Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องสั้น : เรื่องตลกของโชคชะตา : สาเหตุไม่ได้มาจากเค้ก

    เดี๋ยวจะ งง ว่า มันมาจากไหน ที่ไปที่มา
    มันมาจากตรงนี้อ่าค่ะ....

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4864357/W4864357.html

    เอ๊ะ หรือจะอ่าน ตอนนี้ก่อน ก็ไม่มีปัญหา... เพราะเรื่องของเรื่องมันมาจาก ตรงนี้....

    ------------------------------------------------------

    << เรื่องตลกของโชคชะตา : สาเหตุไม่ได้มาจากเค้ก >>


    "ฉันรักแกนะ..."

    "เออ รู้แล้ว" ผ่านไปสองชั่วโมง ก็มีคำตอบเพิ่มมาอีกสองวลี

    "เออ รู้ตั้งนานแล้ว" นั่นก็คือคำว่า ตั้งนาน นั่นเอง, นาน... เพราะเราสองคนรู้จักกันนาน - นานพอที่จะทำให้เปลี่ยนสรรพนาม จาก เธอกับเราเป็นฉันกับแก อย่างที่เพื่อนสนิทโดยทั่วไปเขาพูดกัน แต่ส่วนใหญ่คนที่พูดจาแบบนี้ก็เธอนั่นแหละ ไม่ใช่เขาหรอก

    แน่ล่ะ เพราะทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน จะสนิทกันมากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้ เพราะระหว่างเธอกับเขายังมี โลกส่วนตัวของใครของมันกั้นยู่ตรงกลาง อย่างน้อย เพื่อนในชมรมแบดมินตันของเขา เธอก็ไม่รู้จักเลยสักคน เช่นเดียวกับที่เพื่อนชมรมวรรณกรรมสัมพันธ์ของเธอ เขาก็ไม่รู้จักเช่นกัน

    มิตรภาพของเธอกับเขา ลุ่มๆ ดอนๆ มาเรื่อยๆ ทะเลาะกันบ้างในบางทีที่ไม่รู้จะไป “ลง” ที่ใคร และพูดจากันดีๆ ในบางครั้งที่ครึ้มอกครึ้มใจ ช่วยเหลือกันบ้างในบางเวลาที่รู้สึกว่าอีกฝ่ายอับจนหนทาง และไปหากันบ้างเมื่อรู้สึกว่าความคิดถึงมันมากเกินไป (แต่ส่วนใหญ่ก็เธอนั่นแหละที่ไปหาเขา) จนอยู่มาวันหนึ่งเธอเกิดคึกคะนองอยากไปเที่ยวต่างประเทศ และเขาก็อาสาไปเป็นเพื่อน... ช่างเป็นชายหนุ่มที่มีน้ำใจ เหลือเกินนัก แต่เปล่า เธอยังไม่ได้ตกหลุมรักเขาตอนนั้น... เพราะการไปด้วยกันครั้งนั้นนั่นแหละทำให้เธอหมายใจเอาไว้ว่า

    "แก... กลับไปนะ ชั้นจะเลิกคบกับแก ชั้นจะไม่ไปหา ไม่โทฯ หา ไม่ ไม่ ไม่ และไม่" ทำไม นะหรือ? ก็พ่อตัวดีเล่นหนีกลับก่อนด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ

    "ก็คุณเล่นพูดภาษาเค้าได้อย่างกับภาษาตัวเอง ไม่เห็นน่าเป็นห่วงสักนิด ผมเนี่ย... ภาษาไทยยังไม่ค่อยจะกระดิก แล้วภาษาเยอรมันที่ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เนี่ย ผมจะรู้เรื่องได้ไง" แต่... ต่อให้เขาหนีกลับมาก่อน เธอก็ไม่ได้ใจแข็งพอที่จะตัดขาด เพราะความเป็นเพื่อนที่ดีของเขาในเรื่องอื่น... เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน เพื่อนๆ จึงสงสัยว่า

    "แกยังคบกับมันอยู่อีกเหรอ - ทั้งๆ ที่มันทิ้งแกไว้เยอรมันคนเดียวเนี่ยนะ"

    "แหม เค้าก็มีส่วนดีบ้างช่างหัวเขา จงเลือกเอาส่วนเลวเขามีอยู่ เอ๊ะ... ฉันจำอะไรผิดไปหรือเปล่าวะ"

    "ไม่ผิดหรอก แก ออกจะความจำดี และขี้ลืมเป็นนิสัยนี่" เฌลลี ไม่ใช่คนความจำสั้น แต่เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยจำ พูดอย่างง่ายคือ ขี้ลืมนั่นเอง ดังนั้นเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิต หลายอย่างเลยถูกลืมไปบ้าง โดยเฉพาะเรื่องไม่ดีทั้งหลายของคนที่เธอบอกรักไปนั่นเองแหละ...

    ระหว่างมิตรภาพ เธออยู่ในฐานะ "เพื่อน"
    และเขาเองอยู่ในฐานะ "คนที่เธอรัก"

    "ใครจะทำไม ก็ฉันรักของฉันนี่"

    "แล้วคุณรักผมตรงไหน"

    "ไม่รู้... ที่แน่ๆ ไม่ใช่ตรงที่แกสูงร้อยแปดสาม หน้ายาว คางยื่น ปากเสีย หรอก"

    "........." แต่เฌลลีก็รู้ ว่าเธอเป็นได้แค่เพื่อน...

    "ฉันรู้แล้วน่ะ ว่าแกไม่ได้รักฉัน... ไม่ได้โง่นี่" ประโยคตัดพ้อ ไม้ตายสุดท้ายที่กะว่าจะได้ยินประโยคเท่ๆ ออกจากปากเขาบ้าง

    "รู้ได้ยังไงว่าผมไม่ได้รักคุณ" น่าน... ธรรมดาที่ไหน... ถึงแม้ว่าในใจจะพูดว่า “อุตส่าห์ไม่พูดแล้วเชียว”

    "ก็ ก็ ก็ เว้ย... ไม่รู้เว้ย... เออ นึกออกแล้ว พี่สาวคนนึงบอกฉันว่า คนเราถ้ามันรักนะ ไกลข้ามฟ้ามันก็ไปหากัน แต่ถ้าไม่รัก ต่อให้อยู่ห่างแค่รั้วบ้านกันมันก็ไม่แลแม้หางตา นี๊.. เป็นไงล่ะ คมมั้ย"

    "ก็ผมทำงาน คุณก็เห็น ผมทำงานเจ็ดวันรวมแล้วก็สามร้อยหกสิบห้าวันต่อปี แล้วจะให้ผมเอาเวลาไหนไปหาคุณล่ะ" หมอนี่ดำน้ำไม่เก่งหรอก แต่เรื่องแถกๆๆ เนี่ยเก่งนัก

    "ข้ออ้าง แต่ ช่างเหอะ ก็ฉันมันไม่ได้ อันเด้อ ทเวนตี้ อย่างที่แกชอบนี่"

    "เออ ถูกต้อง นี่แหละ เหตุผล.... กร๊ากกกก เออ นี่ พูดถึงทเวนตี้ น้องที่ทำงานคนนั้นเค้าทำเค้กส้มมาให้ผมด้วยแหละ วันเกิดน่ะ" พูดหน้าตาเฉยโดยไม่ได้คิดหรอกว่าคนที่นั่งหน้าตึงอยู่ตรงนั้นอยากจะจับ “น้องคนนั้น” หักคอ ข้อหาเป็นมารหัวใจเหลือเกินนัก

    "เออ ใช่เส่ะ ก็ฉันทำเค้กไม่เป็นนี่" น้ำเสียงประชดประชันที่ไม่ค่อยจะดูเป็นนางเอกเท่าไหร่ พระเอกก็เลยไม่เห็นใจและสงสารอย่างในหนัง

    "อย่าว่าแต่เค้กเลย กับข้าวคุณยังทำไม่เป็นสักอย่าง" นั่น... เอากะมันสิ

    "ตอกย้ำทำไม ก็ฉันกำลังหัดทำนี่ไงเล่า" เฌลลี (คิดจะ) ลงทุนซื้อเตาอบเค้ก และอุปกรณ์ทำเค้กเป็นแสนมาหัดทำขนมเค้ก เพื่อเขา แต่สุดท้ายก็หยิบติดมือมาได้แค่ ตำราเบเกอรี่ฉบับ ปินดา ว้องซ์เช่ มาเท่านั้น

    "ทำอะไร มาม่าผัดใส่หอยลายกระป๋องเค็มๆ แบบคราวที่แล้วน่ะเหรอ" ใครบางคนบอกว่า อย่าได้บอกเล่าความในใจกับใครจนหมดสิ้นเพราะสักวันหนึ่งมันจะย้อนกลับมาทิ่มแทงเมื่อภายหลัง ตอนนี้เฌลลี ซาบซึ้งแล้ว เพราะเธอดันไปเล่าเรื่องผัดมาม่าให้เขาฟัง...

    "ก็แหม... ใครจะไปรู้ว่ามันจะเค็มเล่า"

    "นี่นะ เครื่องปรุงมาม่ามันก็เค็มเป็นทุนอยู่แล้ว เขาทำมาเพื่อให้เป็นบะหมี่น้ำ แล้วหอยลายกระป๋องมันก็เค็มอยู่แล้วด้วย พอเอาไปผัดรวมกันมันก็ไม่ต่างอะไรกับยกทะเลมาไว้บนจานหรอก"

    “สอนชั้น แล้วแกทำเป็นหรือไง”

    “อ๊ะ อย่างน้อยผมก็ทำสเต็กกินเองได้ก็แล้วกัน อ่อ แบบมีเดียมด้วย”

    “ฮี่ถ่อ แค่สเต็ก”

    “แค่สเต็ก แล้วไง คุณน่ะทำผัดมาม่าให้ไม่เค็มได้เมื่อไหร่ค่อยเอามาคุย”

    “คอยดูนะ ฉันจะทำเค้กส้มมาให้ชมเป็นขวัญตา”

    “ให้มันจริงเหอะ, แป้นเอ๊ย” ใช่... เขาเรียกเธอว่ายัยหน้าแป้น ทั้งๆ ที่เธอออกจะหน้าตาดี คางเรียว ไม่ได้แป้นอย่างที่เขากล่าวหา

    “นี่นะถ้าเราสองคนเดินด้วยกัน เราต้องถูกนินทา ว่าเป็นหยินหยาง แน่เลย เพราะคุณน่ะ ด๊ำดำ ส่วนผม อ่ะ ขาวผ่อง นี่เห็นไหม เอามาสีมาเทียบกันดู” อ๊ะ... ไอ้หมอนี่ มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ...

    “นี่แก ฉันรักแกก็จริงนะ แต่มันไม่ได้หมายความว่าแต่จะต้องมาตอกย้ำซ้ำเติมให้ฉันเสียใจนี่นะ”

    “ก็เห็นผมล้อใครเล่นมั่งล่ะ นอกจากคุณน่ะ”

    “ฉันจะไปรู้เหรอ... ก็ฉันเป็นแค่เพื่อน ไม่ได้เป็นแฟนแกนี่” เขาไม่พูดอะไรเพื่อต่อประโยคให้ยาวออกไป เหมือนตั้งใจจะบอกว่า “ใช่แล้วไอ้หน้าแป้นเอ๋ย แกเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้นแหละ” แต่เฌลลีก็ไม่ได้เดือดร้อน ที่เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอมากไปกว่าแค่เป็นเพื่อนหรอก เพราะเธอรู้ดี เธอรักผู้ชายคนนี้...

    ถึงแม้มันจะเป็นความรักเอียงๆ ที่เธอมีให้เขาเพียงข้างเดียว แต่เธอก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจไปรักใคร เพราะเธอรู้ดีว่า คนที่เธออยากจะร่วมผจญภัยในการใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไปก็คือเขานี่แหละ...

    ก็รักอย่างไม่สมเหตุสมผลนี่แหละ ใครจะทำไม...

    แต่แล้ววันหนึ่งฟ้าก็บันดาลให้หญิงสาวหน้าตาดีอย่างเฌลลีต้องตัดสินใจอะไรให้เด็ดขาดไป เมื่อวันหนึ่งที่เธอขับรถไกลจากบางกอกถึงสงขลาไปหาถึงบ้าน

    “เฮ้ย มาได้ไงเนี่ย” เขาตกใจเหมือนเห็นนางฟ้า ที่มีหญิงสาวหน้าแป้น เอ๊ย หน้าตาดีไปยืนกดกริ่งหน้าบ้านตอนเที่ยงครึ่ง

    “ขับรถมาเส่ะ... มีรถนี่”

    “ตั้งสงขลา เนี่ยนะ ไม่ได้กลัวตายเล้ย ไอ้แป้นเอ๊ย”

    “เอ๊า ก็ใครใช้แกหายหัวไปไม่บอกล่ะ โทรศัพท์ก็ไม่ติด บ้านที่บางกอกก็ไม่มีคนอยู่ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าแกหายไปไหน ชั้นเป็นห่วงนี่หว่า” เธอก้มหน้างุดๆ อย่างรู้สำนึก และเพิ่งจะรู้สึกตกใจว่ากล้าหาญมากที่บังอาจขับรถทางไกลมาหาผู้ชาย แค่ติดต่อไม่ได้สองสัปดาห์ เนี่ย... ไม่ได้คิดเล้ยว่าพ่อแม่ตัวเองจะเป็นห่วงแค่ไหน ไม่ได้นึกเลยว่าถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา แล้วใครจะรับผิดชอบ โอ้ว... นึกแล้วก็น่ากลัวแฮะ แต่ ทำไงได้ ตอนนี้มายืนหน้าแป้นอยู่สงขลาแล้วนี่หว่า...

    “ผมเพิ่งกลับมาจากมิลาน ไปทำงาน งานด่วน ก็เลยไม่ได้บอกใครไว้ เออ ขอโทษ ด้วยก็แล้วกัน”

    “แล้วแกจะให้ฉันยืนตากแดด ตัวดำอยู่หน้าบ้านเนี่ยเหรอ”

    “อ๊ะ เข้ามาก่อน กินน้ำกินท่าก่อน” พูดเหมือนการขับรถไกลขนาดนั้น การพักแค่กินน้ำกินท่ามันจะทำให้หายเพลียได้ภายในสิบนาทีอย่างนั้นแหละ

    “แม่คร้าบบบบบบบบ คนนี้เพื่อนครับแม่” คุณแม่หน้าตาดีมาก ที่สำคัญสาว และสวย... มิน่าลูกชายบ้านนี้ถึงได้หน้าตาดีทุกคน ยกเว้น... คนโต และนอกจากคุณแม่จะหน้าตาดีมากแล้วยังใจดีมากอีกด้วย

    “เป็นไงมั่งลูก ขับรถมาซะเหนื่อยนะ พักก่อนนะ”

    “หนูตื่นเต้นอ่ะค่ะ เมื่อกี้เกือบเสยประตูหน้าบ้านเข้าแล้ว”

    “โอ๋ๆ ขวัญเอ๊ย ขวัญมา... ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวก็หายละ” โคตรอยากจะเป็นลูกสะใภ้เลยให้ตาย... สักพัก คุณลูกชายก็หายไป (เอารถไปเก็บให้) และคุณแม่ก็เข้าครัวไป คนที่เดินทางไกลมาก็หลับเป็นตาย ณ บัดนั้น

    ----------------------------

    และขากลับบางกอก ระหว่างทาง และบางบทสนทนา จึงมีอยู่ว่า....

    “เออ ที่ถามว่าฉันรักแกตรงไหน ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าฉันรักแกตรงไหนและเมื่อไหร่ ฉันรู้แต่ว่าถึงเวลาที่ฉันต้องทำใจแล้วล่ะ”

    “อื้อ ทำไมล่ะ”

    “พ่อแกเป็นศาสตราจารย์ด๊อกเตอร์(ศ.ดร.) แม่แกเป็นรองศาสตราจารย์ด๊อกเตอร์ (รศ.ดร.) บ้านแก โคตรผู้ดี มีมารยาท มีชาติตระกูลเลย พ่อฉันน่ะแค่ครูบ้านนอกกระจอกและจน (คบน.กจจ) แต่ฉันก็รักพ่อฉันนะ แม่แกเรียกแกว่าน้องนนท์ทุกคำ ส่วนแม่ฉันเรียกฉันว่านังหนูทุกคำ แม่แกเค้าคงรับฉันเป็นลูกสะใภ้หรอก”

    “งั้นวันหน้าผมไปเที่ยวบ้านคุณบ้างดีกว่า... ผมอยากรู้ว่าแม่คุณจะเรียกผมเหมือนที่แม่ผมเรียกหรือเปล่า”

    “น้องนนท์เนี่ยนะ ไม่มีทางหรอกย่ะ”

    “เปล่า เรียก ลูก ต่างหาก”

    “..................”

    -------------------------------

    จากคุณ : ดาริกามณี - [ 7 ธ.ค. 49 09:47:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom