ได้ยินดาราให้สัมภาษณ์ออกทีวี แล้วแทนพ่อกับแม่ด้วยสรรพนามว่า "เขา" ดูเหมือนไม่มีอะไรใช่ไหม แต่เราคิดว่ามีบางอย่างอยู่ในคำพูดนั้นนะ
การพูดแทนพ่อแม่ว่า "เขา" ช่างดูเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเลยแม้แต่น้อย ดูห่างเหิน และไม่เหมือนลูกกตัญญูทั่วไปเขาทำกัน
หลายคนอาจคิดว่า การเรียกพ่อแม่ในสรรพนามนี้ไม่เห็นจะเดือดร้อน หรือไม่ดีตรงไหน ในเมื่อใจดีซะอย่าง การจะเรียกยังไงก็ไม่มีผล
คิดอย่างนี้แล้วก็ขอให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะการคิดอย่างนี้เป็นการคิดที่ผิด(นานๆทีถึงจะบอกว่าผิดนะเนี่ยะ) การเคารพรักนั้น ไม่ใช่ขึ้นอยู่แต่ใจอย่างเดียว เมื่อเราเคารพคนๆหนึ่ง รักคนๆหนึ่ง เราต้องแสดงออกมาทั้งทางวาจา และทางการกระทำ คนบางคนรักพ่อแม่มาก หาเงินหาทองมาให้พ่อกับแม่ แต่ไม่เคยพูดดีๆกับพ่อแม่เลย เจอหน้าเข้าก็ขู่แว๊ดๆราวกับพ่อแม่เป็นเด็ก อย่างนี้คิดว่าพ่อแม่จะสบายใจไหม นี่ล่ะถึงได้บอกว่า กิริยาทั้งสามคือ ใจ วาจา และกาย ต้องแสดงออกไปในทิศทางเดียวกัน
ใครจะโกรธก็ช่าง แต่เมื่ออ่อนการอบรม เราก็ต้องอบรม เมื่อเห็นเด็กๆเรียกพ่อแม่ แทนด้วยคำว่า"เขา"เราก็จำเป็นต้องพูดต้องบอก มันเหมือนการจู้จี้จุกจิกใช่เรื่อง และดีไม่ดีจะเป็นการหาเรื่องให้ตัวเอง แต่การพูดที่ดีนั้นมักส่อถึงสกุล ส่อถึงชาติกำเนิดไม่ใช่หรือ ต่อให้ร่ำรวยล้นฟ้าสักแค่ไหน ถ้าคำพูดยังอยู่ในขั้น"ไม่มีการศึกษา"เช่นนี้ก็ไม่อาจเรียกว่าผู้ดีได้เลย
ดังนั้นผู้ดีจึงอยู่ที่กิริยาทั้งหมด ไม่ใช่ตัวเงิน
คนเราเดี๋ยวนี้แปลก อะไรที่โห่ฮาป่าเถื่อนจะชอบนัก บอกว่า แรงดี ได้ใจดี แต่เคยคิดกันไหมว่า อะไรก็ตามที่แรงๆ เวลาชนกันแล้วมันเจ็บ ก็เพราะความแรงนี่ใช่ไหม วงัยรุ่นไทยถึงได้ยกพวกตีกัน เพราะความแรงเป็นเหตุนี่แหละ สาวไทยจึงตบกันเพื่อแย่งผู้ชาย
เห็นไหม...พอพูดได้ก็พูดไกล พูดถึงไหนต่อไหน เลยเถิด วกกลับมาเรื่องเดิมก่อน
คนเราอย่ามองคนที่ภายนอกนั้นเป็นสิ่งถูก คนที่กิริยาวาจากระโชกโฮกฮากก็ใช่ว่าจะเป็นคนไม่ดีเสมอไป ในขณะที่คนนิ่มนวล แช่มช้อยอาจเป็นคนร้ายที่เรียกว่าร้ายลึก แต่ลองคิดต่ออีกหน่อยไหมว่า ถ้าคนเราเป็นคนดีแล้ว ทำไมไม่แสดงตนในแบบที่คนดีเขาทำ เราจะต้องให้คนอื่นศึกษาและค้นหาความดีในตัวเราอีกทำไมในเมื่อตัวเราเป็นคนดีก็แสดงสิ่งดีๆออกมาซี่ ลามปามไปถึงพระสงฆ์องค์เจ้า ถึงพระพุทธเจ้าจอมมุนี พระองค์ทรงดีเลิศประเสริฐศรี แล้วมีไหมสักคำที่พระองค์จะเอ่ยวาจาอันไม่สุภาพออกมา นี่แหละน่าคิด คนเราต่างกันได้อีกที่ก็ตรงความเป็นผู้ดีนี่แหละ
เวลาเรียกพ่อแม่ก็ขอให้เกียรติหน่อยเถอะ เวลาเอ่ยถึงพ่อแม่ก็ควรเรียกว่า"ท่าน" เพระเราชอบยกเอ่ยอ้างเปรียบเปรยเหลือเกินว่า พ่อแม่ประดุจดั่งพรหม พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก แล้วคนอาร้าย(เสียงสูงปรี๊ด)เรียกพระอรหันต์ว่าเขา อย่างนี้บาปจริงๆ
ไหนๆก็บ่นมามาก ก็ขอบ่นต่ออีกนิด
เคยเรียกพ่อแม่ว่า"เขา"ตอนเรียนมัธยม ตอนนั้นไม่รู้ศึกษาผิดอะไร ไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมตรงไหน จนกระทั่งวันหนึ่งเดินผ่านหน้าคุณครูที่รู้จักกัน คุณครูเอ่ยถามคำแรกว่า พ่อแม่"ท่าน"เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม
ตรงนี้แหละ อึ้งเลย คุณครูผู้ที่เป็นคนอื่นกลับเรียกพ่อแม่เราว่าท่าน ในขณะที่เราเรียกพ่อแม่ตัวเองว่า"เขา" อย่างนี้เราจะเป็นลูกกตัญญูได้ไหม นับแต่นั้นมาก็ซึ้งใจ คิดได้ว่าต่อไปนี้เวลาพูดคุยและพาดพิงถึงพ่อแม่ จะต้องพูดว่า"ท่าน"ไว้ให้ติดปาก ถ้าไม่พูด"ท่าน" ก็แทนสรรพนามว่า พ่อ หรือ แม่ ไปเลย อย่างนี้ถือเป็นการเคารพอีกทางหนึ่ง นั่นคือทางวาจา เคารพอย่างนี้ได้ผลดีถึงสองประการ
ประการแรกคือ ใครๆได้ยินเขาก็จะบอกว่าเราเป็นคนมีสัมมาคารวะ เป็นคนน่าคบหาสมาคม จะไหว้วานใครก็ย่อมทำได้ดี เพราะเราพูดเพราะ
ประการที่สอง พ่อและแม่ของเราจะไม่เสียหายว่าด้อยอบรมลูก คนทั้งหลายจะชื่นชมว่า พ่อแม่ดีจึงสอนลูกมาดี
เห็นหรือยัง นี่แค่พูดนะ การพูดคำเล็กๆน้อยๆที่ใครหลายคนละเลยและมองข้ามไป ถ้าคิดและใส่ใจดูจะเห็นว่า เรื่องมันไม่ได้เล็กอย่างนั้นเลย
เฮ้อ...ไม่บ่นต่อแล้ว เดี๋ยวพาดพิงอีกยาว
จากคุณ :
คายตรี
- [
2 ม.ค. 50 13:40:22
]