สีดำ นี่เรียกว่าสีดำใช่ไหม
ไม่มีเสียงตอบ ท่ามกลางความมืดดำนั้นพลันเปลี่ยนไป
สีขาว นี่เรียกว่าสีขาวใช่ไหม
ใช่แล้ว อริตา มีเสียงตอบแข็งกระด้างเย็นชากลับมา
อริตา น้ำเสียงพูดซ้ำเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย อะไรคืออริตา
นี่คือชื่อของเจ้า อริตา สิ้นเสียงพูดสีขาวเริ่มจางหาย
+++++++++++
มีเรื่องเล่าว่าในมหาวิหารแห่งนครมัจฉิมซุกซ่อนประตูที่เชื่อมต่อไปยังสวรรค์เบื้องบน ผู้ที่มีสิทธิในการเปิดประตูจะเป็นเพียงนักบวชผู้เฝ้ามหาวิหารศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ด้วยนครแห่งนี้คงความเป็นกลางระหว่างอาณาจักรต่างๆ ทั้งยังเป็นที่แสวงบุญมาช้านาน จึงไม่มีเจ้าผู้ครองอาณาจักรใดกล้าเข้ามายึดครอง และพิสูจน์เรื่องเล่านี้
เวลาได้ผ่านมาเนิ่นนาน จากความจริงแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องเล่า ท้ายสุดเหลือเพียงตำนานที่ไม่มีใครคิดว่ามันจะเป็นจริงไปได้
ในโลกนี้ไหนเลยจะมีประตูที่พาผู้คนไปสู่สรวงสวรรค์
+++++++
วัวสีน้ำตาลจุดขาวสามตัวเดินเอื่อยเฉื่อยแทะเล็มหญ้าแห้งที่มีอยู่เต็มทุ่งกว้าง แม้อาทิตย์ใกล้อัสดงก็ยังไม่มีชาวบ้านมาต้อนวัวกลับคอก ครู่หนึ่งกลางทุ่งหญ้าที่เงียบสงบเกิดลมพัดมาวูบ ต้นหญ้าลู่ตามลม หญิงสาวสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินนางหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้น
หญิงสาวเพ่งมองผ่านแนวป่าจนไปหยุดสายอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ช่วงขณะหนึ่งแววตาสวยซึ้งคู่นั้นกลับดูหม่นหมองลงอย่างน่าใจหาย
ข้าขอเข้าไปได้ไหม นางพูดขึ้นหลังจากเดินมายืนอยู่หน้าประตูบ้าน
ไม่มีเสียงตอบรับ หญิงสาวยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง นางรู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน เพียงรอเวลาให้เขามาเปิดประตูต้อนรับ เสียงถอนหายใจหนักหน่วงดังเล็ดลอดมาออกเหมือนจงใจให้ได้ยิน ประตูเปิดออกพร้อมร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่ง
ท่านไม่สมควรมานี่ โดยเฉพาะเวลานี้ ชายหนุ่มผู้นั้นพูดเป็นเชิงตำหนิ แต่ก็เดินเลี่ยงไปด้านข้างเพื่อให้นางเดินเข้ามา
++++++++++++++++
เมื่อถามว่าผู้ใดแข็งแกร่งที่สุด คำตอบที่ได้มานานหลากหลาย ยิ่งเวลาผ่านไปคำตอบก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา ถ้าหากถามว่าผู้ใดมีเกียรติได้รับการเคารพนับถือที่สุด คำตอบนั้นจะได้เพียงหนึ่งเดียว
นักบวชผู้เฝ้ามหาวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนครมัจฉิม
ไม่มีใครรู้ว่านักบวชผู้เฝ้ามหาวิหารนั้นมีอายุเท่าไหร่ เพียงคนที่แก่ชราที่สุดในเมืองก็ยังจำวัยเด็กที่เห็นนักบวชนั้นได้ หากคะเนโดยยึดเอาช่วงการสถาปนานครมัจฉิม ซึ่งมีจารึกบันทึกที่บอกเล่าเรื่องราวมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ นักบวชสมควรมีอายุมากกว่าสี่พันปี มนุษย์ในโลกนี้มีชีวิตอย่างมากไม่เกินร้อยกว่าปี
หรือว่านักบวชไม่ใช่มนุษย์
ตรีอสรกาล เติบโตมาในครอบครัวนักรบ บิดาและปู่ของล้วนทำหน้าที่เป็นทหารในแนวหน้า วัยเด็กของเขาแตกต่างจากเด็กทั่วไป ทุกค่ำเช้าบิดาและปู่เคี่ยวกร่ำฝึกฝนเพื่อปูพื้นฐานให้เป็นผู้พิทักษ์ พออายุย่างเข้าสู่วัยที่พร้อมจะคัดเลือกเป็นผู้พิทักษ์ เขาก็ผ่านการทดสอบไปได้อย่างง่ายดาย
ผู้พิทักษ์แตกต่างจากทหารทั่วไป ไม่ขึ้นตรงต่ออำนาจใด ไม่เชื่อฟังผู้ใด เพียงทำหน้าที่อย่างเดียว คือ ปกป้องคุ้มครองนักบวชแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์
ในการรับรู้ของผู้คนทั่วไป เรื่องราวของนักบวชคล้ายตำนาน เรื่องเล่าที่ถูกเสริมแต่งเกินความเป็นจริง น้อยคนนักที่จะได้พบพานกับนักบวช มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของตำนานนั้นคืออะไร เหมือนดอกไม้ที่งอกผุดกลางลานหิน สวยงามโดดเด่นแฝงเร้นด้วยความเปลี่ยวเหงาเดียวดาย
ข้าต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนเจ้า เวลาสามเดือนมันยาวนานเกินไป ข้าเกรงว่ามันจะไม่ทันการณ์
หญิงสาวในชุดคลุมพูดขึ้นเมื่อเห็นเขานิ่งเงียบ นางยกมือขึ้นปลดหมวกผ้าที่คลุมศรีษะลง แสงสว่างจากคบไฟขับเน้นให้ใบหน้านั้นเด่นชัดขึ้น หญิงสาวใบหน้างดงามไร้ที่ติ เต็มไปด้วยความสมบูรณ์อย่างหาที่เปรียบมิได้ ดูแล้วอายุไม่น่ามากกว่าสิบแปดปี และยิ่งดูสะท้อนแวววาวขึ้นอีกเมื่อแสงตกกระทบกับมงกุฎทองซึ่งประดับด้วยทับทิมสีน้ำเงินเข้มเม็ดโตที่ติดอยู่ด้านบน
ข้าไม่เหลือใครแล้ว แม้แต่คนที่ข้าคิดว่าควรไว้ใจที่สุดก็ทรยศข้า นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นัยน์ตามีน้ำเอ่อล้น
แม้แต่พวกผู้พิทักษ์ ตรีอสรกาลถามเพื่อความแน่ใจ และเขารู้ว่าคำถามนี้จะทำร้ายนาง
ข้าถูกทรยศ คำตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา เหนืออื่นใดแทนถ้อยคำยืนยัน น้ำตาไหลร่วงจากแก้มของนาง
เจ้าจะช่วยข้าไหม หรือว่าเจ้ายอมสยบต่ออำนาจเช่นคนอื่นๆ นางยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขา
เพื่อท่านแม้ชีวิตข้าก็สละได้ พูดเสร็จชายหนุ่มลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบดาบขนาดใหญ่ที่ห้อยอยู่ข้างฝาสวมสะพายลงบนไหล่ เขาตัดสินใจแน่วแน่ ชีวิตจะมีค่าอะไรหากละทิ้งนางไป
ผู้พิทักษ์ของข้า หญิงสาวยื่นมือข้างซ้ายให้กับชายหนุ่ม เขาก้มคุกเขาลงเป็นเครื่องหมายแสดงเคารพ นักบวชผู้เป็นนาย
++++++++++++++++
แม้ว่านครมัจฉิมจะคงความเป็นกลางระหว่างอาณาจักรต่างๆ รอบด้าน ความเป็นกลางนั้นกลับกัดกร่อนสภาพภายในอย่างเลี่ยงไม่ได้ ราชวงศ์ที่ครองเมืองมานานหลายพันปี ไม่เคยเปลี่ยนเชื้อสายผู้ปกครอง สิ่งที่ได้รับคือความนับถือเพียงน้อยนิดจากชาวเมือง เสี้ยนที่บ่งตำผู้นำทุกรุ่นคือ นักบวชผู้เฝ้ามหาวิหาร
นักบวชเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่ยืนยงไม่มีวันถูกทำลาย เรื่องทุกอย่างภายในต้องผ่านการยอมรับจากนักบวช อย่างเงียบๆ ความไม่พอใจทวีเพิ่มผ่านคนในราชวงศ์รุ่นแล้วรุ่นเล่า จนแผนการโค่นล้มนักบวชจึงได้ถูกวางไว้ โดยข้อตกลงลับของคนในราชวงศ์
แผนการนี้เริ่มต้นเมื่อสิบปีก่อน บุรุษซึ่งจะถูกทดสอบคัดเลือกมาเป็นผู้พิทักษ์แทนที่คนเก่า ล้วนเป็นคนของราชวงศ์ที่วางตัวเอาไว้เกือบทั้งสิ้น คนภายนอกที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาก็ถูกกำจัดไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงผู้พิทักษ์ที่ภักดีคนสุดท้าย ซึ่งถูกพักงานกว่าสามเดือนโทษฐานที่ลบลู่เบื้องสูง
ท่านราชครูแน่ใจหรือว่าเราควรเปิดมัน เสียงพูดกระซิบในเงามืดสลัวเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
องค์ราชาถึงตอนนี้แล้ว ข้าเห็นว่าเราไม่มีทางเลือกแล้ว หากพระองค์ปล่อยให้นางนักบวชนั่นเปิดประตูนี้ก่อน ความพินาศย่อยยับย่อมเกิดกับพวกเรา ราชครูพูดกระตุ้นเตือน มันรู้ดีว่าเดิมพันครั้งนี้จะแพ้ไม่ได้
เราไม่คิดว่าประตูนี้มันจะมีอยู่จริง จนกระทั่งพระบิดาก่อนสวรรคต บอกความลับนี้ให้แก่เรา ราชาตรัสรำพึงขึ้น คล้ายปลุกปลอมขวัญกำลังใจตนเอง แล้วทรงก้าวเดินไปยังผนังด้านหน้าทอดพระเนตรดูภาพวาดลายแปลกตา ภาพนั้นแตกต่างจากงานศิลปะทั่วไปที่เห็นได้ในเมืองนี้
ภาพวาดบนผนังนั้น มีลวดลายเส้นสายเต็มไปด้วยรูปทรงเลขาคณิต ลายเส้นต่างๆ แผ่ขยายมาจากจุดวงกลมกลางภาพ เหมือนรากของต้นไม้ เบื้องหลังภาพนี้คือตำนานที่เล่าสืบต่อกันมานับแต่มีการสร้างอาณาจักรแห่งนี้
ประตูสวรรค์
จงเปิดออกให้แก่ข้า
ฉับพลันบังเกิดแสงสว่างสีน้ำเงินเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ
+++++++++++
จากคุณ :
egotech
- [
29 ธ.ค. 49 21:30:55
]