คืนฟ้าหม่น
ฉันเดินไปตามทางเท้าเล็ก ๆ ในสวนสาธารณะริมแม่น้ำ แสงไฟนีออนจากร้านอาหารฝั่งตรงข้ามสว่างไสวดูครึกครื้นผิดกับฝั่งที่ฉันเดินอยู่ที่ออกจะเงียบสงบจนแทบนับจำนวนคนที่เดินผ่านได้ ดวงหน้าขาวแหงนเงยขึ้นมองฟ้าสีดำมืดไม่มีแม้ดาวสักดวง เหมือนชีวิตฉันที่มืดมนเหลือเกิน สมองครุ่นคิดไปถึงตัวเลขสีแดงในบัญชีที่กองเต็มโต๊ะเหมือนปีศาจร้ายที่ถือหอกแหลมทิ่มแทงความฝันฉันให้พังทลาย
ความล้มเหลวทางธุรกิจสร้างความเจ็บช้ำให้ฉันเกินจะทนไหว หัวใจร่ำร้องหาใครสักคนมาปลอบโยน แต่ความเป็นจริงที่ตอกย้ำคือระยะทางที่ห่างไกลเหลือเกิน
เสียงน้ำซัดริมฝั่งเบา ๆ เหมือนบทเพลงสะกดให้ฉันก้าวไปข้างหน้า
...นิดเดียว...แค่กระโดดลงไป แล้วทุกอย่างก็จะจบ...
ฉันยันตัวขึ้นนั่งบนราวรั้วกั้น ห้อยขาทั้งสองข้างออกไปเหนือพื้นน้ำ ...แค่ปล่อยมือ...ฟังดูง่าย แต่ยากเหลือเกินที่จะทำ สติส่วนที่พอเหลือร้องห้าม แต่ความเหนื่อยล้าในชีวิตผลักดันอย่างรุนแรง
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นและความตายนั้นเองที่มือของใครคนหนึ่งโอบรอบเอวฉันไว้
หนีปัญหา...ง่ายนะ แต่คุณจะทำหรือ ?
ฉันหันมองต้นเสียง ดวงหน้าคมเข้มกับแววหวานในดวงตาคู่นั้นเป็นสิ่งที่ฉันไม่มีวันลืม
รดิษ...เป็นคุณจริง ๆ ฉันโผเข้าหาเขาเหมือนเด็กที่โหยหาความอบอุ่น คุณมาได้ยังไง ?
เขายกตัวฉันลงมายืนอย่างง่ายดายพลางเอ่ยตอบ
ผมเห็นข่าวคุณในหนังสือพิมพ์ พอไปที่บ้านคุณแม่บอกว่าคุณไม่อยู่ รู้ตัวอีกทีเท้าผมก็พาตัวเองมาที่นี่แล้ว...ที่ที่คุณชอบมาเวลาที่เหนื่อยล้ากับชีวิต
รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันยิ่งอ่อนแอ ร้องไห้คร่ำครวญอย่างลืมอาย มิน...มินไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...
มันยากที่จะทำใจเมื่อธุรกิจที่อุตสาห์สร้างขึ้นอย่างยากลำบากมาพังลงเพราะพิษเศรษฐกิจ จากสมญา เจ้าแม่จิวเวอรี่ ที่สื่อมวลชนกล่าวขานกลับตกอับด้อยค่ากว่าเศษดิน
รดิษรวบร่างฉันกอดไว้เบา ๆ ลูบไหล่ที่สั่นเพราะแรงสะอื้นอย่างปลอบโยน ปล่อยให้ฉันซบหน้าลงร้องไห้อยู่นานกว่าจะตั้งสติดันตัวออกมายืนด้วยตัวเองอีกครั้ง แล้วเขาก็จูงฉันไปยืนข้างราวกั้น โอบไหล่ฉันไว้หลวม ๆ
มินขอโทษค่ะ...มินควรจะบอกคุณแต่แรก ฉันเอ่ยพลางถอนใจยาวเมื่อนึกถึงความโง่เขลาของตัวเองที่ปล่อยใจหลงระเริงไปกับความสำเร็จแรกเริ่มจากทุนมหาศาล จนลืมไปว่าอะไรที่มันโตเร็วก็มักจะล้มเร็วเสมอ
ผมไม่โทษคุณหรอกมิน แต่ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจก็น่าจะบอกผมบ้าง อย่าลืมว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว ผมยังอยู่กับคุณเสมอ เขาลูบผมฉันเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
มินกลัวคุณเหนื่อย แค่เรื่องทางนั้นคุณก็เครียดพอแล้ว
น้ำอุ่น ๆ ไหลคลอหน่วยตาฉันอีกครั้งเมื่อนึกถึงสถานภาพของคนรัก...นายตำรวจที่ไปช่วยราชการในพื้นที่ชายแดนเขตอันตราย ให้อย่างไรก็อดห่วงไม่ได้...
ที่นั่นอันตรายก็จริง แต่ก็ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
คงเพราะแววตาที่คล้ายเครื่องหมายคำถามในตาฉันทำให้เขาหัวเราะเบา ๆ พลางอธิบาย
ชีวิตที่ไม่แน่นอนทำให้ผมรู้ว่าปัจจัยที่ใช้ดำรงชีวิตที่จริงแล้วไม่มากเลย ผมรู้ว่ามันยาก แต่อยากให้คุณลองดู แค่เรารู้จักพอ พอมี พอกิน พออยู่ แค่นี้ก็มีความสุขได้
ฉันแค่นหัวเราะในคออย่างขมขื่น ชีวิตของผู้หญิงที่โตขึ้นในแวดวงธุรกิจอย่างฉันมีแต่จะทะยานอยากไปข้างหน้า ไขว่คว้าความหรูหรามาประดับกายประชันกันให้ตัวเองมีที่พอหยัดยืนจนแทบลืมไปแล้วว่าคำว่า พอ นั้นเป็นอย่างไร
ฉันอยากจะพอนะคะ แต่คุณต้องเข้าใจว่าไดมอนด์ ซีล เคยยิ่งใหญ่แค่ไหน พนักงานของเรานับร้อยพันที่ฉันต้องรับผิดชอบ มันมืดไปหมดจนฉันไม่รู้จะทำอย่างไร
เขาแกล้งเบิกตากว้างเป็นเชิงล้ออย่างที่ชอบทำเป็นประจำ
ผมไม่ได้ให้คุณทิ้งชีวิตที่นี่ไปทำไร่ทำนานะครับ มิน ลองดูตรงหน้าคุณ...สายน้ำที่ไหลริน ผืนแผ่นดินที่กว้างไกล นั่นคือทรัพย์สินล้ำค่าของแผ่นดินที่ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันไม่ว่าที่ใดก็ตาม รู้ไหม...แค่น้ำสักขวด 500 ซีซี ถ้าคุณรู้วิธีก็ใช้รดน้ำต้นไม้ได้เป็นปีเชียวล่ะ
คราวนี้ฉันเลิกคิ้วมอง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความแปลกใจ แต่แล้วก็กลับถอนใจยาว
แต่มินก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ที่คุณบอกให้พอจะจะให้ทำอย่างไรล่ะคะ ?
เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน ยิ้มไว้สิครับแล้วกลับไปแก้ปัญหา ค่อย ๆ สร้างฐานงานไปให้มั่นคง จัดการกับความต้องการส่วนเกินของตัวเอง ต่อยอดงานไปช้า ๆ
แล้วมินยังทำอะไรได้อีกหรือคะ ? เพราะเรื่องที่เพิ่งเจอมาทำให้ฉันไม่กล้ามั่นใจกับอะไรอีก
รดิษดึงมือฉันไปกุมไว้ บีบและคลายเบา ๆ อย่างปลอบโยน
ตราบที่คุณยังมีชีวตอยู่ คุณยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แค่ดำรงชีวิตอย่างไม่ประมาท รู้จักความพอเพียงก็เพียงพอแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณต่างหากว่าคุณจะสู้ หรือจะหนี ?
สายลมเย็นพัดมาแตะร่าง ขณะที่ฉันเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เพิ่งสังเกตเห็นดวงจันทร์กลมโตที่ฉายแสงนวลเย็นตาหลังเมฆดำเคลื่อนตัวผ่านไป
...วันนี้ชีวิตฉันอาจพบทางที่มืดมน แต่คงมีสักวันที่เมฆหมอกนั้นจะคลี่คลาย...
ฉันยิ้มให้รดิษ เอ่ยตอบคำถามของเขาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
มินจะสู้ค่ะ...
เขายิ้มกว้าง ก้มหน้าลงจูบเส้นผมฉันอย่างอ่อนโยน กระซิบคำอ่อนหวานข้างหู
จำไว้ว่าผมอยู่กับคุณเสมอ
ฉันยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา ปล่อยใจให้พักให้คลายความอ่อนล้า รอเวลาให้ถึงวันพรุ่งนี้ เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มฉายอีกครั้ง ชีวิตใหม่ของฉันจะเริ่มขึ้นบนทางของความพอเพียง บนทางสายใหม่ที่รดิษและฉันจะจับมือกันเดินไปช้า ๆ
By : ดอกไม้ป่า
-----------------
ว่าด้วยเรื่องสั้นส่งอาจารย์ค่ะ แหะ ๆ
ที่จริง...ทุกวันนี้ยังอดคิดไม่ได้ว่าเรากำลังหลงอยู่ในวังวนของอะไรบางอย่างที่ดูจอมปลอม แสวงหาค่านิยมทางวัตถุในสังคมที่วุ่นวายสับสนจนไม่รู้จักคำว่าพอ
ทั้งที่เราบอกว่าเรารักในหลวง เชื่อในหลวง แต่ในหลวงทรงพระราชดำริเรื่องทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เราชื่นชม เราฟุ่มเฟือยต่อไป ขณะที่ชาวต่างชาติชื่นชม น้อมนำไปปฏิบัติพัฒนาตน
เศร้าใจ...
จากคุณ :
Argent
- [
1 ธ.ค. 49 21:24:50
]