Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    บางสิ่งบนเส้นขนาน..เหนือกาลเวลา (1)

    หวัดดีค่า  วันนี้เอาเรื่องสั้น (ที่ยาวนิดนึง) มาฝากให้ช่วยอ่านและติชมกันอีกครั้งนะคะ  ขอบคุณทุกท่านที่ฝากความเห็นไว้ในเรื่องก่อนๆ ด้วยค่ะ ^^

    เรื่องนี้สองตอนจบนะคะ  เขียนจบแล้วค่ะ ตอนจบจะรีบเอามาลงนะคะ
    และเรื่องนี้มีซาวน์แทรค(อีกแล้ว)ค่ะ ฮ่าๆ

    เด๋วแปะซาวน์แทรคไว้ท้ายเรื่องนะคะ ^^


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    บางสิ่งบนเส้นขนาน..เหนือกาลเวลา



    หญิงสาวร่างกะทัดรัดในชุดเสื้อยืดแขนกุดสีดำ  ที่บ่าปักเลื่อมระยับเป็นลายไขว้กันอย่างเก๋   เข้าชุดกับกระโปรงบานสั้นแค่เข่า  สีน้ำตาลเหลือบทอง  รองเท้าส้นสูงและกระเป๋าใบเล็กสีเดียวกัน  ที่เจ้าตัวคล้องไหล่เอาไว้หลวมๆ  ท่ายืนชะเง้อชะแง้อย่างไม่มั่นใจนักตรงหน้าซุ้มประตูประดับดอกไม้  อันเป็นทางเข้างานเลี้ยงนั้นทำให้หลายคนที่นั่งเฮฮากันอยู่ในงานเพ่งมอง  ก่อนจะสะกิด  ชี้ชวนกันให้ดู

    "ใช่หรอวะ  ทำไมดูไกลๆ มันสวยอย่างงั้นล่ะ"   เสียงหนึ่งถามเบาๆ  อย่างไม่แน่ใจนัก  

    "ใช่สิ   ไอ้ท่าลูบข้อศอกเวลาลังเลเนี่ย  ตัวจริงชัวร์"  อีกเสียงหนึ่งให้ความมั่นใจ

    "เฮ้ย !  นิ้ง  ทางนี้ ! "  ในที่สุดก็มีหน่วยกล้าตาย  ลุกขึ้นตะโกนโหวกเหวก  แข่งกับเสียงดนตรีจากเครื่องขยายเสียง   และเสียงจ้อกแจ้กของการสนทนา  ในบริเวณงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในสนามฟุตบอล  ตรงหน้าอาคารเรียนหลังใหญ่  บนเวทีเตี้ยๆ ที่ต่อขึ้นอย่างง่ายๆ นั้นมีป้ายสีสดใสเขียนบอกไว้ว่า  

    "งานคืนสู่เหย้า  ชาวสาธิต"

    เสียงเรียกนั้นทำให้คนที่กำลังชะเง้อมองรอบตัวอย่างละล้าละลังชะงัก  ก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียงอย่างยินดี

    ณดาโบกมือตอบพลางยิ้มกว้าง  แล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะพรืดอย่างกลั้นไม่อยู่  เมื่อเห็นได้ชัดว่าคนแทบทั้งโต๊ะ..ที่เห็นชัดว่ามีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง..พยายามลุกขึ้นยืน  โบกไม้โบกมือ  รวมทั้งส่งสัญญาณเรียกเธอเป็นการใหญ่  ทั้งที่บางคนก็เกือบจะทรงตัวให้อยู่นิ่งๆ ไม่ได้อยู่แล้ว  นี่ขนาดเพิ่งจะเริ่มงานได้ไม่ถึงชั่วโมงเองนะ..  เธอบอกตัวเองขันๆ  ถ้างานเลิกนี่มิต้องแบกกันกลับบ้านหรือไง..

    คนคิดคิดพลางก้าวเร็วๆ เข้าไปหากลุ่มเพื่อน  และก็เป็นอย่างที่คาด  เมื่อถึงโต๊ะจัดเลี้ยงขนาดกลาง  ที่ปกติควรจะมีเก้าอี้เพียงสิบตัวล้อมรอบ  แต่ขณะนี้เพิ่มเป็นราวยี่สิบ  เพราะโต๊ะข้างๆ  ซึ่งก็เพื่อนๆ กันนั่นแหละ  ขยับเข้ามานั่งซ้อนๆ กันอย่างดูจะสนุกสนานในการ "สุมหัว" กันเป็นที่สุด  และเธอก็ต้องผจญกับพายุคำถามอย่างแทบจะเรียกได้ว่า  ต่อให้มีสิบปากก็ตอบไม่ทัน  แถมบางคำถามก็ฟังไม่รู้เรื่อง  เนื่องจากคนถามลิ้นไก่สั้นเสียแล้ว

    ครู่ใหญ่กว่าเธอจะฝ่า "ด่าน" ที่ยืนบ้างนั่งบ้างกันอย่างสะเปะสะปะรอบๆ โต๊ะ  นับได้ราวๆ สิบสองหรือสิบสามคน  เพื่อเข้าไปยิ้มทักเพื่อนที่นั่งเป็นที่เป็นทางอยู่กับโต๊ะ  ที่ดูๆ แล้วทุกคนยังพอจะมีสติกันอยู่บ้าง  เพราะดูจะเน้นอาหารมากกว่าสุรา

    ทุกดวงหน้าและรอยยิ้มที่ส่งมา  บอกณดาว่า  ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด  ไม่ว่าใครในที่นี้จะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด  หาก ณ  ที่นี่  เมื่อได้กลับมารวมกัน  ได้ยิ้มให้กันอีกครั้ง  ก็ราวกับว่า  ทุกอย่างได้หมุนกลับสู่วันเวลาเก่าๆ  ในยามที่ทุกคนยังเป็นเด็กนักเรียนมัธยม  ใส่เสื้อสีขาว  กระโปรงยาวคลุมเข่า  กางเกงขาสั้นสีดำ  วิ่งเล่นกันอยู่ในสนามแห่งนี้

    ไม่แปลกอะไรที่ทุกคนในงานดูจะสนิทสนมกันดี  เพราะโรงเรียนเก่าของเธอเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดเล็ก  ที่มีจำนวนนักเรียนต่อชั้นปีเพียงไม่เกิน 100 คน  ด้วยเป็นโรงเรียนสาธิตของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง  ที่เพิ่งได้รับการยกระดับเป็นมหาวิทยาลัย  ในจังหวัดเล็กๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร  จึงเรียกได้ว่าแทบจะรู้จักและสนิทกันทั้งโรงเรียน

    เพื่อนส่วนใหญ่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เข้ามัธยมต้น  บางคนก็อยู่โรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ประถมด้วยซ้ำ  กระทั่งวันนี้  บางคนก็ยังติดต่อและพบปะกันอยู่บ้าง  หากบางคนก็ห่างหายไปจนเหลือเพียงเงารางๆ ในความนึกคิด  

    นานเหลือเกิน.. กว่าจะได้กลับมาพบกันอีกในงานเลี้ยงคืนสู่เหย้า  ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกในปีนี้  หากก็ดูจำนวนศิษย์เก่าที่มาร่วมงานจะมากกว่าที่คิด

    "มาเร็วๆ  ไอ้นิ้ง  งานเริ่มตั้งนานแล้ว  อาหารมาสามสี่อย่างแล้วนะแก"  หลายเสียงดังมาจากรอบโต๊ะ  ก่อนที่คนใกล้ตัวที่สุดจะดึงมือเธอเข้ามาให้เพื่อนเห็นชัดๆ

    "เฮ้ย  แกไปทำไรมา  ไม่ได้เจอกันแป๊บเดียว  ทำไม.."  คนเอียงคอถามเป็นสาวเปรี้ยวในชุดเสื้อสายเดี่ยว  กระโปรงสั้น  แต่งหน้าจัดอย่างสาวสมัยเต็มที่

    "ทำไมอะไร"  คนถูกตั้งข้อสังเกตหรี่ตามอง  ไว้ใจไม่ได้หรอก  เพื่อนพวกนี้  คำชมดีๆ น่ะไม่มีหลุดจากปากแน่  ด้วยเหตุผลเดียวกันทุกคนว่า  "กลัวเพื่อนเหลิง"

    "ก็..."  อีกฝ่ายเอียงคอไปอีกฝั่ง  พิจารณาอย่างจริงจัง  "ก็ไม่เปลี่ยนเลยอะดิ  กี่ปีๆ  แกก็อย่างเนี้ย  ตัวเท่าเนี้ย  แต่งตัวอย่างเนี้ย  ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรมั่งหรอ  เป็นถึงสถาปนิกทั้งที  ไม่รู้จักแต่งตัวให้มันเริ่ดหรูเหมือนแต่งบ้านชาวบ้านเขาเล้ย.."

    "เกี่ยวอะไรเนี่ย"  คนเป็นสถาปนิกงง

    "แต่ชั้นว่ามันผอมลงนะอุ้ม  ดูซีดๆ  ด้วย"  อีกคนจีบปากเถียงโดยไม่ใส่ใจกับคำค่อนนั้น  ก่อนจะหันมาถามเธออย่างจริงจัง  "แกน้ำหนักลดรึเปล่า  เจอกันคราวก่อนดูมีน้ำมีนวลกว่านี้นะ"

    "นิดหน่อย  งานยุ่งน่ะ.."  ในขั้นแรกณดากะพริบตางงๆ  ก่อนจะถอนใจเฮือกอย่างจำได้  อ๋อ  ไอ้คุณหมอจิ๋ว  ที่เมื่อก่อนหล่อสะอาด  หากเดี๋ยวนี้กลายเป็นสาวทรงเสน่ห์  สวยกว่าผู้หญิงทั้งโต๊ะที่เธอนับได้เจ็ดคนนี้เสียอีก

    เอ๊ะ  หรือต้องนับไอ้หมอด้วย..  

    "ไปตรวจมั่งนะ  โรคอะไรต่อมิอะไรของสาวทึนทึกน่ะมันน่ากลัวหลายอย่างนะยะ"

    ณดาอ้าปาก  หากก็ไม่ทันอีกเสียงหนึ่งที่แปร๋นขึ้นมาทันควัน

    "ไอ้จิ๋ว  ถ้าไอ้นิ้งมันทึนทึก  แล้วที่นั่งกันหน้าสลอนอยู่นี่  จะเรียกว่าอะไรวะ  ก็อายุเท่าๆ กันทุกคน  จบปีเดียวกันทั้งนั้นนะยะ  แม้แต่แก"  คนพูดชี้หน้าคนนั่งตรงข้ามอย่างเอาเรื่อง  

    "ยู้ด  หยุด  หยุดนะ"  อีกคนแผดเสียง  ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่  "นิ้งมันไม่เป็นไรหรอก  ไอ้หมอจิ๋ว  ไอ้แตง  ไอ้อุ้ม  พวกแกนี่ก็  พูดอยู่ได้  ทึนทึกๆ  พอเหอะ  มันแสลงใจ"  

    "ก็ชั้นเป็นห่วง"  คุณหมอสะบัดเสียง  "พวกเรามันก็อายุมากๆ กันแล้ว"

    "บ้า"  เสียงแหลมอีกเสียงโวย  "ยี่สิบแปดย่างยี่สิบเก้า  เค้าเรียกวัยฉกรรจ์ย่ะ"

    "ฉกรรจ์น่ะเขาเอาไว้เรียกผู้ชาย  อย่างแกต้องเรียก  วัยกล้วยไม้"  ใครอีกคนบอกอย่างเอาการเอางาน

    "แปลว่าอะไร"  คนไม่แน่ใจว่าถูกชมหรือด่าระแวง

    "นังโง่"  คุณหมอร่วมวงประณาม

    "กล้วยไม้ทำไมแปลว่าโง่"  คนโดนประณามถามอย่างกังขา  ท่าทางจะไม่เข้าใจจริงๆ

    "มันแปลว่ากล้วยๆ ไง  อะไรที่กล้วยๆ  ก็ต้องแปลว่าคนทำมันโง่ๆ"  ยังอุตส่าห์มีคนตอบ  เนียนๆ ทั้งน้ำเสียงและหน้าตา

    "โกหกตกนรกนะ"   ใครคนหนึ่งพูดลอยๆ พลางปรายตามองคนตอบ

    "สวรรค์อยู่ในอก  นรกอยู่ในใจ"   ฝ่ายนั้นไปได้ซึ่งๆ หน้า

    "ถึงว่าสิ  ใจแกนี่มัน  นร้ก นรก  แถมแสดงออกทางหน้าตาด้วย"

    "เออ   นังหน้าสวรรค์..  ลงโทษ"

    ณดาหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่  นี่แหละ  ใช่เลย  แย่งกันพูดอย่างไม่มีใครยอมใคร  พากันเลื่อนเปื้อนไปจนลืมไปแล้วว่า  เรื่องจริงๆ มันเริ่มมาจากตรงไหน  

    "ขำอะไรแก  ยังไม่ได้กินอะไรเลย  เมาแล้วเหรอ"  เพื่อนสาวข้างตัวดึงให้เธอนั่งลงบนที่นั่งที่ว่างอยู่

    "เมารักมั้ง"  เธอยักไหล่  เพิ่งได้ช่อง "แย่ง" คนอื่นพูดบ้าง

    ได้ผล  คราวนี้เสียงจ้อกแจ้กเป็นนกกระจอกแตกรังรอบตัวเงียบลงทันที  เมื่อเจ้าของเสียงพากันจ้องเธอเขม็งเป็นตาเดียว

    "กรี๊ด  ว้าย  ตาย  สลบ"  สองสามเสียงประสานกัน  "พูดอย่างนี้แปลว่ากำลังมีความรักสิท่า  เอ้า  เชิญเมาท์"

    "หรือเพิ่งอกหักมา"  อีกคนถามเหมือนมีความหวัง..คือหวังว่าตัวเองจะไม่ต้องโสดคนเดียว..

    "หรือทะเลาะกันมา"  มีแต่คนมองโลกในแง่ร้ายทั้งนั้น..

    "ไอ้วิดวะคนที่เคยมาจีบแกตอนเรียนล่ะสิ"   คราวนี้พวกความจำดีเป็นพิเศษ  สิบปีแล้วยังจำแม่นยำจนคนโดนจีบเองยังทึ่ง

    ณดาส่ายหน้า  นี่พวกมันยึดคติ  เรื่องของชาวบ้านคืองานของเรา  เหนียวแน่นไม่ยอมปล่อยจริงๆ

    "นั่นเขาแต่งงาน  มีลูกไปสามคนแล้ว"  เธอบอกเพลียๆ

    "อ้าว"  คณะยุ่งเรื่องชาวบ้านทำท่าเซ็งสุดขีด  บ่นพึม

    "ไรว้า  แล้วไม่มีอะไรมาอัพเดทเลยหรอ  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  แกน่ะคิวทองยิ่งกว่านางเอกละครอีกนะ"  ประโยคท้ายตัดพ้อแกมประชด  ก่อนที่คนข้างตัวเธอจะสำทับ

    "ใช่  นัดกันทีไร  มาไม่ได้ทู้กที  ขนาดที่ทำงานแกกับชั้นห่างกันไม่ถึงสองป้ายรถเมล์นะ"

    "อะแน่นอน  ชั้นนางเอกเก่านี่ยะ"  เธอเท้าความไปถึงละครเวทีในงานประจำปีของโรงเรียน  ที่เธอรับบทเป็นสโนว์ไวท์  มีคนแคระที่ร่างยักษ์ทั้งเจ็ด.. ซึ่งก็นั่งหน้าสลอนกันอยู่ในงานนี่หลายคน.. คอยกลั่นแกล้ง

    "ฉะนั้นนางเอกต้องรอฟังตัวประกอบอย่างพวกแกอัพก่อน  ของชั้นเอาไว้ทีหลัง"  นางเอกละครบอกอย่างมีชั้นเชิง  ก่อนจะส่ายหน้า  ถามประชดๆ เมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนแต่ละคน  รวมทั้งขวดเหล้านอกที่พร่องลงไปมากในแสงไฟสลัวได้ชัดเจน

    "นี่พวกแกเมากันเร็วขนาดนี้เลยหรอ  มากินข้าวหรือกินเหล้ากันเนี่ย"  

    "กินเหล้าสิ  ถามแปลก"  คำตอบทันควัน  ก่อนที่คนตอบจะยัดเครื่องดื่ม  ที่ไม่ต้องมองก็รู้ว่ามีแอลกอฮอล์ผสมอยู่แน่ๆ  ใส่มือเธอแก้วหนึ่ง

    "ไม่เอา  ขอน้ำส้ม  ชั้นนางเอกนะยะ"  เธอบอกเสียงหวาน  เชิดหน้า  วางท่ากอดอกปั้นปึ่งทั้งๆ ที่ยังยิ้มละไม

    "น้ำส้มสายชูได้มั้ย  มากับเป็ดย่าง"  ใครคนหนึ่งเลื่อนถ้วยน้ำจิ้มมาให้  บอกเสียงกลั้วหัวเราะ

    ณดาหันไปขวับไปตามเสียงนั้น  กะพริบตาปริบ  นิ่งงันอยู่ในท่านั้นชั่วอึดใจ  ก่อนจะเปิดรอยยิ้มกว้าง  เมื่อเห็นคนนั่งซ้อนอยู่ด้านหลังเต็มตา  เมื่อครู่นี้เธอไม่ทันเห็นเขา  คงเพราะความวุ่นวายภายในโต๊ะนั่นแหละ  ที่ทำให้ตาเธอลายไปหมด  ไม่อย่างนั้น  เธอจะมองผ่านดวงหน้าเข้ม  ดวงตาคมระยับ  และเครารกๆ ที่ปลายคางนั้นไปได้อย่างไร

    เสียงที่เอ่ยทักฝ่ายนั้น  ทำไมมันราวกับไม่ใช่เสียงเธอเองอย่างนั้นแหละ..

    "ปรัชญ์ !  มาได้ยังไง  ไหนใครว่าไปเมืองนอก"  

    ฝ่ายนั้นเพียงแต่ยักไหล่  ยิ้มตอบเธอ  ก่อนจะบอกสั้นๆ

    "กลับมาแล้ว"  โดยไม่มีคำขยายความใดๆ  คนตอบเลื่อนจาน  ถ้วยแบ่ง  และตะเกียบมาให้เธอ   แล้วบอกยิ้มๆ

    "รีบกินก่อนเร็ว  เดี๋ยวค่อยถาม  ไม่งั้นไม่ทันไอ้พวกนี้นะ"  เขาชี้กราดไปรอบโต๊ะ  เหมารวมทั้งเหล่าสาวๆ ที่นั่งเป็นที่เป็นทางอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง  กับอีกหลายชีวิตที่โงนๆ เงนๆ อยู่รอบตัว

    "ไอ้พวกนี้ไหน  ก็มืงด้วยอะแหละ  ไอ้ปรัชญ์  ไม่ต้องกระแดะเอาใจสาวหรอกน่า"  ใครคนหนึ่งเริ่มส่ง  และอีกคนก็รับทันที

    "ช่าย  ไอ้นิ้งมันโตจนจะขึ้นคานอยู่รอมมะร่อ  ไม่ต้องไปบริการมันเหมือนสมัยยังเป็นคุณหนูมัดหางม้าอยู่หรอกว้า"  

    "หรือจะมีถ่านไฟเก่าวะ"  ใครอีกคนตาลุก  ชี้หน้า "จำเลย"  ที่นั่งอมยิ้มกระตุกๆ  ก่อนจะบอกปับอย่างมั่นใจ

    "ที่มืงบินด่วนกลับมาจากออสเตรเลียคราวนี้เพราะยายนิ้งเหรอเนี่ย  โอ๊ย  น้ำเน่าๆ"

    "เรื่องของกุ"  คำตอบชัดถ้อยชัดคำ  จนรอบข้างที่กำลังหูผึ่งเซ็งไปตามๆ กัน  คนตอบยักไหล่  อันดูจะเป็นกิริยาที่เจ้าตัวชอบทำยามไม่รู้จะพูดอะไร  ก่อนจะคว้าแก้วน้ำมาถือไว้  ลุกยืนขึ้น  บอกดื้อๆ ว่า

    "ไม่บริการก็ได้  กุไปคุยกับอาจารย์นพพลดีกว่า"

    "โห่"  เสียงโห่ฮาตามมาทันควันเหมือนใครกดสวิตช์  "เขินเป็นด้วยเว้ย"

    "กุจะไปคุยธุระกับอาจารย์"

    "เฮ้ยๆๆ"  เพื่อนฝูงเอะอะ   "นี่ไปอยู่เมืองนอกเมืองนาไม่นาน  เป็นคนเอาการเอางานขึ้นจมเลยนะมืง  หนอย  จะไปคุยธุระกับอาจารย์  อย่างมืงมีธุระอะไรวะ"

    คนโดนซักทำหน้าสุขุมคัมภีรภาพ  เอ่ยขรึมๆ

    "ลูกสาวจารย์แกน่ารักดี  พวกมืงจำไม่ได้เรอะ"

    "ไอ้หอก"  เสียงสรรเสริญมาจากทั่วสารทิศ  "เนี่ยนะ  ธุระ"

    "กุจะติดต่อน้องเขาไปเป็นแบบให้กุถ่ายรูป"  คนตอบตอบหน้าเฉย

    "จิงดิ  ให้กุเป็นนายแบบคู่กะน้องเขานะ"  เสียงสรรเสริญกลายเป็นเสนอตัวอย่างกระตือรือร้นทันที



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    จากคุณ : โยษิตา - [ 1 ธ.ค. 49 11:52:35 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom