ภายในโรงยิมเงียบสงบ อาจเพราะตอนนี้บรรดาเพี่อนร่วมทีม และโค้ช ต่างกำลังสนุกอยู่กับงานเลี้ยงฉลอง จึงทำให้บริเวณนี้ไร้ผู้คน ดวงอาทิตย์ยามเย็น สาดแสงสีส้มอ่อนเป็นทางมาจากช่องหน้าต่าง เขาผลักประตูโรงยิมออก พร้อมกับก้าวเดินช้า ๆ เข้าไปด้านใน กลิ่นความเก่าของสถานที่ลอยอวนในความรู้สึก ความทรงจำในวันเก่าสาดซัดเข้ามาในความทรงจำราวกับสายฝนที่ตกกระหน่ำ มาตั้งแต่ช่วงบ่ายและหยุดลงเมื่อยามเย็น เหมือนจะต้อนรับเขาที่เดินผ่านกำแพงแห่งความรวดร้าวเข้ามา
เขาหยุดอยู่ที่หน้าบาร์เดี่ยว ยกมือขึ้นลูบไล้มันด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจจะบรรยายได้ สีจาง ๆ ของมันบ่งบอกสภาพของการใช้งานเป็นอย่างดี เบาะรองด้านล่างที่ควรจะเป็นสีฟ้ากลับซีดจางไปตามเวลาบวกกับการใช้งาน และมันก็เป็นเบาะอันเดิมที่เขาและเพื่อน ๆ ในทีมล่วงลงมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในแต่ละวันที่ขึ้นซ้อม
ถัดไปอีกสักหน่อยเป็นบาร์ต่างระดับ ไกลออกไปคือ บาร์คู่ ม้ากระโดด และห่วงคู่ อุปกรณ์ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เขาเคยจับต้องมาแล้วทั้งนั้น เรียกว่าทั้งเล่นทั้งจับ จนบางทีคิดว่าถ้ามันเป็นดินน้ำมัน มันก็คงเปลี่ยนรูปร่างไปทุกวันแล้ว แต่พวกมันไม่ใช่ ต่อให้จับแน่น หรือกำจนมือเจ็บ พวกมันก็ไม่สามารถกลายสภาพได้ สิ่งเดียวที่จะเจ็บได้ก็คือ ร่างกายของเรา ทั้งเจ็บตัวและเจ็บใจไปพร้อม ๆ กัน
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเราหยุดที่จะเล่นมัน เมื่อมีความผิดผลาดเกิดขึ้น เราก็จะกลับไปซ้อมให้หนักยิ่ง ถึงแม้ว่าจะตกลงมาสักกี่ครั้งก็ต้องกลับขึ้นไปเล่นใหม่ทุกครั้ง หมุนวันเป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยมา เพียงเพื่อจุดมุ่งหมายที่เราทุกคนในทีมฝันไว้ และนั่นก็เป็นฝันที่เขาฝันไว้เช่นเดียวกัน
สำหรับเขาแล้ว การตกลงมาจากบาร์คู่ บาร์เดี่ยว หรือพลาดตกจากอุปกรณ์อื่น ๆ นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะสิ่งสำคัญสำหรับเขาแล้ว คือการตกลงมาแล้ว ต้องจดจำไว้ว่าเขาพลาดตรงไหนและในครั้งต่อไปที่ขึ้นไปต้องพยายามให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ การรักษาร่างกายเอาไว้ไม่ให้เจ็บจนไม่สามารถเล่นอุปกรณ์ได้อีก เพราะฉะนั้นการตกในแต่ละครั้งย่อมหมายถึงอันตรายที่อาจจะได้รับด้วย การพลาดจึงถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับนักกีฬายิมนาสติกเช่นเขาและทีม
มิน ยองฮุก นายมาทำอะไรอยู่ที่นี่ เขาหันไปตามเสียงเรียก ก่อนเปิดยิ้มขื่น ๆ ที่มุมปาก พวกนั้นอยู่ที่งานกันหมด นายมาทำอะไรที่ยิมคนเดียว คนถามเดินเข้ามาตบไหล่เขาเบา ๆ สีหน้าแสดงความแปลกใจนั้นทำให้ คนโดนถามอดไม่ได้ที่จะตอบไปว่า
ก็แค่อยากอยู่คนเดียว มิน ยองฮุก ตอบเพื่อนร่วมทีมรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนที่ยืนอยู่ด้วยชัดเจน
นายยังไม่ลืมเรื่องนั้นอีกเหรอ ซุน แตวา เอ่ยปากถามรุ่นน้องร่วมทีมโดยสายตายังคงไม่คลาดไปจากบาร์เดี่ยวที่ รุ่นน้องยืนลูบคลำอยู่
มินยองฮุก เงยหน้าขึ้นมองสบตารุ่นพี่ที่หันมามองเขาทันที ที่ถามจบ เขายักไหล่เบา ๆ ก่อนบอกคนที่ยืนอยู่ด้วยน้ำเสียงท้อแท้ว่า
ถ้าเป็นนาย นายคงไม่ลืมง่าย ๆ หรอก
คนเรามันพลาดกันได้ ยองฮุก ขืนนายคิดมากอย่างนี้ มันจะไม่ดีกับทีมเรานะ อย่าลืมว่าทุกคนห่วงนายกันทั้งนั้น ซุนแตวาตบบ่ารุ่นน้องเบา ๆ เหมือนให้กำลังใจ ก่อนจะถอนหายใจอีกรอบ หันมาบอกพร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจว่า เอาล่ะ ถ้านายอยากอยู่ที่นี่สักพักก็โอเค แต่ต้องรีบตามไปนะ งานกำลังจะเริ่มแล้ว
ทันทีที่พูดจบ ซุนแตวาก็เดินจากไป ทิ้งให้รุ่นน้องร่วมทีมยืนมองบาร์เดี่ยวที่เขายืนอยู่ตรงนั้นมานานเกือบครึ่งชั่วโมง อาทิตย์ใกล้จะลับฟ้าแล้ว แสงสว่างเริ่มเหลือเพียงสลัวลาง แต่เขายังอยากที่จะยืนอยู่ตรงนี้
จากคุณ :
เปียร์รุส
- [
12 ธ.ค. 49 22:47:09
]