยอกอกเสียจนเจ็บแปลบ  ด้วยสะกิดกระตุ้นความทรงจำเก่าให้ฟุ้งซ่าน



    เขาปล่อยจอเปิดทิ้งไว้อย่างนั้น  และเอนตัวลงบนเสื่อที่ปูไว้กลางบ้าน  สายตามองตรงไปยังเพดาน  แมงมุมสองสามตัวกำลังงีบอยู่บนไยของมัน  เขานึกถึงชาลอต  แมงมุมแสนฉลาดที่เป็นเพื่อนกับหมูอีกตัว  มันทำเรื่องมหัศจรรย์มากมาย  แต่สุดท้าย..มันก็ตาย

    ความตายในนิทานเบาหวิวเหมือนขนนก  ใครอยากจะตายเมื่อไหร่อย่างไรก็ได้  แต่สำหรับโลกแห่งความเป็นจริง  มันช่างหนักอึ้ง  เต็มไปด้วยผลกระทบ  เหมือนก้อนหินที่ถ่วงน้ำจมส่งคลื่นกระเพื่อมออกไปรอบ ๆ

    ความคิดของเขาย้อนกลับมาที่เก่า  ยังสถานอันเหงาเงียบจับใจ  ความวังเวงกระโดดโลดเต้นเริงร่า  และคอยแต่จะเย้ยเยาะในทุกหยาดน้ำตาที่หยดสร้างคราบบนแขนเสื้อ

    เขาอยากคุยกับใครสักคน  แต่คืนนี้ไม่มีใครอยู่  โชคดีที่เงินในโทรศัพท์ยังไม่หมด  (ขอขอบคุณเครือข่าย DTAC และ AIS อย่างเป็นทางการ)

    “สวัสดีครับ  คิดถึงจังครับ”

    เขาทักทายก่อน  ตามด้วยเสียงของอีกฝ่ายซึ่งดูเหมือนกำลังกึ่ม ๆ

    “หวัดดีกั๊บ  ขอบคุณนะกั๊บ”

    “ขอบคุณเรื่องอะไรน่ะพี่”

    “ก็เรื่องที่โทรไปสามครั้งแล้วไม่รับสายไง”

    “อ๋อ  ผมลืมมือถือไว้บนห้องน่ะครับ  พอดีเห็นเบอร์พี่ขึ้น  เลยโทรกลับ”

    เขาโกหก  เรื่องมันคงจะยาว  หากเขาต้องเล่าว่าภายในวันเดียวมีเรื่องอะไรที่ถาโถมเข้ามารุมเร้าเขามากแค่ไหน  มันทำให้เขาจิตตก  จนไม่อยากคุยกับใคร  แม้แต่คนที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งของตน

    “น้องคับ  มือถือนะคับไม่ใช่โทรศัพท์บ้าน  จะได้วางไว้ในห้องนอน  ลืมไว้ในห้องน้ำ  หรือโยนทิ้งแถวหลังบ้าน”

    เขาคร้านจะต่อล้อต่อเถียง  วันนี้มีเรื่องให้เหนื่อยมากพออยู่แล้ว

    “พี่อยู่ออฟฟิซ  กำลังก๊งเหล้ากับเพื่อน ๆ”

    อีกฝ่ายบอกเล่า  ขณะที่คนอาวุโสน้อยกว่าแปลกใจ

    “อ้าว  ไหนว่าจะกินเฉพาะวันเสาร์ไงครับ”

    “ก็เพื่อน ๆ ชวน เลยเอาสักหน่อย  เนี่ยกินไม่มากหรอก  หวดไปสามสี่กลมเอง”

    เขาไม่เคยกินเหล้า  เลยไม่รู้ว่าสี่กลมนี่มากน้อยแค่ไหน  แต่คะเนดูก็คิดว่าพอสมควร

    “พี่เมาแล้วใช่มั้ยเนี่ย”

    “อ๊ะ  ใครเมา  ไม่มาวครับ  ถ้าเมาต้องโทรไปกวนประสาทน้องได้”

    คนฟังอมยิ้ม  คราวก่อนที่ถูกคนเมาแต่น่ารักกวนประสาท  ยังฉิวยังฉุน  แต่ก็หมั่นไส้แกมเอ็นดูไม่หาย

    “พี่เมาแล้วน่ารักนะครับ  ผมชอบ  เอ๊ะ  หรือว่าผมจะชอบของแปลก”

    “ปากหรือนั่น  พี่ออกจะหน้าตาดีมีชาติตระกูล”

    น้ำเสียงอารมณ์ดี...มากจนเขาปวดใจ  หรือเขาจะไม่อาจเก็บมันไว้

    “พี่ครับ  ถ้าผมพูดอะไรกับพี่ตอนนี้  เช้าขึ้นมาพี่จะลืมใช่มั้ย”

    “ก็คงจะอย่างนั้นละมั้งคับ  ตอนนี้ก็รู้สึกมึน ๆ นิด ๆ  แล้วน้องมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
     
    “ทำไมถึงคิดว่างั้นล่ะครับ”

    “ของอย่างนี้ปิดพี่ไม่ได้หรอกครับ  น้องบอกว่าคิดถึง  แค่ฟังก็รู้แล้วว่าต้องมีอะไรแน่ ๆ”

    “ทำไมล่ะครับ  คำว่าคิดถึงต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ  แล้วความรักล่ะ  ความรักก็ต้องการเหตุผลด้วยเหรอพี่”

    “อ๊ะ  ก็ต้องมีสิครับ  ถ้าไม่มีเหตุผลแล้วจะรักไปทำไมล่ะ  คำบางคำที่พูดออกมา  มันต้องมีเหตุผลที่ขับดันให้เป็นไป  น้องมีอะไรเล่ามาให้พี่ฟังเลยดีกว่า”

    เขาอ้ำอึ้ง  ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน  เขาอยากบอก  อยากเล่าให้หมด  แต่ไม่อาจจับจุดสาระของตนเองได้  เขากลัวว่า  เขาอาจจะเป็นแค่เด็กโง่  ที่ไม่รู้จักคิดไม่รู้จักโตในสายตาของพี่ชาย  เขารู้สึกเดี๋ยวนี้เอง  ว่าเรื่องของเขามันแค่เล็กน้อย  เขาไม่ควรจะรบกวนให้คนอื่นรู้สึกเป็นทุกข์ตามไปด้วย

    “ไม่มีหรอกครับ”

    “ถ้าน้องไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะครับ  พี่แค่อยากจะรู้อยากจะเข้าใจเท่านั้นเอง”

    “เปล่านะครับ  ไม่มีอะไรจริง ๆ”

    สายตาเขามองเลยไปยังฝ้าเพดาน  มันเป็นสีขาวมัวภายใต้แสงไฟนวลใจกลางห้อง  แต่ละแผ่นวางเหลื่อมกัน  สร้างตารางโยงไยคล้ายขั้นบันไดไปทั่วเพดาน

    เขาจำไม่ได้  ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร  รู้แต่ว่าถ้อยคำเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกผิด  ในขณะเดียวกันก็กัดเซาะความชั่งใจ  กระทั่งต้องเผยออกมาทางอ้อม

    “ผม..ผม”

    เขาลังเล  ความเงียบคงสภาพชั่วครู่  ก่อนข้อความที่แสดงถึงความมึนเมาหลุดออกมาจากปลายสายอีกข้าง

    “ฮัลโหล  ฮัลโหล  ไอเลิฟยู   ยู้ฮูอยู่หรือเปล่า”

    “ไอเลิฟยู?   พูดจริงหรือเปล่าครับนั่น”

    “อะไรครับ  เรื่องแบบนี้ใครเอามาล้อเล่นกันล่ะ”

    เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยมีสติสตังเท่าใดนัก  แต่ก็รู้สึกดีอย่างประหลาด

    “วันนี้ผมไม่ค่อยสบายน่ะครับ  ตื่นขึ้นมาก็ปวดหัว  เมื่อยขบไปหมด   ..สงสัยเพราะนอนดึกน่ะครับ”

    เขาต่อความ

    “ถ้ารู้ว่าไม่สบายเพราะนอนดึก  ทีหลังก็นอนแต่หัวค่ำสิครับ”

    “พี่ก็รู้  ว่าผมรู้สึกไม่ค่อยดีง่าย  เจออะไรนิดหน่อย  ก็..งี่เง่าน่ะครับ”

    “เอ้า  เงียบ..  เงียบ..  เงียบ..”    อีกฝ่ายร้องเลียนเสียงลูกเจี๊ยบคอแหบ

    “เปล่าครับ  ไม่ได้เงียบ  แต่ไม่รู้จะเล่าอะไรต่อ”

    “พี่ไม่เชื่อว่ะ”

    “ก็ตามใจครับ  ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ  แล้วปีใหม่นี้พี่ยังคงแผนเดิมใช่ป่าว”

    “อย่าเปลี่ยนเรื่องนะครับ  หม่อมไม่โปรด”

    เขาอยากจะหัวเราะ  แต่ริมฝีปากทำได้เพียงโค้งเล็กน้อย  ก่อนตกลงมาอีก  คำถามที่เขาถาม  ย้อนกลับมาแทงตัวเอง  หลายปีแล้ว  ที่เขาอยู่ตามลำพังในช่วงปีใหม่  ปีล่าสุดเขาอยู่หอคนเดียว  เพื่อนทุกคนกลับบ้าน  ไม่มีใครที่เขาสนิท  ไม่มีใครที่อยากชวนเขาไปไหน  เขาอ้างงาน..โครงงานของตนที่ต้องทำให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนมกรา  เพื่อปลีกตัวออกห่างครอบครัว  เขาทำร้ายตนเอง  ทำมันซ้ำ ๆ ซ้อน ๆ  และกลับมารู้สึกเสียใจเองที่ทำมัน

    ..สมน้ำหน้า  สมน้ำหน้าดีแล้วใช่ไหม

    เพลงนั้น  ทำให้เขาระลึกถึงปีใหม่ครั้งล่าสุด  เขาร้องเพลงอยู่ที่หอคนเดียว  เหมือนกับวันนี้  ร้องเพลงเดียวซ้ำ ๆ  เพลงที่เขาชอบ  เพลงที่น่าจะทำให้รู้สึกสนุกสนานรื่นเริงที่สุด..หรือไม่จริงล่ะ

    “น้องครับ..”

    เสียงเรียกจากปลายสายทำให้เขาหลุดจากภวังค์

    “พี่ว่าน้องไม่มีความสุขนะ  เป็นอะไรหรือเปล่า”

    “ผมมีความสุข  ผมชอบหาความสุขอยู่แล้ว  เออ  แล้ววันนี้ที่ทำงานพี่เป็นไงมั่งล่ะ  มีอะไรตลก ๆ เล่าให้ฟังหรือเปล่าครับ”

    คนปลายสายนิ่งไปอึดใจ  เขาเดาว่าอีกฝ่ายคงกำลังคิด  และอีกเดี๋ยวเขาก็คงได้หัวเราะ

    “ความสุขในโลกนี้มีสองชนิด..  ชนิดแรกคือความสุขชั่วคราว  ความสุขชนิดนี้ต้องพึ่งสิ่งต่าง ๆ ช่วย  และไม่คงทน”

    เขาหลับตาลงช้า ๆ นิ่งฟังด้วยความใส่ใจ  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ชายของเขารู้ทัน

    “แล้วอีกอย่างล่ะครับ”

    “พี่กำลังจะบอกไง  อีกอย่างคือความสุขถาวร  เป็นความสุขที่เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง”

    เขาเถียงในใจว่ามีอะไรที่ถาวรแท้จริง  ทุกสิ่งอยู่ภายใต้ไตรลักษณ์มิใช่หรือ

    “ความสุขถาวรคืออะไรครับ”

    “ก็ความสุข  ความสุขแบบที่เกิดขึ้นเองไง  แบบที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด  ไม่ต้องไปหาที่ไหน”

    เขารู้สึกว่าพี่ชายชักจะพูดจาวนไปวนมา  แต่ก็พอเข้าใจว่าแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดคงเริ่มสำแดงฤทธิ์หนักขึ้น  อีกใจก็อดนิยมนับถือไม่ได้ที่ยังสามารถพูดจาเป็นเนื้อเป็นหนังได้ทั้งที่เมาขนาดนี้

    “แล้วแบบไหนล่ะครับ  พี่ยกตัวอย่างได้ไหม  สมมุติว่าผมจะถามพี่ว่าความสุขถาวร  กับชั่วคราวของพี่คืออะไร”

    “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”

    อีกฝ่ายตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ  แต่สร้างความหนักใจให้คนฟัง  คำว่า ถาวร  ยิ่งแต้มความสงสัยยกใหญ่ให้แก่เขา

    “ถ้าผมเล่นเกมแล้วมีความสุข  สนุกสนาน  นี่เรียกว่าความสุขชั่วคราวใช่ไหม  แต่ผมไม่เข้าใจว่าความสุขไหนจะถาวรได้  ถ้าไม่มีต้นเหตุของความสุข  ถ้าไม่มีสิ่งที่ต้องพึ่งพาให้เกิดความสุข  แล้วความสุขนั้นจะมาจากไหน”

    เขายิงคำถามยืดยาว  อันที่จริงก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ากำลังพูดอยู่กับใคร  บางทีเขาอาจจะพูดกับตนเอง  ให้ตนไตร่ตรองตนอย่างถ่องแท้

    “คนเรามีปัญหาก็ต้องแก้สิครับน้อง” คนปลายสายเปลี่ยนเรื่อง  แต่ยังอยู่ภายใต้หัวข้อเดียวกัน  “ไม่ต้องแก้ตัวว่าน้องไม่มีปัญหา  คนทุกคนมีปัญหากันทั้งนั้น  ขึ้นอยู่กับว่าใครจะแก้ได้มากน้อยแค่ไหน”

    เขานิ่งฟัง  เมื่อครู่ขยับปากจะออกตัวแต่กลับถูกดักคอ  จึงรู้สึกว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการรอฟัง

    “น้องมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คนอื่นไม่มี  เรื่องบางเรื่องรู้มาก  รู้ดียิ่งกว่าพี่ด้วยซ้ำ  น้องฉลาด  ปัญหาที่มีก็สามารถแก้ได้ด้วยตนเอง  แต่พี่ไม่เข้าใจ  ทำไมน้องเหมือนไม่อยากแก้ไขมัน”

    เขายิ้มบาง  คนที่ฉลาดกว่าคือคนที่คุยกับเขามากกว่า  คำพูดนั้นกระตุ้นความภูมิใจในตนเอง  จับจุดเขาได้  ทั้งยังเตือนสติไปในตัว

    “ผมไม่รู้สิ”

    ความคิดของเขาทำงานอย่างเงียบ ๆ  มันนำเขากลับไปยังความสุขถาวรอีกครั้ง  พี่ชายของเขาตอบแล้ว  ว่าความสุขถาวรคืออะไร  มันคือการสงบระงับดวงจิตที่ว้าวุ่น  การแก้ปัญหาไม่จำเป็นต้องลงมือกระทำ  แต่ใช้ใจแก้ไข

    สุขกับทุกข์เป็นสองในโลกธรรมแปด  เกิดดับสลับกัน  เมื่อใดที่ทุกข์สิ้น  สุขก็เกิด  ดังนั้นการระงับดับทุกข์คือความสุขถาวร  เข้านิยามที่ว่าไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งใดภายนอก  หรือคนคนไหนมาช่วย  เพียงใช้สิ่งที่มีมาตั้งแต่เกิด..ปัญญาอันรู้เท่าทันเหตุแห่งทุกข์

    “ที่พี่พยายามโทรหาก็เพราะเรื่องนี้ล่ะ  พี่ได้ยินเสียงน้องเมื่อกลางวันก็รู้แล้ว  เวลาน้องไม่สบายใจ  พี่ก็ไม่สบายใจไปด้วย  เมื่อน้องเกิดความทุกข์  พี่ก็ทุกข์ไปด้วย  พี่จะพยายามช่วยน้องเท่าที่จะทำได้  เพราะพี่อยากเดินไปพร้อม ๆ กันกับเรานะ”

    เขายิ้มด้วยความเอมใจ  ถึงจะเป็นความสุขชั่วคราว  เป็นความสุขที่อิงกับคนคนหนึ่ง  อารมณ์อารมณ์หนึ่ง  คำคำหนึ่ง  แต่ก็นับเป็นสุขที่สุขเลิศเลอยิ่งกว่าพรใดใดแล้ว





    -----------------------------------------------------------------------------------------
    Ps.  ‘เขา’  ฝากถึง  ‘พี่ชาย’

    “พี่ชอบบอกว่าหลงลืมบทสนทนาเวลาเมา  ผมเลยบันทึกไว้ในรูปแบบเรื่องสั้น  เนื่องจากเห็นว่าพอเป็นประโยชน์  จึงนำมาเผยแพร่  หวังว่าพี่คงไม่เคืองที่เอาความลับทางราชการมาเปิดเผยนะครับ”




    ..

    จากคุณ : ปฤษณะ - [ 30 พ.ย. 49 13:27:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom