ทุกคนมองโลกต่างกัน สิ่งๆเดียวกันยังมองเห็นได้แตกต่างกัน ช่างน่าอัศจรรย์
แต่ใครจะรู้ว่าผมมองเห็นโลก เห็นคนอื่นเป็นเช่นไร นอกจากผมเอง และคุณที่ได้อ่านเรื่องที่ผมพยายามจะถ่ายทอดอยู่ในตอนนี้
โลกนี้มีหลายชีวิตเกิดขึ้นมาแต่แล้วก็ต้องจากไป แต่ละสิ่งมีเวลาของตัวเองอย่างจำกัด ทั้งผม ทั้งคุณ และชีวิตอื่นๆทุกๆชีวิต
คุณจะเชื่อเรื่องที่ผมกำลังจะเล่ามั้ย
ตั้งแต่ผมจะความได้ ไม่รู้เมื่อไหร่ อาจจะตั้งแต่ผมลืมตาดูโลก ผมเห็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่เห็น
ผมเห็นเวลาของทุกคน เวลาที่เป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ แต่ผมเห็นมัน
เวลาที่ปรากฏต่อสายตาผม อยู่ในรูปของนาฬิกาทราย ทุกคนจะมีนาฬิกาทรายประจำตัว
นาฬิกาแต่ละเรือนมีปริมาณทรายต่างกันไป
ทรายแต่ละเม็ดจากเบื้องบนของนาฬิกาล่วงหล่นลงสู่กองทรายอีกฟากหนึ่ง
ทุกๆลมหายใจที่สูดเข้าและปล่อยออกมา ทุกย่างก้าวที่เราเดิน เหมือนโลกที่โคจรไม่เคยหยุด
แต่ทุกสิ่งย่อมมีที่สิ้นสุด แล้ววันนึงผมก็ได้เข้าใจ
วันที่ทรายเกร็ดสุดท้ายของแม่ผมล่วงหล่นลง สู่กองทรายเบื้องล่างของนาฬิกาทรายที่บ่งบอกถึงเวลาของชีวิต
ทรายทุกเม็ดหยุดนิ่งไปพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายของแม่ แม่จากผมไปตอนที่ผมอายุได้12ปี
เมื่อผมเข้าใจถึงความหมายของมัน ผมพยายามจะบอกทุกคน เตือนทุกคนที่ทรายแห่งเวลาเหลือน้อย
บอกพวกเค้าว่าพวกเค้ากำลังจะตาย
เมื่อผมบอกป้า แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อ ซ้ำยังว่าผมปากเสีย ไปสาปแช่งคนอื่น
ยิ่งเมื่อป้าผมจากไปจริงๆ ใครๆยิ่งเห็นผมเป็นตัวประหลาด ไม่เป็นมงคล เรียกง่ายๆว่า "ตัวซวย"
ผมยังคงบอกเพื่อนสนิท เตือนว่าเวลาตายของเค้าใกล้มาถึงแล้ว และก็เป็นเช่นเดิม
ทุกๆคนเริ่มตีตัวออกห่าง เพราะกลัวผมทักว่าจะเสียชิวิตอีก แล้วจะซวยแบบนั้นจริงๆ ทั้งที่ผมแค่บอกความจริงกับพวกเค้าเท่านั้นเอง
ไม่ได้ไปทำให้มันเกิดขึ้นเลย แต่ก็นั่นแหละคนเรา
ตั้งแต่นั้นผมก็ปรารถนาที่จะไม่เห็นมันอีก ไม่ต้องการเห็นนาฬิกาแห่งชีวิตของใครอีก
นาฬิกาทรายค่อยๆจางลงๆ จนหายไปในที่สุด ไม่เหลือไว้ให้ผมดูเวลาที่ชีวิตที่เหลืออยู่ของใครต่อใครอีกแล้ว
ผมใช้ชีวิตอย่างคนปกติ
ผมแต่งงานตอนอายุได้27ปี พอผมแต่งงานได้2ปี ก็มีข่าวดีที่ว่าผมกำลังจะมีลูก
ทำให้ผมต้องทำงานหนักขึ้นสร้างฐานะ เพื่อลูก เพื่อภรรยา
ผมกลับบ้านช้าลง มีเวลาอยู่กับภรรยาน้อยลง แต่ทั้งหมดผมก็ทำเพื่อครอบครัว
กลางดึกวันนึง ตอนนั้นภรรยาผมท้องได้7เดือน และคืนนั้นผมต้องอยู่ดึกเพื่อเตรียมเสนองานในที่ประชุมเช้าวันรุ่งขึ้น
คืนนั้นราวๆ3ทุ่มครึ่ง ผมได้รับโทรศัพท์จากแม่ของภรรยา ให้ไปโรงพยาบาลด่วน
ภรรยาของผมเจ็บท้อง ใกล้คลอด
ผมรีบไปที่โรงพยาบาล เวลานั้นทั้งแม่ภรรยา หมอ และญาติๆทุกคนต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดี
หมอแจ้งว่าภรรยาผมอยู่ในภาวะครรภ์เป็นพิษ ลูกของผมซึ่งเป็นลูกชาย ต้องถูกทำการผ่าตัดด่วน
เสี่ยงมาก แต่ไม่มีทางเลือกแล้ว และภรรยาผมยินยอม ตอนนั้นเธอยังมีสติอยู่
หมอให้ผมเข้าไปพบภรรยาได้ ระหว่างที่หมอและพยาบาลเตรียมทำการผ่าตัด
หรือบางทีพวกเค้าอาจจะรู้ว่า ผมอาจไม่ได้เจอเธออีก จึงให้โอกาสผมได้ลา
ผมเข้าไปพบเธอ คุกเข่าลงข้างเตียงจับมือเธอไว้ เธอมีสีหน้าเจ็บปวดอยู่บ้าง
ความจริงคงเจ็บมากกว่าที่แสดงออกมาให้ผมเห็นหลายเท่า ผมพร่ำบอกว่าไม่เป็นไรนะ ทั้งลูกทั้งคุณต้องไม่เป็นไร
ผมก้มหน้าลง ซบหน้าลงกับมือของเธอ ซึ่งตอนนี้เย็นเฉียบ
เวลานั้น ผมปรารถนาที่จะได้เห็นนาฬิกาแห่งชีวิตอีกครั้ง แล้วหลังจากครั้งนี้ ผมจะไม่ปฏิเสธที่จะมองเห็นมันอีก
ผมขอร้องต่ออะไรก็ตามที่ทำให้ผมสามารถมองเห็นมันได้
ผมเงยหน้าขึ้น มองเห็นนาฬิกาทรายสีขาวนั่น แต่มันสายไปแล้ว ทรายเหลือแค่ไม่ถึงหยิบมือ
ผมร้องไห้จะเป็นจะตาย ขอร้องเธอว่าให้อยู่กับผม อย่าทิ้งผมไป แต่ทรายก็ยังไม่ยอมหยุดไหล
ไม่นานทั้งหมอทั้งพยาบาลก็แยกเอาตียงเธอออกไปยังเข้าห้องผ่าตัด
ไม่ถึง15นาที หมอออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่ต้องพูดผมก็รู้ ว่าเธอจากไปแล้ว
ทั้งลูกทั้งภรรยาของผมจากไป
ตั้งแต่นั้น ที่ผมทำได้คือพยายามเตือนทุกคน ว่าเวลามันผ่านไปทุกครั้งที่เราหายใจ ทุกครั้งที่โลกหมุน
ทรายแห่งชีวิตล่วงหล่นจากส่วนบนของนาฬิกาทรายลงสู่กองทรายเบื้องล่าง
อย่าปล่อยให้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ หากคุณมีคนที่คุณรัก และมีคนที่รักคุณ ทำดีกับพวกเค้าให้มาก ให้เค้าเห็นว่าคุณรักเค้า
เพราะเมื่อคุณใกล้ตาย คนที่คุณคิดถึง อยากให้อยู่เคียงข้างก็มีแต่คนที่คุณรัก
และคนที่คิดถึง อยู่ข้างคุณก็คือคนที่รักคุณ เพราะฉะนั้นอย่าให้เวลาผ่านเลยไป เหมือนผมที่เคยทำผิดผลาด
เพราะคุณไม่รู้ว่ายังมีเวลาอยู่อีกนานมั้ย พวกเค้าจะอยู่กับคุณได้อีกนานแค่ไหน
หากตอนนั้นผมนึกถึงนาฬิกานั่นซักนิด นึกได้บ้างว่าเม็ดทรายไม่เคยหยุดไหล ผมคงใช้เวลาอยู่กับภรรยาผมมากกว่านี้
ถึงตอนนี้ทรายของผมก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว หวังว่าเวลาที่ผมใช้ในการเขียนเรื่องนี้คงถูกใช้ไปอย่างเป็นประโยชน์บ้าง
ถึงคุณจะมองไม่เห็นนาฬิกาทรายแห่งชีวิตของคุณ แต่รู้ไว้เถอะว่าเม็ดทรายในนั้นไม่เคยหยุดไหล
จนกว่าทรายเม็ดสุดท้ายจะล่วงลงสู่กองทรายเบื้องล่าง ทรายย่อมเหลือน้อยลงไปทุกที เวลาแห่งการมีชีวิตอยู่น้อยลงไปทุกที
อย่าให้เม็ดทรายมันผ่านไปเปล่าๆ อย่างไร้ค่า
จากคุณ :
จัยวาริน
- [
4 ธ.ค. 49 15:44:15
]