นิทานดอยนรก 4-1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4877517/W4877517.html
นิทานดอยนรก 4-2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4884691/W4884691.html
นิทานดอยนรก 4-3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4894731/W4894731.html
นิทานดอยนรก 4-4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4903902/W4903902.html
นิทานดอยนรก 4-5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4909903/W4909903.html
นิทานดอยนรก 4-6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4918676/W4918676.html
-----------------------------------------------------------
- ตอน ยิ้มแย้มพบนางสุภาวดี
-----------------------------------------------------------
บัดนั้น
ยิ้มแย้ม เอ่ยความ ถามไถ่
น้องนาง นงลักษณ์ นั้นนามใด
จงบอกให้ ข้ารู้ เถิดรา
.......................................
บัดนั้น
โฉมงาม สุภาวดี ศรีสง่า
เห็นยิ้มแย้ม น้ำเนตร คลอตา
หม่อมฉัน ชื่อว่า สุภาวดี
เป็นวิญญาณ ใช้กรรม อยู่ต่างภพ
มิอาจลบ กรรมใหญ่ ชดใช้หนี้
เพราะมนตรา คาถา พระโยคี
ฉันจึงมี ชีวี ขึ้นอีกครา
.........................................
บัดนั้น
ยิ้มแย้ม ได้ฟัง สิ้นกังขา
คงเป็นเพราะ ดุสิต พระสิทธา
ใช้ให้มา เป็นเพื่อน เตือนใจ
พิศนวลนาง ให้พะวง หลงจิต
เหมือนเคยได้ ใกล้ชิด มาแต่ไหน
ดั่งเพลิงสุม รุ่มร้อน เป็นฟอนไฟ
แล้วขยับ เข้าใกล้ นวลนาง
ลองจับยาม สามตา จ้องนารี
เห็นแต่ อัคคี ทั่วร่าง
ด้วยฤทธิ์กรรม ดลจิต ปิดทาง
ขัดขวาง มิเห็น เป็นเช่นนี้
ยิ้มแย้มไตร่ ตรองพิศ แล้วคิดว่า
คงเป็นเพราะ มนตรา พระฤาษี
เราจึงเห็น โสภา นารี
เป็นอัคคี แผดเผา ให้เร่าร้อน
ยิ่งพิศ ยิ่งเพ่ง เล็งเห็น
เหมือนล้อเล่น ล่อลวง ดวงสมร
สุภาวดี ศรีสะพรั่ง บังอร
ก็ทำค้อน งอนพลัน หันไป
........................................
เอ๊ะอะไร จดจด จ้องจ้อง
ทำเป็น สิ่งของ ไปเสียได้
ทำชม้าย อายเขิน เดินหนีไป
ยิ้มแย้มยุด ฉุดไว้ เกี่ยวกร
จะไปไหน นวลน้อง พี่ข้องจิต
ทุกทางทิศ ล้วนทะเล นะดวงสมร
เรือก็เล็ก ไม่มี ที่จะจร
หรือจะหนี พี่นอน กลางทะเล
...........................................
คนเอ๋ยคนบ้า
แค่นั่งนาน เหน็บชา ขาเป๋
ผัดผ่อน อิริยา กาเย
โมเม แก้ตัว มั่วไป
...................................
บัดนั้น
ยิ้มแย้มเห็น กิริยา อัชฌาสัย
ก็หัวเราะ ขำตลก เป็นยกใหญ่
สบายใจ หายเหงา เศร้าอุรา
สุภาวดี ศรีรุ่งเรือง ชำเลืองยิ้ม
ดูจิ้มลิ้ม น่ารัก เป็นหนักหนา
ตีเจ้ายิ้ม เขินใจ ไม่มองตา
ศรีโสภา หน้าแดง ดั่งตำลึง
.........................................
เจ้ายิ้มแย้ม ร้องโอ๊ย อะไรเจ้า
มาตีเขา แล้วมา ทำหน้าบึ้ง
ยิ้มขบขัน แกล้งง้อ ให้พอซึ้ง
อย่าขังขึง เลยนะ กัลยา
สำเภาใหญ่ ในนี้ มีแต่เรา
หากโกรธกัน ก็จะเหงา เศร้าหนักหนา
พี่ก็ง้อ ขอแล้ว นะแก้วตา
อย่าโกรธา หน้าแดง เป็นแสงไฟ
แล้วหยอกเอิน สุภาวดี ศรีสง่า
กัลยา ก็พรั่น หวั่นไหว
เจ้ายิ้มแย้ม แช่มชื่น รื่นฤทัย
คลาไคล ไปตาม ทางธารา
ทุกคืนวัน กัลยา อยู่เป็นเพื่อน
ดาวเดือน เคลื่อนคล้อย ลอยเวหา
ตะวันแจ้ง แสงสว่าง กลางฟ้า
วันเวลา เลยผ่าน เนิ่นนานวัน
............................................
จนเห็นแดน แผ่นดิน อยู่ตรงหน้า
ถึงเมืองท่า อัมสเตอร์ดัม แล้วนั่น
ฟ้าร้องแลบ แปลบปลาบ เสียงครืนครัน
จับสามตา รู้ทัน ไม่หวั่นใจ
สุภาวดี ไต่ถาม ตามข้องจิต
ยิ้มแย้มคลาย ความคิด สงสัย
ทางทิศ บูรพา จะคลาไคล
มีเมืองใหญ่ ชื่อว่า บาวไชว
เป็นที่สิง เอกเทพ เทวา
ปกปักษ์ รักษา เมืองใหญ่
ธฤติ สุพัต เคยคลาไคล
แรมรอน จรไป ผ่านเมืองนี้
เอกเทพ เทวา สุราฤทธิ์
จะประสิทธ์ วิชาไว้ ให้กับพี่
เพราะคทา อาญาสิทธิ์ ฤทธี
กับมนต์ดี ควรจะอยู่ คู่กัน
มหาดารา มนตรา ช่างน่าลอง
หากสำเร็จ ขั้นสอง เป็นของขวัญ
ฝึกและใช้ ได้เพียง หนึ่งเท่านั้น
สิบเก้าวัน หมั่นฝึก ที่บาวไชว
หากฤกษ์ดี มีใคร ให้แห่งหับ
ไว้สำหรับ ฝึกฝน จนสอบได้
หมายความว่า เอกเทพ เกรียงไกร
จะยอมให้ มนตรา แก่เรา
แต่เราต้อง ข้องรวม ร่วมแห่งหับ
คนที่ตอบ ต้อนรับ เรากับเขา
การครั้งนี้ ใหญ่หลวงนัก หนักไม่เบา
แต่จะเอา มนตรา ก็น่าทน
...............................................
บัดนั้น
สุภาวดี ถามซัก อีกสักหน
แล้วจะไป บาวไชว ฝึกเวทมนต์
จะผจญ หักด่าน ได้อย่างไร
.......................................
บัดนั้น
ยิ้มแย้ม ตอบความ ที่ถามไถ่
เรือสำเภา เรานั้น จะเผาไฟ
ส่วนเจ้า ก็เข้าใน ผอบน้อย
ใช้วิชา จำแลง แปลงกาย
เป็นพ่อค้า มาขาย ของใช้สอย
ให้ส่วย ช่วยมัน สิบในร้อย
เสกกรวดหิน ดินกร่อย ให้พวกมัน
พอสามวัน ส่วยขาย กลายเป็นหิน
เราก็ย้าย ธานินทร์ ไปแล้วนั่น
จะไป บาวไชว ก็ง่ายพลัน
ไม่ต้องหวั่น นายด่าน รำคาญใจ
..........................................
บัดนั้น
โฉมงาม สุภาวดี ศรีใส
หัวเราะ บอกเจ้า ยิ้มแย้มไป
ช่างฉลาด เชื่อได้ ดีจริงจริง
...................................
บัดนั้น
เจ้ายิ้มแย้ม เปิดผอบ ให้น้องหญิง
ลงเรือพาย แล้วเผา สำเภาทิ้ง
แล้วทำตาม ในสิ่ง ที่กล่าวไว้
ก็ช่างง่าย ดายเสีย ตามที่คาด
จึงสามารถ ไปถึง ซึ่งเมืองใหญ่
เอกเทพ สุรสิทธิ์ ฤทธิไกร
ก็รู้ได้ ด้วยฤทธี ปรีชาชาญ
(โปรดติดตามตอนต่อไปจ้ะ)
จากคุณ :
ย.ยิ้มแย้ม
- [
2 ธ.ค. 49 05:14:32
]