Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    Psycho Zone..........(เมืองร้าง 1..เล่า - เหล้า)

    ตอนที่แล้ว
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4940345/W4940345.html

    +++++++

    เมืองร้าง……1  เรื่องเล่า….เหล้า

    หลังสงครามมีผู้คนรอดชีวิตไม่มากนักระเบิดมรณะที่พัฒนามาจากระเบิดนิวตรอนมีผลค่อร่างกายและจิตใจของผู้คนซึ่งรอดตาย แบบไม่มีใครคาดถึง ทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีขิวิตและความป็นอยู่ที่ผิดแผกแตกต่างจากสภาพเดิมที่พวกเราคุ้นเคยย่างสิ้นเชิง  

    ส่วนผมกลายเป็นคนติดเหล้าขนาดหนัก

    +++++++++++

    เทียนหลายเล่มบนโต๊ะสว่างวับแวม ให้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง ผมนึกถึงแสงสว่างเย็นชาจากไฟฟ้า แต่มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว โรงไฟฟ้าปิดตัวเองลงไปเมื่อหลายเดือนก่อน เดาเอาว่าระบบทำงานอัตโนมัติคงขัดข้องอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่ได้เดือดร้อนมากมายนัก เพราะสามารถหาเทียนหรือกระทั่งไฟฉายจากห้างสรรพสินค้าซึ่งมีเกลื่อนเมือง

    อาหารบนโต๊ะก็เช่นกัน ถึงจะเป็นอาหารกระป๋อง แต่รสชาติของมันก็ไม่เลวเลย เรามีอาหารพอเพียงที่จะกินกันตายไปจนถึงชาติหน้า ถึงไม่พบผู้คนที่รอดชีวิตแต่ผมมั่นใจว่า ต้องมีผู้รอดจากสงครามอยู่ในเมืองนี้หลายคน เพียงแต่พวกเขาอาจตื่นตระหนก และหวาดกลัวเกินกว่าจะออกมาสู่สังคมภายนอก

    ภรรยาของผมวันนี้เธอดูสวยและสดชื่นเป็นพิเศษ เพราะว่าเป็นวันคล้ายวันเกิดของเธอ เราเจอกันหลังสงครามผ่านไปไม่นาน จะเรียกว่ารักแรกพบก็ว่าได้ และในสถานการณ์แบบนี้พวกเราไม่มีโอกาสเลือกหรือดูใจกันนานนัก

    ผมรินเหล้าราคาแพงลงแก้วเจียรนัยหรู  ยกขึ้นจิบอย่างใจเย็น ของดีๆแบบนี้ก่อนสงครามผมไม่เคยแม้แต่จะเคยคิดเคยฝัน จะได้ลิ้มลอง ราคามันแพงระยิบ แต่ตอนนี้เพียงแต่ทุบกระจกหน้าร้านค้าสักแห่ง ก็พอจะค้นหามาได้แล้ว

    “สุขสันต์วันเกิด…ที่รัก”

    ผมยกแก้วดื่ม อวยพรให้เธอด้วยเสียงนุ่มนวลเป็นพิเศษ  เธอยิ้มรับด้วยประกายตาสดใส แต่ยังรีๆรอๆ ที่จะยกแก้วไวน์ชั้นดีขึ้นดื่ม ผู้หญิงบางคนไม่ค่อยถูกกับเหล้ายาปลาปิ้งนัก

    “คุณอย่าดื่มมากนักนะคะ”

    เธอเอ่ยอย่างเป็นห่วง ที่จริงก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกันเพราะผมดื่มเหล้าทุกวัน จะเรียกว่าเช้ายันเย็นก็ว่าได้ มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปเสียแล้ว แต่ผมก็ระมัดระวังไม่ไห้มันมากเกินไป แม้ว่าจะมีเหล้าดีๆ อยู่เกลื่อนเมืองก็ตาม

    “วางใจที่รัก….” ผมปลอบใจให้เธอคลายกังวล

    “ผมระวังเรื่องการดื่มอยู่แล้ว  อยู่ในเมืองแบบนี้ถ้าไม่ดื่มบ้างก็คงอยู่ไม่ได้ใช่ไหม…ผมเพียงเสียใจที่เพื่อนหลายคนไม่ยอมมางานของเราเลย พวกเขาคงไม่พร้อม แต่ก็ไม่ว่ากัน สงครามทำให้คนเราประสาทเสียเอาง่ายๆ”

    ที่จริงผมโกหก

    เพราะผมไม่ได้เอ่ยปากชวนใครเลย อาจจะเป็นความขี้เกียจก็เป็นได้ คุณยายวัยเกือบเจ็ดสิบกว่า..เพื่อนบ้านซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงตึก ผมก็ไม่ได้ชวนเธอ ผมพยายามบอกตัวเองว่าเราต้องการอยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสอง ในวันพิเศษเข่นนี้ รวมทั้งเด็กหนุ่มซึ่งมีท่าทางตื่นกลัวอยู่ตลอดเวลา ผมไม่ได้พบเขามาหลายวันแล้ว แต่พอจะเดาได้ว่าเขาคงเก็บตัวอยู่ในห้องนอนอับทึบแทบตลอดเวลา ผลของระเบิดทำให้สมองของเขาผิดปกติ

    มองออกไปนอกหน้าต่าง  เห็นแต่ความมืดดำ เวลาในตอนนี้คงยังไม่ดึกมากนัก แต่เนื่องจากไฟฟ้าถูกตัดขาด ทำให้เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในความมืด ผมรู้สึกเหมือนจะเห็นแสงไฟกระพริบริบหรี่มาจากตึกสูงไกลออกไปจนเกิอบสุดถนน บางทีอาจเป็นพวกที่รอดชีวิต พรุ่งนี้ผมกะว่าจะลองไปสำรวจดู เผื่อเราจะได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมาบ้าง

    ผมจิบเหล้าอีกครั้ง เหล้าหลังสงครามมีรสนุ่มนวลเป็นพิเศษ เดาว่าผลของระเบิดมรณะคงจะมีผลต่อเหล้าทำให้มันรสดีเป็นพิเศษ น่าเสียดายที่ภรรยาผมไม่ชอบดื่มเหล้า ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับสุขภาพ เธอชอบฟังเพลงมากกว่า น่าเสียดายที่ไฟฟ้าไม่มี เราจึงฟังเพลงจากเครื่องเล่นดีวีดีรุ่นที่สามารถใช้ถ่านไฟฉายได้ ซึ่งมันให้เสียงไม่ค่อยไพเราะนัก เวลาเธอฟังเพลงดูสีหน้าท่าทางจะสงบเปี่ยมสุขเป็นพิเศษ แต่ผมกลับไม่ค่อยซาบซึ้งกับเพลงพวกนั้นมากนัก

    “คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกัน…”
    เธอเคยบอกอย่างนั้น ซึ่งผมก็เห็นด้วย  เหมือนที่เธอไม่ชอบดื่มเหล้านั่นล่ะ

    “คุณคิดว่านอกจากเรา แถวนี้จะมีใครรอดชีวิตอีกไหมคะ”

    เสียงของเธอทำให้ผมตื่นขึ้นจากการจมอยู่ในความคิดของตัวเอง สมัยก่อนสงครามผมนึกรำคาญผู้คนซึ่งมากมายแก่งแย่งกันในหลายรูปแบบอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัวและการงาน ทุกอย่างเหมือนเต็มไปด้วยความเร่งรีบ แต่ตอนนี้ผมกลับนึกถึงพวกเขา และชีวิตของพวกเขา…….

    “ผมว่ามีแน่นอน…ที่รัก”

    ผมตอบเธออย่างมั่นอกมั่นใจ เพราะเชื่อมั่นว่ามนุษย์ไม่มีทางหายไปจากโลกได้ง่ายๆ ความหวาดกลัว สิ้นหวัง จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาดิ้นรนหาทางรอด ด้วยวิธีการอย่างใสอย่างหนึ่ง

    “ดึกแล้ว เข้านอนได้แล้วค่ะ”

    เสียงของภรรยาดังขึ้นมาอีก ผมหันไปยิ้มให้เธอ ก่อนเดินตรงไปอุ้มเธอไปยังห้องนอน จูบริมฝีปากนุ่มๆก่อนกล่าวคำราตรีสวัสดิ์ แล้วห่มผ้าให้เธอด้วยเกรงว่าความหนาวเย็นของอากาศช่วงนี้จะทำให้เธอเจ็บป่วย

    ความง่วงทำให้ผมลืมจิบเหล้าอีกสักหน่อย ผมอยากตื่นขึ้นมาโดยที่ยังคงมีอาการเมามาย ถ้าคุณเป็นผม บางทีในสถานการณ์แบบนี้คุณเองคงอาจจะอยากเมาไปจนชั่วชีวิตก็เป็นได้

    ตืนนั้นผมฝันร้าย ก็ฝันร้ายเหมือนที่เคยฝันแทบทุกคืน จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ผมฝันเห็นผู้คนมากมายเดินไปตามถนน ทำภารกิจของตนเองอย่างที่ควรจะเป็น ผู้คนนั่งอยู่ตามรถประจำทาง ตามทางเท้า ในภัตราคารหรูหรา หลังแผงลอยซึ่งมีสินค้าราคาถูกวางหลากหลาย มันก็เหมือนสภาพที่คุณพบเห็นในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่เพียงใบหน้าของพวกเขาเหล่านั้นซีดขาว เย็นชาว่างเปล่า ไร้แววแห่งความมีชีวิต เป็นใบหน้าซึ่งควรนอนในโลงศพมากกว่า

    มันทำให้ขนลุกและเย็นยะเยือกไปทั่วไขสันหลัง ผู้คนเหล่านั้นเดินไปมา พูดคุยกันด้วยสีหน้าท่าทางของคนตายเดินดิน  มันเป็นความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงจนน่าสะพรึงกลัว จะมีแต่เพียงผมคนเดียวยืนหมุนไปมาอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางพวกเขาเหล่านั้น กลายเป็นความแปลกแยกเพียงหนึ่งเดียว….

    ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหงื่อชุ่มตัว ความฝันแบบนี้ซ้ำซากแทบทุกคืนจนแทบเกือบจะแน่ใจว่า ถ้ามองออกไปทางหน้าต่างในตอนนี้ จะพบผู้คนเหล่านั้นเดินไปมาตามถนน มันดูจริงจังเหลือเกิน

    อะไรบางอย่างซึ่งเกาะอยู่ในจิตใจ ทำให้ผมไม่กล้ามองออกไปทางหน้าต่าง หากหันไปดูภรรยาซึ่งนอนยังไม่ตื่น ผมก้มลงไปจูบ ปากริมฝีปาก..ที่จืดชืดและแข็งกระด้าง ผมใจหายวาบ ใบหน้าของเธอซีดขาว แววตาว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวาแบบเดียวกับพวกคนในความฝันไม่มีผิด!

    เธอตายแล้ว…ผมร้องเสียงลั่น แต่เสียงนั้นทำได้อย่างมากแค่ก้องไปมาในความรู้สึกนึกคิด  ความจริงเธอไม่น่าจะตายเพราะระเบิดนรกนั่นเลย ถ้าไม่เพียงแต่ช่วงเวลาหายนะ เธอจะลงมาค้นหาอุปกรณ์ในการซ่อมท่อน้ำประปาในห้องใต้ดินกับผม เธอก็คงไม่ตาย

    ใช่….. ถ้าผมดื่มเหล้าก่อนนอนสักหน่อย ให้อาการเมาค้างอยู่ในสมอง ตื่นขึ้นมาเธอก็จะไม่ตาย และมีชีวิต

    “รอผมก่อนที่รัก…อย่าเพิ่งจากผมไปแบบนี้”

    กระซิบด้วยเสียงสั่นเครือน้ำตาทำท่าจะไหล ผมหันไปคว้าขวดเหล้าบนโต๊ะเล็กๆในห้อง รินน้ำสีอำพันลงในแก้วด้วยมืออันสั่นเทาก่อนยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

    อย่างที่ผมเคยบอกนั่นล่ะครับ ผลของระเบิดนรกมีผลต่อระบบสมอง โดยเฉพาะสมองที่มีฤทธิ์เหล้าเข้าไปป้วนเปี้ยน มันทำให้เมา… เมา...ความเมาที่แปลกประหลาดจนเหลือเชื่อ ความเมาที่น่าจะเมาไปชั่วชีวิตกับใครบางคนหรือบางสถานการณ์

    พอได้ที่ ผมหันไปมองภรรยาอีกครั้ง เธอกำลังลุกขึ้นเก็บผ้าห่มให้เข้าที่เข้าทาง

    “ดื่มแต่เช้าอีกแล้วนะคะที่รัก”

    เสียงของเธอดูเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้ในยามตื่นนอนใบหน้าเธอยังคงดูสดชื่น และมีชีวิตชีวา จนแทบอดใจไม่ได้ ที่จะเข้าไปกอดให้แน่นในวงแขน และจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนั่นสักครั้ง เป็นการทักทายสู่วันใหม่อันงดงามและแสนสุข…….


    +++++++++

    จบตอน

    แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 19:29:41

    แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 19:23:32

    แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 49 18:26:19

    แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 49 18:22:02

    จากคุณ : Psycho man - [ 19 ธ.ค. 49 17:17:29 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom