ตอนที่ 1 กลางฤดูใบไม้ร่วง : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4909385/W4909385.html
ตอนที่ 2 สัปดาห์ถัดมา : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4929850/W4929850.html
---------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 3 ก่อนถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง
แปดโมงครึ่ง... มาถึงห้องเป็นคนแรกอีกตามเคย และมีเวลาเหลืออยู่อีกสิบห้านาทีก่อนวิชา Legal Research and Writing จะเริ่ม คงพอมีเวลาให้งีบได้อีกสักห้านาที...
อัญญาวางเคสบุ๊กกับหนังสือเกี่ยวกับระบบกฎหมายของสหรัฐอเมริกาเล่มหนาซ้อนกันบนโต๊ะสำหรับหนุนต่างหมอน... กว่าจะเขียนรายงานวิชาสัมมนากฎหมายละเมิดที่จะต้องส่งวันนี้เสร็จก็ปาเข้าไปตีหนึ่งครึ่งแล้ว
ที่จริงเธอทำรายงานเสร็จตั้งแต่คืนวันเสาร์ และผลของการทำรายงานจนดึกดื่น ก็ทำให้เธอตื่นขึ้นมาตอนเกือบสิบเอ็ดโมงของวันอาทิตย์ แต่ด้วยความรู้สึกว่า รายงานชิ้นแรกที่ทำไปมีปัญหาเกี่ยวกับการเรียงประโยคอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ Choppy sentence ที่ทั้งย่อหน้ามีอยู่ประโยคเดียว กับ Run-on sentence ซึ่งเป็นประโยคที่ยาวเกินไป ทำให้ในช่วงบ่าย เธอต้องเอารายงานออกมาดูใหม่ แก้แล้ว แก้อีก
ที่สำคัญกว่านั้น คือ การตรวจสอบว่า เขียนเลขที่คดี หรือ Case citation ถูกหรือไม่ เพราะหัวข้อที่เธอทำ คือ การสรุปพัฒนาการของหลักพิจารณาความเสียหายต่อจิตใจ (Emotional Distress) และเปรียบเทียบหลักพิจารณาของศาลในสหรัฐอเมริกาในแต่ละรัฐ ซึ่งคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เฉพาะแค่คดีเด่น ๆ ที่อาจารย์กำหนดให้ก็มีตั้งเก้าคดีเข้าไปแล้ว แล้วคำพิพากษาของแต่ละคดีก็มีความยาวตั้งแต่ 5-20 หน้า แล้วแต่ความซับซ้อน และประเด็นในคดี
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังต้องดูว่ามีเชิงอรรถอ้างอิงตกหล่นตรงไหนไปอีกบ้าง เนื่องจากสำหรับการเขียนงานเชิงวิชาการแล้ว การนำผลงานผู้อื่นมาใช้โดยไม่อ้างแหล่งที่มา หรือ Plagiarism เป็นเรื่องที่ร้ายแรงเอาการ หากถูกตรวจสอบพบภายหลังว่าไม่อ้างอิงถึงที่มาที่ไปของข้อความที่ยกมา ผลงานชิ้นนั้นก็จะถูกปรับตกทันที และอาจมีผลกระทบไปถึงสถานภาพนักศึกษาด้วย
พอตอนเย็น ทำอาหารกินเสร็จ อาบน้ำแต่งตัว แล้วมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ซึ่งเอามาจากตู้หน้าห้องสมุดกฎหมายโดยที่มหาวิทยาลัยมีโครงการแจกให้นักศึกษาอ่านฟรีมาตั้งแต่วันศุกร์ได้สักพัก ก็นึกถึงรายงานขึ้นมาอีกหน แล้วก็ต้องลุกไปทบทวนอีกที
มารู้ตัวอีกที เข็มนาฬิกาก็เลยเข้าวันใหม่แล้ว...
เธอนึกแล้วก็ได้แต่ถอนใจ... นอกจากได้นอนน้อยแล้ว ชีวิตนักเรียนกฎหมายในอเมริกาของเธอ ก็ชักจะใกล้เคียงกับพระเข้าไปทุกทีแล้ว... ข้าวที่เคยกินสามมื้อที่เมืองไทย ตอนนี้ลดเหลือวันละสองมื้อ จะไม่เหมือนพระก็ตรงที่เธอได้กินข้าวตอนสาย ๆ กับตอนเย็น... Brunch กับ Dinner แค่นั้นเอง หนัก ๆ เข้าบางวันก็เหลือแค่ข้าวกลางวันมื้อเดียว เพราะต้องทำรายงาน อ่านหนังสือที่อาจารย์แนะนำให้อ่านกองเป็นภูเขาให้ทัน แถมบางที กินไปอ่านไปเสียจนไม่รู้รสอาหาร รู้แต่ว่าได้กินแล้วเท่านั้น
ที่จริง เธอควรจะหลับตั้งแต่วินาทีที่หัวถึงหมอนตอนตีหนึ่งครึ่ง แต่เอาเข้าจริง ๆ กว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็อีกชั่วโมงถัดมานั่นแหละ
วันจันทร์กับพุธเป็นวันที่ทุกคนในโปรแกรมปริญญาโทต้องเข้าเรียนวิชา วิชา Legal Research and Writing เสียด้วย ซึ่งหมายความว่า ไม่มีทางที่เธอจะหลบหน้าไฮน์ริคได้ เหมือนอย่างที่เธอทำเมื่ออาทิตย์ก่อน หลังจากวันที่เขา พูดแปลก ๆ กับเธอในวันที่ไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน
พรุ่งนี้วันจันทร์แล้วนี่นา... คิดแล้วก็เกิดกังวลถึงวันรุ่งขึ้นขึ้นมาทันที... ไม่อยากเจอหน้าเขาเลย
ทั้งที่เธอบอกตัวเองมาตลอดว่า การหนีปัญหาไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมา... ก็มีเขาคนนี้นี่แหละ ที่ทำให้เธอรู้สึกว่า ไม่อยากพบหน้า ไม่อยากให้เขามากวนใจ ไม่อยากได้ยินคำพูดแบบที่เขาพูดกับเธอในวันนั้น ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการหนีปัญหาที่ตัวเองเจออยู่เลยสักนิด
ถึงคำพูดและการกระทำหลายอย่างจะบอกว่า เขาคงจะสนใจเธอเข้าจริง ๆ เสียแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยบอกออกมาตรง ๆ ว่า ชอบเธอ แล้วจะให้เธอพูดกับเขาว่า ฉันไม่เคยชอบคุณเกินเพื่อน กับเขาไปอย่างนั้นหรือ... และถ้าเกิดเธอมองผิดไป กลายเป็นว่า เขาไม่เคยคิดอะไรกับเธอ แล้วเธอจะทำยังไง
ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีใครมาทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในความคิดและการตัดสินใจของตัวเองอย่างนี้มาก่อน
อีตากะหล่ำปลีดองบ้า... เธอพึมพำเป็นภาษาไทย
ว่าไงนะครับ
เสียงลึก ๆ แบบพูดออกมาจากลำคอที่แสนจะคุ้นหูที่ได้ยินอยู่ใกล้ ๆ ตัว ทำเอาอัญญาสะดุ้งเฮือก ตาสว่างขึ้นมาทันที ยืดตัวขึ้นนั่งพิงพนักเก้าอี้ หันไปมองเจ้าของคำพูดซึ่งปกติแล้วไม่เคยมาถึงห้องเรียนก่อนเวลาเลยแม้แต่หนเดียว
ไม่ทันที่เธอจะได้คิดทำอะไรต่อไป เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ แล้วก็ยิ้มให้แบบคนกำลังง่วงเต็มที่พอกัน
ผมอยากนอนหลับสักงีบอย่างที่คุณทำอยู่เมื่อกี้เหมือนกัน เขาว่า เมื่อคืน ผมนอนไม่หลับ
เหรอคะ เธออดนึกระแวงคำพูดที่จะตามมาหลังจากนั้นไม่ได้...
ถึงอยากจะหนีไปให้พ้น ๆ แต่ก็หมดทางหนีเสียแล้ว เพราะคนตัวสูง ขายาวที่ยึดเก้าอี้ข้าง ๆ เธออยู่ตอนนี้เล่นนั่งบล็อกทางเข้าออกของเธอไว้หมดแล้ว จะปีนโต๊ะเล็กเชอร์ออกไปก็คงจะน่าเกลียดพิลึก
ครับ เป็นแบบนี้มาตั้งหลายวันแล้ว ไม่รู้ทำไม... แต่พอมาถึงห้องเรียนทีไร กลับรู้สึกง่วงขึ้นมาทุกที เขายกมือขึ้นขยี้ตา และยิ้มขัน ๆ ถ้าคืนนี้ยังนอนไม่หลับอีกละก็ ผมจะขออนุญาตโปรเฟสเซอร์เว็บสเตอร์มานอนห้องนี้ซะเลย
ท่าทีและคำตอบของเขาทำให้เธอโล่งใจขึ้น และค่อยยิ้มตอบเขาออกมาได้บ้าง... แม้ลึก ๆ แล้วก็ยังอึดอัดใจกับการจะต้องอยู่กับเขาสองคนแบบนี้อยู่ดี
เอาตำราเรียนมาอ่านก่อนนอนสิคะ เธอว่า
ไม่เอาล่ะครับ... ตำราเรียนแต่ละเล่มหนัก ๆ ทั้งนั้น นอนอ่านบนเตียงไม่ได้ เขาหัวเราะ ผมอ่านหนังสือก่อนนอนทุกคืนอยู่แล้ว แล้วตอนนี้ ผมอ่านหนังสือที่ผมเอามาจากบ้านหมดแล้วล่ะ
ฉันเห็นในห้องสมุดล็อกวู้ดมีหนังสือภาษาเยอรมันเยอะแยะเลย คุณก็ยืมมาอ่านสิคะ
ที่รู้ว่ามีก็เพราะไปเจอโดยบังเอิญหรอก เพราะชั้นหนังสือภาษาเยอรมันอยู่ติดกับชั้นหนังสือที่เธอไปค้นนิยายที่อยากอ่านเท่านั้นเอง...
เขาส่ายหน้า ผมไม่ได้มาเรียนที่อเมริกาเพื่อที่จะอ่านแต่เรื่องที่ผมรู้อยู่แล้วนี่...
(มีต่อนะคะ)
แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 49 11:13:50
จากคุณ :
ปิยะรักษ์
- [
17 ธ.ค. 49 10:25:17
]