ความคิดเห็นที่ 1
ตอนนั้นเองได้มีมือใหม่ ๒ - ๓ คนเดินเข้าประตูมา แอนนี่รีบหยิบของบางอย่างที่ดูคล้ายนาฬิกาข้อมือให้เฉินเฟิง แล้วบอกว่า พี่เฉิน อย่าลืมที่พี่รับปากว่าจะสอนฉันนะ ! บ่ายสี่โมงฉันถึงจะเลิกงาน ประมาณหนึ่งทุ่มฉันจะรอพี่อยู่ที่ประตูทางเข้าตำบลเริ่มต้นนะ ! ใช่ๆ ชื่อที่ฉันใช้เล่นคือ ตำหนักจันทราเทพ (เยฺว่เสินเตี้ยน) นาฬิกาข้อมือนี้ผู้เล่นทุกคนมีกันทั้งนั้น ใช้ติดต่อสื่อสารกันได้หลายๆ แบบ ฉันไปทำงานก่อนล่ะ
เธอชี้ไปที่ปากประตูหนึ่งแล้วพูดว่า อีกสักครู่พี่ไปที่ด้านหลัง ที่นั่นมีของที่ใช้สอนพื้นฐานบางอย่างของเกมอยู่ อีกอย่าง เจ้าหน้าที่ของระบบจะไม่สามารถใช้คุณสมบัติสนทนาลับได้ คืนนี้เราค่อยเจอกันนะ
เฉินเฟิงรับนาฬิกามา พูดตอบงงๆ ครับ เจอกันคืนนี้
แอนนี่ทิ้งเฉินเฟิงไว้ แล้วเข้าไปต้อนรับมือใหม่ ๒ - ๓ คนนั้น สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่อาคารเริ่มต้น ดิฉันชื่อแอนนี่ รับผิดชอบให้การต้อนรับที่นี่ ไม่ทราบว่าต้องการให้ดิฉันช่วยอะไรไหมคะ ?
เฉินเฟิงสวมนาฬิกา ดูแอนนี่ยิ้มรับแขกและตอบคำถามเดิมๆ เกี่ยวกับระบบที่เขาถามไปเมื่อครู่ให้แก่มือใหม่ ๒ - ๓ คนนั้น แล้วรู้สึกนับถืออีกฝ่ายเล็กน้อย ไม่รู้ว่าแต่ละวันเธอต้องพูดแบบนี้ซ้ำๆ กันกี่เที่ยวกันหนอ ?
หลังจากศึกษาอยู่ครู่ใหญ่ เฉินเฟิงก็รู้คุณสมบัติต่างๆ ของนาฬิกาในที่สุด หากมองหน้าจอดีๆ จะเห็นว่าบนนาฬิกามีตัวเลขบอกเวลาสองชุด หนึ่งในสองคือเวลาในโลกแห่งความเป็นจริง เนื่องจากเวลาห่างกันถึง ๖ เท่าตัว จึงมองดูเหมือนเวลาในโลกนอกเกมกำลังหยุดนิ่ง
นอกจากนี้เฉินเฟิงยังพบว่าบนหน้าจอมีช่องแจ้งข่าวอยู่ ๖ ช่อง คือ ช่องมวลชน ช่องอาชีพ ช่องอาณาจักร ช่องกลุ่ม ช่องเพื่อน และช่องสนทนาลับ เขาลองปรับไปที่ช่องอาชีพ ในสมองก็ปรากฏข้อความผุดขึ้นมามากมาย
เขาลองส่งข้อความสวัสดีทุกคน ก็มีคนสิบกว่าคนตอบกลับมาทันที ดูท่าทางในเวลาเดียวกันนี้ คนที่มีอาชีพผู้เริ่มต้นจะมีอยู่ไม่ใช่น้อย
ข้อความปรากฏในรูปแบบตัวอักษรโดยไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อความเคลื่อนไหวตามปกติของผู้เล่น ถือเป็นการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก
เฉินเฟิงเดินเข้าไปในประตูที่แอนนี่ชี้ ข้างในเป็นห้องขนาดเล็ก ซึ่งนอกจากประตูที่เชื่อมไปสู่ห้องอื่นแล้ว ก็มีแต่แผนที่ขนาดยักษ์
เฉินเฟิงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ บนแผนที่มีแผ่นดินอยู่สามแห่ง เกาะเล็กๆ ตรงมุมล่างซ้ายมีจุดสีฟ้าที่กำลังส่องแสง ข้างๆ มีตัวอักษรเล็กจิ๋ว เมื่อลองเพ่งดูดีๆ ก็พบว่าจุดนั้นคือจุดที่เฉินเฟิงกำลังยืนอยู่ในเวลานี้นั่นเอง
ชื่อของเกาะคือ เกาะเริ่มต้น ทั้งเกาะมีเมืองเพียงเมืองเดียว นอกจากนี้ยังมีถ้ำอีกสองแห่งที่พอจะมองเห็นได้ชัดเจนหน่อย ถ้ำแห่งหนึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะ ห่างจากจุดศูนย์กลางของตำบลเริ่มต้นโดยมีที่ราบสันเขาทองคำคั่นกลาง ชื่อของถ้ำคือ ถ้ำนักผจญภัย ถ้ำอีกแห่งหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ ห่างจากจุดศูนย์กลางของตำบลเริ่มต้นโดยมีทุ่งหญ้าหม่างคั่นกลาง ชื่อของถ้ำคือ ถ้ำผีดิบ
นอกนั้นก็มีป่าสนที่เฉินเฟิงเคยไปมาแล้ว ไกลออกไปทางตะวันตกมีเนินเขาอีกลูกหนึ่ง ข้างบนเขียนเอาไว้ว่าเนินเขาวายุจันทรา ทางตะวันออกสุดมีท่าเรือชื่อว่าท่าเรือเริ่มต้น
เฉินเฟิงพอจะเข้าใจตำแหน่งและลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่ของเกาะเริ่มต้นแล้ว ส่วนแผ่นดินส่วนอื่น รอจนใกล้จะไปจากเกาะเริ่มต้นแล้วค่อยมาสนใจก็ไม่สาย ! จากนั้นเมื่อเขาแวะไปที่ห้องต่างๆ ก็พบว่าแต่ละห้องจะแนะนำของหนึ่งอย่างไม่ซ้ำกัน มีอาวุธชนิดต่างๆ วิธีใช้เครื่องมือป้องกันตัว วิธีการใช้ม้วนคาถา การบริการที่เมืองต่างๆ มีให้ เป็นต้น ที่ค่อนข้างพิเศษคือ ไอเท็ม (item : ของ) บางชนิด ต้องใส่ไว้ในที่เฉพาะจึงจะสามารถใช้งานได้
ตัวอย่างเช่น วิธีใช้ยาฟื้นพลัง ต้องใส่ไว้ในชุดเกราะจึงจะสามารถใช้งานได้ ส่วนม้วนคาถาต้องใส่ไว้ในปลอกแขน แถมยังจำกัดจำนวนชิ้นที่จะใส่ลงไป ดังนั้นพื้นที่ว่างสำหรับใส่ไอเท็มของเครื่องป้องกันทั้งหลายจึงมีความสำคัญมาก
หากไม่มีพื้นที่ว่างมากพอ การใช้ยาฟื้นพลังก็ต้องใช้โดยวิธีดื่ม แน่นอนว่าถ้าในระหว่างต่อสู้ยังต้องมาคอยควานหาไอเท็มละก็ ผลลัพธ์คงอนาถสุดคาดคิดแน่ๆ !
เฉินเฟิงศึกษาอยู่เป็นนาน ก็ยังหาวิธีที่จะใส่ไอเท็มไว้ในเกราะของตัวเองไม่ได้ เป็นไปได้ว่าเกราะของเขายังไม่ได้ทำการเปิดผนึก จึงยังเปล่งประสิทธิภาพได้ไม่หมด แต่ตอนที่รับคำแนะนำแอนนี่ก็บอกไว้แล้วว่า การจะเปิดผนึกต้องใช้เงิน ดูท่าเขาคงต้องไปธนาคารก่อนสักรอบ แล้วค่อยไปร้านเปิดผนึกเพื่อเอาไอเท็มไปเปิดผนึก
เฉินเฟิงออกจากอาคารเริ่มต้น ใช้เวลาไม่มากนักก็หาธนาคารที่อยู่ในโรงแรมพบ ความจริงป้ายของจุดให้บริการทุกจุดนั้นใหญ่มาก การจะหาร้านไหนสักร้านจึงไม่ได้ยากเย็นอะไร
ธนาคารเป็นตึกสีขาวขุ่น ดูโอ่อ่าไม่เบาทีเดียว ในเมื่อถึงยังไงจะทำอะไรก็ต้องใช้เงินอยู่แล้ว เฉินเฟิงจึงเข้าไปในธนาคารโดยไม่เสียเวลาคิด
เหมือนกลับไปสู่โลกปัจจุบันอย่างกะทันหัน เคานเตอร์สะอาดเอี่ยมเป็นระเบียบ เครื่องตรวจบาร์โค้ด โต๊ะสำหรับติดต่อสอบถาม ยาม มันธนาคารในโลกปัจจุบันชัดๆ !
ชายวัยกลางคนแผ่นหลังตั้งตรงสวมชุดสูทเดินเข้ามาต้อนรับทันที
สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับ ผมชื่อชาลี รับผิดชอบให้การต้อนรับที่นี่ ไม่ทราบมีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ ?
หลังจากที่ได้เจอแอนนี่ เฉินเฟิงก็เริ่มจะชินกับพนักงานต้อนรับที่เป็นคนจริงๆ จึงพูดอย่างโอ่อ่าผ่าเผยว่า สวัสดีครับ ผมจะมารับกระเป๋าเงินและทำการ์ด รายการบริการพวกนี้เฉินเฟิงเห็นมาจากในอาคารเริ่มต้น ชาลีเชิญเฉินเฟิงไปนั่งรอในห้องสำหรับแขกที่ด้านข้างทันที
ได้นั่งบนโซฟาแสนสบาย ดื่มไวน์แดงที่ชาลีนำมาให้ ทำให้เฉินเฟิงอดเปรียบเทียบในนี้กับข้างนอกไม่ได้ เทียบกับธนาคารในโลกแห่งความจริงแล้ว ที่นี่บริการดีกว่ามากๆ มิน่าเล่าถึงได้มีลูกค้าถึงหนึ่งล้านคน
ไม่ต้องรอนานนัก เฉินเฟิงก็ได้รับสิ่งของที่ต้องการ
กระเป๋าเงินเป็นของฟรี แถมไม่ต้องกลัวว่าจะตกหาย แต่ข้างในสามารถเก็บเหรียญเงินและเหรียญทองรวมกันได้เพียง ๑๐,๐๐๐ เหรียญ หากเกิดพลาดท่าตายไป จะถูกหักเงินข้างในไปครึ่งหนึ่งโดยอัตโนมัติ หากจำนวนเงินมากเกิน ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ก็สามารถใช้ให้ระบบโอนบัญชีให้โดยอัตโนมัติได้ แต่ก็จะถูกหักค่าธรรมเนียม ๑๐%
นอกจากนี้ถ้าไม่คิดจะถูกหักค่าธรรมเนียม ก็สามารถนำมาฝากที่ธนาคารด้วยตัวเองได้ หรือแลกเป็นเหรียญทอง เงินส่วนใหญ่ที่ไหลเวียนเป็นเหรียญเงิน แต่เพราะกระเป๋าจำกัดใส่ได้เพียง ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ดังนั้นผู้เล่นจึงมักพกเหรียญทองติดตัวบ้างเหมือนกัน
เนื่องจากการตายจะทำให้ถูกหักเงินในกระเป๋าเงินไปครึ่งหนึ่ง ดังนั้นธนาคารจึงเสนอให้ใช้การ์ดแบบที่เฉินเฟิงเพิ่งทำไปเมื่อครู่ การ์ดก็ถือเป็นไอเท็มถาวร ถึงจะตายก็ไม่หายไป ประโยชน์ของมันคือสามารถโอนเงินจากในบัญชีมายังกระเป๋าเงินได้โดยไม่ต้องไปที่ธนาคาร การโอนเงินแต่ละครั้งจะเก็บค่าธรรมเนียมเพียง ๕๐ เหรียญเงิน
แต่ราคาการ์ดนี้ก็ไม่ถูกเลย ต้องจ่ายถึง ๕,๐๐๐ เหรียญเงิน เพื่อความสะดวกในภายหน้าและเผื่อว่าตัวเองพลาดพลั้งกลับบ้านเก่าไปจะได้สูญเสียไม่มากนัก ครั้งนี้นับว่าเฉินเฟิงทุ่มทุนมากเอาการจริงๆ
เฉินเฟิงพกเหรียญทอง ๑๐๐ เหรียญ เหรียญเงิน ๕,๐๐๐ เหรียญ กระเป๋าตุงๆ แบบนี้น่าปลื้มชะมัด ! ออกจากธนาคาร เฉินเฟิงก็หาร้านเปิดผนึกจนพบ ในร้านมีบริการเปิดผนึกและขายม้วนคาถาเปิดผนึก ม้วนคาถาแต่ละม้วนขายในราคา ๑๐ เหรียญเงิน แต่พนักงานบอกว่า ม้วนคาถาแบบนี้ทำได้อย่างมากก็แค่เปิดผนึกให้อาวุธและเครื่องป้องกันชั้นสูงเท่านั้น หากระดับสูงเกินกว่าชั้นสูง ก็มีแต่ต้องไปหาผู้เปิดผนึกที่ได้อาชีพเปิดผนึก นอกจากนี้ถ้านำมาเปิดผนึกที่ร้าน จะเก็บค่าเปิดผนึกชิ้นละ ๘ เหรียญ
เถ้าแก่อธิบายว่าในโลกของเกมราชาแห่งราชัน อาวุธและเครื่องป้องกันแบ่งเป็น ๑๐ ระดับ คือ พื้นฐาน ระดับที่ ๑ , ชั้นต้น ระดับที่ ๒ - ๓ , ชั้นกลาง ระดับที่ ๔ - ๕ , ชั้นสูง ระดับที่ ๖ - ๗ , ไอเท็มชั้นเลิศ ระดับที่ ๘ - ๙ ไอเท็มในฝันซึ่งเป็นระดับสูงสุดจะอยู่ระดับที่ ๑๐ ทั้งหมด
การใช้หรือสวมอาวุธและเครื่องป้องกันจะไม่มีการแบ่งระดับ ผู้เล่นสามารถใช้หรือสวมไอเท็มได้ทุกระดับ แต่หากระดับของตัวเองไม่สูงพอ ถึงจะใช้หรือสวมไอเท็มได้ ก็อาจจะไม่สามารถเปล่งประสิทธิภาพของไอเท็มออกมาอย่างเต็มที่ได้
ผู้เล่นจะสามารถเปล่งประสิทธิภาพของไอเท็มที่ระดับตรงกับเลขหลักสิบของระดับของตัวเองได้อย่างเต็มที่ นั่นคือ ระดับของผู้เล่น ๑๐ ระดับเท่ากับระดับของไอเท็มอาวุธและเครื่องป้องกัน ๑ ระดับ เช่น ผู้เล่นระดับ ๑๐ - ๑๙ จะสามารถเปล่งประสิทธิภาพของไอเท็มพื้นฐาน ระดับที่ ๑ ได้เต็มที่ , ผู้เล่นระดับ ๒๐ - ๒๙ จะสามารถเปล่งประสิทธิภาพของไอเท็มชั้นต้น ระดับที่ ๒ ได้เต็มที่ , ผู้เล่นระดับที่ ๓๐ - ๓๙ จะสามารถเปล่งประสิทธิภาพของไอเท็มชั้นต้น ระดับที่ ๓ ได้เต็มที่ อย่างนี้เป็นต้น และมีไอเท็มบางชิ้นที่จำกัดอาชีพบางอาชีพเท่านั้นที่จะใช้หรือสวมได้
เฉินเฟิงเอาไอเท็ม (ของ) ที่ได้มาทั้งหมดออกมาเปิดผนึก พอเปิดผนึกเสร็จ ก็ดีใจจนยิ้มแป้นปากหุบไม่ลง ชุดเกราะหนัง เป็นชุดเกราะชั้นสูง ระดับที่ ๖ พลังป้องกันสูงถึง ๕,๐๐๐ จุด แค่ชุดเกราะชุดนี้ ราคาในตลาดมืดก็สูงถึงหลายพันเหรียญทองแล้ว เพราะชุดเกราะชั้นสูงใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ มีแต่สัตว์อสูรชั้นราชาเท่านั้นที่จะระเบิดออกมาให้ แถมโอกาสมีเพียง ๑ ใน ๑๐,๐๐๐
ปลอกแขนหนึ่งอันสามารถใส่ม้วนคาถาได้ ๕๐ ม้วน ในม้วนคาถา ๓๐ กว่าม้วนนั้น มีอยู่ ๒๐ ม้วนเป็นม้วนคาถาธาตุ ม้วนคาถาธาตุสามารถลดพลังโจมตีของสัตว์อสูรสังกัดธาตุเดียวกันได้ ๕๐% แต่ละม้วนมีฤทธิ์อยู่ได้นาน ๒ ชั่วโมง
ม้วนคาถาที่เฉินเฟิงได้มามีม้วนคาถาธาตุความมืดและม้วนคาถาธาตุพิษ นี่ถือเป็นของวิเศษสำหรับการฝึกวิชาเลื่อนระดับเลยทีเดียว ! นอกนั้นก็มีม้วนคาถาคืนชีพ ๖ ม้วน ม้วนคาถากลับบ้าน เมือง ทั้งหมด ๑๐ ม้วน
อัญมณีและก้อนโลหะไม่จำเป็นต้องเปิดผนึก แต่ต้องรอจนมีความสามารถที่เกี่ยวข้อง จึงจะสามารถแยกประเภทของมันได้
หน้าไม้เหล็กกล้าเป็นอาวุธชั้นกลาง ระดับที่ ๔ มีราคาประมาณ ๕,๐๐๐ - ๖,๐๐๐ เหรียญเงิน ที่เหลือซึ่งเป็นดาบสั้นนั้นด้อยกว่ามาก อย่างมากก็เป็นแค่อาวุธชั้นกลางหรือชั้นต่ำระดับที่ ๒ - ๔ แต่ละเล่มมีมูลค่า ๑,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ เหรียญเงินแตกต่างกันไป แต่ถ้าขายให้ร้านขายอาวุธโดยตรง จะได้ราคาแค่ ๕๐๐ - ๑,๐๐๐ เหรียญเท่านั้น
ที่คิดไม่ถึงคือ กระเป๋าเป้ก็ต้องเปิดผนึกด้วย หลังจากเปิดผนึกแล้วค่อยพบว่าเป็นเป้ชั้นสูงที่สามารถจุไอเท็มได้ถึง ๕,๐๐๐ ชิ้น แถมมีชื่อเสียด้วย ชื่อว่า เป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้ เป็นของที่หาซื้อไม่ได้ ราคาในตลาดมืดสูงถึงเกือบ ๓,๐๐๐ เหรียญทอง จัดเป็นไอเท็มถาวรและเป็นไอเท็มที่อัตราแย่งชิงดุเดือดมาก
สุดท้ายดาบโกมุทและสร้อยคอต่างก็ไม่สามารถเปิดผนึกได้ แหวนก็เปิดผนึกได้เพียง ๔ วง แสดงว่าอย่างน้อยของเหล่านี้ต้องเป็นของชั้นเลิศขึ้นไป แต่เพราะตอนนี้ไม่สามารถจะเปิดผนึกได้ ดังนั้นจึงไม่ต่างอะไรกับขยะ เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก
ในแหวน ๔ วง มีอยู่ ๒ วงเป็นแหวนป้องกันพิษ สามารถลดทอนพลังโจมตีด้วยพิษได้ ๑๕% อีกสองวงเป็นแหวนป้องกันความมืด สามารถลดทอนอำนาจทำลายของเวทมนตร์ความมืดได้ ๑๕% ต่างก็เป็นเครื่องป้องกันชั้นกลาง
เถ้าแก่ของร้านเปิดผนึกชื่อว่าจิม จิมแนะนำให้เฉินเฟิงเอาไอเท็มที่เปิดผนึกไม่ได้ไปฝากไว้ที่คลังเก็บไอเท็ม และบอกว่าไม่ว่าจะเป็นของชั้นเลิศชิ้นไหน ราคาก็สูงกว่า ๑๐,๐๐๐ เหรียญทองทั้งนั้น ถ้าเฉินเฟิงเกิดพลาดพลั้งกลับบ้านเก่าขึ้นมาแล้วทำหายไปสักอย่างคงได้ร้องไห้ตายแน่
ผู้เปิดผนึกต้องมีความสามารถในการเปิดผนึกในระดับเดียวกับของที่จะเปิดผนึกขึ้นไป จึงจะสามารถเปิดผนึกของชั้นเลิศได้ ปัจจุบันในเกมมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
จิมยังแอบกระซิบว่า ขอแค่ซ่อนพลังธาตุไว้ รอจนแต้มคุณธรรมเต็มหมดแล้ว ก็จะไม่สูญเสียเครื่องป้องกันชิ้นใดทั้งสิ้น และจำนวนแต้มคุณธรรมก็สามารถไปดูได้ที่วิหารเทพ
หลังจากเฉินเฟิงซื้อม้วนคาถาเปิดผนึกจากจิมรวดเดียว ๓๐ ม้วนแล้ว ก็สรุปค่าใช้จ่ายว่าใช้ไปทั้งหมด ๗๙๖ เหรียญเงิน จากนั้นก็เก็บสมบัติมุ่งหน้าไปหาพนักงานดูแลคลังเก็บไอเท็ม
<>::<>::<>::<>::<>::<>
จากคุณ :
Linmou
- [
9 ธ.ค. 49 10:33:23
]
|
|
|