Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องที่ต้องตัดสินใจ

    เรื่องสั้น

    เรื่องที่ต้องตัดสินใจ
                                                                              “ เพทาย “

    “ กินเข้าไปเถอะเพื่อน เหล้าน่ะ ตายแล้วไม่มีใครใส่บาตรให้กินหรอก “

                       วาทะอันเป็นความจริงนี้ ผมได้ยินจากปากของเพื่อน ต่อหน้าแม่โขงชุดใหญ่ ในร้านแผงลอยเวิ้งหลังกระทรวงกลาโหม เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว

    ผมกินเหล้าเป็นมาตั้งแต่อายุได้สิบหกปี กินเรื่อยมาอย่างสม่ำเสมอ ไม่เกี่ยงว่าฝนจะตกแดดจะออก ข้างขึ้นข้างแรม วันเวลาและสถานที่ เว้นแต่ในโบสถ์เท่านั้น

    ไม่เกี่ยงว่าเป็นเหล้าอะไร ตั้งแต่แม่โขง กวางทอง เซี่ยงชุน ข้าวเหนียวแดง เหล้าโรง ๒๘ ดีกรี จนถึงเหล้าพื้นบ้าน ประเภทน้ำขาว กระแช่ อุ และเหล้าต้มเอง ซึ่งเมื่อเทลงบนพื้นกระดานแล้วเอาไม้ขีดจุด มันจะลุกเป็นแสงเรืองสีเขียวน่าดู ขอให้มีน้ำเย็นตบตูดเป็นพอ

         ผมกินเหล้ามาจนอายุสี่สิบเศษ หลังจากที่เพื่อนผู้กล่าวประโยคข้างต้น ตายไปนานหลายปีแล้ว ผมก็ต้องมานอนให้หมอตรวจตับ ซึ่งโตกว่าขนาดมาตรฐาน หมอบอกว่า

    “ เลิกกินเหล้าได้แล้ว ถ้ายังไม่อยากตาย “

    ครั้งนั้นเป็นครั้งแรก ที่ผมต้องคิดว่าจะตัดสินใจอย่างไร ระหว่างคำพูดของเพื่อน กับคำพูดของหมอ แล้วผมก็ตัดสินใจเลิกกินเหล้า แต่กินเบียร์เติมโซดามาจนถึงบัดนี้

    เพื่อนหลายคนที่เคยกินเหล้าด้วยกันมา ต่างก็ทยอยตายไปทีละคน ด้วยโรคต่าง ๆ นา ๆ เพื่อนบางคนที่ชอบพูดว่า “ กินก็ตายไม่กินก็ตาย “ นั้น ในที่สุดก็ตาย

                            ส่วนคนที่มีชีวิตยืนยาวอยู่จนถึงวันนี้ บางคนเลิกกินเหล้าแล้วก็ไปบวช หรือเข้าวัดทำสมาธิ วิปัสสนา กรรมฐาน หลายคนเลิกกินเพราะป่วย ด้วยโรคที่ขัดขวางต่อการกิน เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดเกินเกณฑ์  โรคหัวใจ ทั้งที่ผ่าตัดแล้วและยังไม่ผ่า คนที่ยังกินอยู่และยังไม่มีโรคร้ายนั้น เหลืออยู่น้อยเต็มที

    ตั้งแต่เกษียณอายุราชการแล้ว ผมก็ไปตรวจโรคทุกสามเดือนที่คลีนิคผู้สูงอายุ ของโรงพยาบาลทหาร ก็ได้ยาประเภทวิตามิน ยาแก้โรคกระดูก ยาแก้โรคกะเพาะ มากินอยู่เป็นประจำ ไม่มีโรคที่จะทำให้ตายได้ง่าย จึงต้องคอยระวังตัวเวลาเดินทางไปไหนต่อไหน ทั้งในกรุงและต่างจังหวัด เพราะไม่แน่ใจว่าจะตายด้วยอุบัติเหตุ อันเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนได้สูงที่สุดหรือไม่

    อยู่มาถึงเมื่อสามสี่เดือนก่อน หมอเจ้าประจำสั่งเจาะเลือดไปตรวจซ้ำ สองสามครั้ง แล้วบอกว่าตับท่านแย่เต็มทีแล้ว ผมไม่ทราบว่าหมอดูจากผลเลือดตัวไหน ท่านก็เอาปากกาวงตรงตัว GAMMA - GT ซึ่งมีเกณฑ์ 7 - 50 แต่ของผมขึ้นไปถึง 196 หมอก็สงสัยว่าเป็นได้อย่างไรเหล้าก็ไม่กิน ผมจึงสารภาพว่าผมกินเบียร์ หมอก็บอกว่า เลิกได้แล้ว

    เมื่อสองสามปีก่อน ก็มีผู้หวังดีหลายท่าน แนะนำให้ลดการดื่มแอลกอฮอล์ลงบ้าง อายุจะได้ยืนนาน เพื่อนคนหนึ่งในอดีตเคยเป็นนายแพทย์ระดับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรัฐ ก็เตือนด้วยความหวังดีว่า กินเข้าไปทำไมแอลกอฮอล์น่ะ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงห้ามไว้ในศีลข้อห้า ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ เราไม่ควรที่จะดื้อดึงต่อ คำสอนของท่าน

                            ผมก็น้อมรับฟังไว้ด้วยความเคารพ แต่กิเลสมันก็เถียงแทนว่ากินด้วยความอยาก เช่นเดียวกับคนที่กินน้ำชา กาแฟ และน้ำโคลา หรือเครื่องดื่มบำรุงกำลังทั้งขวดและกระป๋อง นั่นแหละ

    ผมจึงคิดเข้าข้างกิเลสว่า คนเราเกิดมาจากกรรม มันอยู่ได้ด้วยกรรม และตายด้วยกรรม เมื่อถึงเวลามันจะตายก็ต้องตาย ไม่ว่าจะกินหรือไม่กินอะไร จะอายุเท่าไหร่ก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดขัดข้องใดใด

    แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ตื่นเช้าขึ้นมาผมก็รู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ พอกินข้าวเช้าแล้วก็มีอาการเหมือนจะเป็นลม ผมก็กินยาหอมที่ใช้เป็นประจำ แล้วก็นั่งรอดูผล เพราะผมเคยเป็นโรคที่มองเห็นบ้านหมุนไปรอบ ๆ ตัว เมื่อไปตรวจหมอบอกว่าน้ำในหูไม่เท่ากัน แต่คราวนี้ไม่ใช่ และก็ไม่มีอาการอะไรมากไปกว่านั้น

    ผมจึงออกจากบ้านเพื่อไปยื่นเรื่องราว ขอรับค่ารักษาพยาบาลของ  แม่บ้าน ที่กระทรวง แต่ด้วยความไม่ประมาท จึงชวนลูกชายคนโตไปเป็นเพื่อนด้วย

    ผมเดินไปขึ้นรถเมล์หน้าวชิรพยาบาล และลงรถเมล์ที่สนามหลวง แล้วเดินผ่านศาลหลักเมืองไปถึงแผนกเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ ด้วยความรู้สึกว่าการเดินไม่เป็นปกติ การทรงตัวไม่ดีนัก แต่ก็สามารถยื่นเรื่องราวจนได้รับบัตรนัดรับเงินเรียบร้อย

    ขากลับเห็นแดดมันจัดจ้านัก วเองก็ไม่ค่อยสบาย จึงเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน

    พอรถแท็กซี่จอดที่ปากซอยหลังบ้าน ผมเปิดประตูรถก้าวลงก็ใจหายวูบ เพราะเข่าอ่อนยวบ ดูเหมือนเท้าจะยืนไม่ติดดิน ก็นึกรู้ทันทีว่าเป็นอาการของโรคที่เกี่ยวกับสมองแน่ จึงบอกลูกชายสั่งคนขับ ให้พาไปส่งที่โรงพยาบาลของมูลนิธิแห่งหนึ่ง แถวแยกยมราชทันที

    ผมพยายามเดินในโรงพยาบาล โดยไม่ให้ลูกชายประคอง เพราะต้องการจะสังเกตอาการของตนเอง ก็ปรากฏว่าแขนและขาขวาอ่อนเปลี้ยไม่ค่อยมีแรง แต่ยังเดินได้ หมอถามอาการและตรวจดูร่างกายภายนอกแล้ว สันนิษฐานว่าเส้นโลหิตในสมองตีบ แต่ต้องการจะรู้สาเหตุจึงให้มาเจาะเลือดตรวจ ในวันรุ่งขึ้น ส่วนวันนี้ได้ยามากินบรรเทาไปก่อน

    ผมกลับมาถึงบ้านด้วยความหดหู่ในใจ ผมเคยเห็นคนที่เป็นโรคที่มีอาการอย่างนี้มาแล้วหลายคนในชีวิต บางคนล้มลงแล้วก็เป็นอัมพาตไปครึ่งซีก อยู่ได้เพียงครึ่งวันก็ตาย บางคนที่เป็นน้อยกว่านั้น ก็ยังอยู่โดยใช้แขนและขาข้างขวาไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น หรืออย่างดีก็ถือไม้เท้าก้าวเดินไปไหนมาไหนด้วยความลำบาก และมีบางคนที่เดินโขยกเขยกแต่สามารถทำงานเบา ในสำนักงานได้ต่อไป

    การรักษาก็เป็นการทำกายภาพบำบัด ซึ่งอาจจะมีอาการดีขึ้นบ้าง แต่ผมไม่เคยพบว่าจะมีคนไหนกลับฟื้นคืนเป็นคนปกติดังเดิมได้เลย

                             วันรุ่งขึ้นผมทดสอบตนเอง ด้วยการหยิบจับสิ่งของ ปรากฏว่ามือขวาไม่มีแรง จับปากกาเขียนหนังสือหรือเซ็นชื่อไม่เป็นตัว เวลาเดินขาขวาแกว่งไม่มั่นคง แม้จะยังพอเดินได้แต่ไม่มีแรงก้าวขึ้นบันได พูดเสียงไม่ค่อยชัด ลิ้นชาเหมือนเวลาหมอฉีดยาจะถอนฟัน  

    ผมรู้ว่ากรรมมาถึงตัวแล้ว จึงไม่ได้วิตกจนเกินเหตุ การรักษาก็คงต้องเป็นไปตามระบบของแพทย์ แต่ผมจะต้องยอมรับกับตัวเองว่า ถ้าโชคดีก็คงจะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ผมคงจะอยู่กับสภาพที่ไม่สามารถจะเดินได้ไกล ไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำได้เหมือนเดิม และจะต้องใช้มือซ้ายพิมพ์คอมพิวเตอร์ เมื่อเวลาที่จะเขียนหนังสือต่อไป  

                              แล้วผมก็ออกจากบ้านไปโรงพยาบาลแต่เช้า คราวนี้แม่บ้านไปช่วยดูแลด้วย เมื่อเจาะเลือดส่งตรวจแล้ว  รอชั่วโมงเดียวก็เอาผลไปให้หมอวิเคราะห์ได้  หมอดูแล้วบอกว่าไม่มีสาเหตุจากความดันสูง น้ำตาล และไขมันสูง จึงสั่งให้เอ็กซเรย์สมองด้วยคอมพิวเตอร์

    ผมก็ขอร้องหมอขอให้ไปทำที่โรงพยาบาลรัฐ จะได้เบิกเงินค่าเอ็กซเรย์ได้ หมอก็เห็นใจไม่ขัดข้อง ผมจึงมาที่          วชิรพยาบาล ซึ่งมีเพื่อนสนิทของลูกชายคนเล็ก เป็นหมอช่วยจัดการให้เรียบร้อยภายในวันนั้นเอง

    วันต่อมาจึงเอาผลเอ็กซเรย์ไปให้หมอ ที่โรงพยาบาลเดิม หมอตรวจดูฟิล์มซึ่งถ่ายภาพศรีษะของเรา เป็นภาพตัดตามขวางเหมือนฝานมะนาวเป็นแว่น รวมสิบเก้าภาพ หมอบอกว่าห่างกันภาพละ ๔ ม.ม. ปรากฏว่าหาร่องรอยที่จะเป็นสาเหตุของโรคไม่ได้

    สรุปว่าอาจมีเส้นโลหิตตีบเล็กน้อย แอบซ่อนอยู่ตรงช่วงที่เว้น ๔ ม.ม.นั้นเอง จึงมีอาการปรากฏออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็ได้ยามากินอีกเจ็ดวัน และไม่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือทำกายภาพบำบัดอย่างที่คาดไว้

    ทุกเช้าเมื่อตื่นนอนแล้ว ผมจะต้องหยิบปากกามาบันทึกเหตุการณ์ ที่ผ่านมา เพราะกลัวจะลืม และเพื่อทดสอบการทำงานของนิ้วมือด้วย ผมห่วงมือขวามาก เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผมเขียนเรื่องราว เป็นงานอดิเรกและอาชีพเสริมมาหลายสิบปีแล้ว ถ้ามือพิการผมคงเหงาแย่เลย แต่ผลปรากฏว่าเขียนตัวหนังสือได้ดีขึ้นทุกวัน จนสามารถเซ็นชื่อได้เกือบเหมือนเดิม

    เดี๋ยวนี้ผมเดิน และเขียนหนังสือ หรือพิมพ์คอมพิวเตอร์ได้เป็นปกติ เสียงพูดก็ชัดเจนเหมือนเดิมแล้ว คงเหลือแต่อาการอ่อนเพลีย และเหนื่อยง่าย เหมือนคนฟื้นไข้ทั่วไป ซึ่งนับว่าโชคดีมาก

    เมื่อแรกนั้นคิดว่า อาการป่วยจะต้องเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ปากเบี้ยว แขนขายกไม่ขึ้น ต้องถือไม้เท้าสี่แฉก หรือนั่งรถเข็น แต่ตรงกันข้ามจากจุดเริ่มต้นค่อย ๆ ดีขึ้นทุกวัน จนหายกลับคืนเป็นปกติได้ ภายในอาทิตย์เดียว

    ผู้ที่คุ้นเคยหลายท่านต่างก็บอกว่า นี่เป็นการเตือนไม่ให้ประมาท ทางที่ดีควรจะเลิกการดื่มเสีย

    ผมก็รับฟังด้วยความเคารพเช่นเคย ผมสวดมนต์กราบหมอนขอบคุณทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกท่านที่ช่วยให้ผมป่วยเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้น ไม่หนักหนาสาหัสเหมือนที่คิด หรือเหมือนบางคนที่โชคร้ายกว่านี้ แต่ผมจะต้องเลิกดื่มโดยเด็ดขาดเชียวหรือ ผมถามใจตนเองด้วยความอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างยิ่ง                

    ผมมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์มากว่าห้าสิบปีแล้ว ผมจะต้องตัดสินใจอีกครั้ง ในรอบยี่สิบแปดปี เป็นครั้งที่สองของชีวิต

    ผมเคยกินเบียร์ เป็นเครื่องดื่มประจำ ทั้งมื้อกลางวัน และเย็น บางทีก็แถมมื้อเช้าด้วย เมื่อการป่วยได้ผ่านไปเจ็ดวัน จนเกือบเป็นปกติแล้ว ผมก็ซื้อเบียร์กระป๋องมาสองกระป๋อง แล้วผมก็ลองค่อย ๆ กินกับอาหารกลางวัน เพื่อจะดูผลว่าจะเกิดอาการจากแอลกอฮอล์อย่างไร และจะเป็นผลให้อาการป่วยเลวลงหรือไม่ และทำซ้ำอีกในเย็นวันเดียวกัน ปรากฏว่าไม่มีผลดีหรือเสียหายเกิดขึ้นเลย ไม่มีอะไรผิดปกติในทางใดเลย

    จิตส่วนที่เป็นกิเลสหรือฝ่ายชั่วในกายผม ก็ตื่นเต้นดีใจว่าไม่มีผลเสียต่ออาการป่วย ก็กินเบียร์ต่อไปได้ แต่ส่วนที่เป็นฝ่ายดีค้านว่า เมื่อกินแล้วไม่มีผลเสียหรือผลดี กินหรือไม่กินก็เหมือนกัน แล้วกินมันเข้าไปทำไม จิตทั้งสองฝ่ายของผม โต้เถียงกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง ผมคิดไม่ตกว่า ควรจะเชื่อฝ่ายไหนดี

    และอีกไม่ช้าไม่นาน ก็คงถึงเวลาที่ผมจะต้องตัดสินใจให้ได้…….ในที่สุด.

    #########

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 22 ธ.ค. 49 10:09:00 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom