Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องสั้น : เรื่องตลกของโชคชะตา : บ้านนี้มีรัก

    มาเอาใจ Super Nerd โดยเฉพาะ (และแก้ตัว... อิอิ)
    พอดีเขียนออกมาเป็นตอนๆ คือจบเป็นตอนๆ ไป น่ะค่ะ จะต่อเนื่องบ้าง โดดข้ามบ้าง ถ้าเอาแต่ละตอนมาสลับกัน ก็อ่านไม่เสียใจความค่ะ เพราะเป็นเรื่องที่จบเป็นตอนๆ ไป แต่ก็ยังแก้ปัญหาเรื่อง "ตัดฉากฉึบ" ไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าเป็นคนที่เขียนอะไรยาวๆ ได้ไม่ค่อยนาน อ่ะ.. แฮ่ะๆ  (พอจะมีคำแนะนำบ้างป่าวคะ.. ขอบคุณค่ะ)

    ------------------------------------------------------
    ตอนที่ 11 บ้านนี้มีรัก

    “กลับมาแล้วค่า” สำหรับเฌลลีแล้วเสียงมักจะมาก่อนตัวเสมอไม่ว่าไปไหนมาไหนหรือทำอะไรก็ตาม เธอได้ฉายาว่า ลำโพงเคลื่อนที่...

    “หวัดดีเจ้าหนู มาก่อนพี่ได้ไงเนี่ย” เฌลลีผลักหัวน้องชายเบาๆ ลีโอน้องคนเล็กของเฌลลีอายุเท่ากันกับน้องเล็กของ “บ้านโน้น” ความหล่อสูสี ความดีเทียบได้ ความมีน้ำใจใกล้เคียง  
    วันนี้วันเกิดพ่อ ซึ่งสามพี่น้องจะต้องแท็กทีมกลับบ้านพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก ขุมไหนของนรก หรือชั้นไหนของสวรรค์ งานจะยุ่งจนหัวหกก้นขวิดก็ตาม ทั้งสามคนก็ต้องกลับบ้าน

    “พี่เฌลหวัดดีค่ะ แม่ไปไหน” มิลลี่ น้องคนกลาง ถามถึงแม่ทันทีที่มาถึงเพราะเธอเป็นลูกรักคนโปรดของคุณนายสุวเนตร มิลลี่เป็นสาวเปรี้ยวจี๊ดถึงเข็ดฟัน เธอเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย สอนในสาขาภาษาฝรั่งเศส นานครั้งจึงจะกลับบ้านทีก็ในวันเกิดพ่อกับแม่เท่านั้น แต่เทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ ซึ่งชาวบ้านชาวเมืองเขาหยุดกันถ้วนหน้า พวกเราสามพี่น้องมักจะไม่ค่อยกลับ เพราะพวกเราลงความคิดเห็นกันว่า วันเหล่านั้นไม่สำคัญเท่าวันเกิดพ่อกับแม่ ถึงแม้วันเกิดจะมีทุกปีเหมือนสงกรานต์หรือปีใหม่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจเท่าพ่อกับแม่อยู่กับเรานานขึ้นอีกวัน ดังนั้นการฉลองวันเกิดพ่อกับแม่จึงมีความหมายกับเรามากกว่าวันที่หนึ่งมกราคม หรือสิบสามเมษายนเสมอ

    แต่ไม่รู้จะเรียกโชคดีสองชั้นหรือเปล่าเพราะวันเกิดพ่อ ดันเป็นวันที่สามสิบเอ็ดธันวาคมพอดีสิน่า...

    “ป๋า ทำอะไรอยู่เหรอคะ” ลูกต่างๆ อาจจะเรียกบิดาว่า พ่อ ป๊ะป๋า ป๊า แด๊ดดี้ หรือ อะไรก็ตามที่สะดวกปากสะดวกใจและเคยชิน แต่บ้านเราจะเรียกพ่อว่าป๋า แต่ก็ยังเรียกมารดาว่าแม่ และเผลอๆ ก็เป็นคุณนายสุวเนตร ซึ่งอันที่จริงคุณนายสุวเนตรก็ไม่ได้เป็นคุณนายตราตั้งหรือตราชั่งที่ไหน เพราะคุณนายเธอเป็นครูบ้านนอกสอนนักเรียนระดับประถมปลาย ผิดกับบ้านโน้นที่มีคุณแม่เป็นถึงรองศาสตราจารย์ด๊อกเตอร์ สอนหนังสือระดับมหาวิทยาลัยมีลูกศิษย์ระดับมหาบัณฑิต

    แต่เฌลลีก็ไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับความแตกต่างตรงนี้นัก เพราะเธอคิดเพียงว่า ที่เธอเติบโตเป็นคนดีมาได้นี้ก็เพราะครูบ้านนอกอย่างแม่นั่นแหละ ถ้าคุณนายสุวเนตรไม่จิกหัว เอ๊ย.. ไม่บังคับให้รู้จักที่จะอ่าน เขียนตั้งแต่ตัวเท่ากำปั้น หัวเท่าเม็ดมะขาม เฌลลีก็คงจะไม่รักที่จะอ่านเขียนจนกลายมาเป็นความชอบและกลายเป็นอาชีพในต่อมาถึงวันนี้เป็นแน่

    “อ้าว สวัสดีลูกสาวทั้งสอง ไปไงมาไงเนี่ย”

    “พรุ่งนี้วันเกิดป๋าไงคะ” ลูกสาวช่วยเตือนความจำ

    “อ้าว ถึงวันเกิดอีกแล้วเหรอ เอ้อ ดีๆ เกิดบ่อยดีจังวุ้ย”

    “แม่ล่ะคะ” มิลลี่ยังถามหาแม่

    “คุยกับครูนุช อยู่หน้าบ้านแน่ะ” สิ้นเสียงป๋าครูนุชที่ว่าก็กลับพอดี คุณนายสุวเนตรจึงได้เดินมาสมทบกับครอบครัว

    “ครูนุชนี่ก็แปลก แม่ถามว่าเย็นนี้ทำอะไรกิน เธอบอกว่า เย็นนี้น้องชายจะมา จะทำแกงบวชน้องชาย แล้วยังชวนแม่ไปกินข้าวบ้านอีกด้วยนะ แล้วใครจะกล้ากิน”

    “แม่...  เค้าจะทำแกงในงานบวชน้องชายหรือเปล่า?” มิลลี่แย้ง

    “เอ้อ จริงด้วยสิ ว้า แม่นี่ สงสัยจะแก่แล้ว ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วก็จับมากระเดียดเรื่อยเลย”

    “ศัพท์ครูภาษาไทยโบราณเนี่ย เข้าใจยากจริงๆ เล้ย” ลีโอ กำลังนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์ แทรกขึ้น เพราะฟังบทสนทนาอยู่ตลอด

    “หนูลี ไปยกกับข้าวมาลูกแม่เตรียมไว้แล้ว หนูลี่ ไปช่วยพี่เค้าไป” สองสาวเข้าครัวสักพัก อาหารพร้อม และเป็นครั้งที่สองในรอบปีที่มากันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว

    “แกงไก่ ไข่ยัดไส้ ต้มจืดหน่อไม้กระดูกหมู ปูผัดน้ำพริกเผา ปลาเก๋าราดพริก” สองอย่างแรก คุณนายสุวเนตรบรรจุลงเป็นเมนูหลักของครอบครัว เพราะเข้าใจว่าลูกสาวคนโตชอบ แต่เฌลลีก็คร้านจะมานั่งอธิบายว่าทำไมถึงต้องเป็นแกงไก่ ไข่ยัดไส้

    ป๋าตักลงไปคำแรกชิมน้ำแกงไก่

    “อื้ม อร่อย เพราะแม่มีเหน่ห์ปลายจวักอย่างนี่เองแหละเลยทำให้พ่ออ้วนพีมีพุงเหมือนยุ้งข้าวไง” ไม่แน่ใจว่าพ่อชมแม่ หรือประชดลูกที่ทำกับข้าวไม่เป็นกันแน่...

    และเมื่อจ้วงลงไปคำที่สอง ก็เจอช้อนกลางจมอยู่ในชามแกงไก่
    “อ๊า... พ่อรู้แล้วว่าทำไมแกงไก่ถึงได้อร่อย เพราะว่าแม่ใส่ช้อนลงไปด้วยนั่นเอง” เอ้อ...  เป็นไปได้

    ครอบครัวเราไม่หวือหวาน่าตื่นเต้น แต่เป็นครอบครัวสนุกสนาน เรียบง่ายตามประสาชนบทไทยภาคอีสาน คุณนายสุวเนตรเพิ่งจะหายป่วยจากการผ่าตัดไส้ติ่ง เธอว๊อนจะกินส้มตำจนน้ำลายฟูมปากแต่คุณหมอสั่งห้ามเด็ดขาดระหว่างนี้ เลยต้องซดน้ำแกงจืดเคล้าน้ำตาไปพลางๆ พร้อมๆ กับนั่งมองคนโน้นคนนี้กินอาหารรสแซ่บตาปริบๆ

    แม่ผ่าตัดไส้ติ่ง คนรู้กันทั้งหมู่บ้าน เกือบจะทั้งอำเภอ เพราะคุณหมอก็ลูกศิษย์แม่ (สมัยประถม) คนไข้ก็ลูกศิษย์แม่อีกเหมือนกัน ดังนั้นพอคุณนายกลับบ้านมาพักฟื้น คนมาเยี่ยมไข้ก็จะมีตั้งแต่นายอำเภอ นายก เทศมนตรี ครูใหญ่ ครูน้อย ไล่ลงมาจนถึงแม่ค้าขายผัก ช่างผม และประดาลูกศิษย์ลูกหา ของเยี่ยมก็จะเป็นข้าวของตามมีตามเกิดของชาวบ้าน ที่เอามาให้แสดงน้ำใจ เช่น มะม่วง มะนาว มะพร้าว ข้าวสาร ไปจนถึง ปลาย่าง ก็มี ซึ่งบางทีก็มากันทีละเป็นเข่งๆ จนน่าตกใจ ว่าเยี่ยมไข้ หรือกะจะให้กินกันจนท้องป่องตายกันไปข้าง

    แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าจะหาแบบนี้แถวบางกอก ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะแค่ในหมู่บ้านจัดสรร หลังติดกันแท้ๆ บางครั้งยังไม่รู้กระทั่งชื่อคนข้างบ้าน...

    และขณะที่ป๋ากำลังง่วนอยู่กับ “ของเยี่ยม” จากปลัดอำเภอที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ซึ่งเป็นหัวน้ำหอมต้นตำรับที่ท่านปลัดบอกว่า

    “รับประกันว่าหอมนานถึงสองวันเลยล่ะครับคุณพี่” บิดาของนางเอกผู้ไม่ประสีประสากับความหอมจากกลิ่นสังเคราะห์ เจอของแปลกก็แกะกล่อง เปิดขวดเหมือนเป็นของเล่นชิ้นใหม่

    “เฮ้ย ชี๊บบบหัยแล้ว น้ำหอมหก” หันไปอีกที เสื้อขาวป๋าก็เลอะเต็มหน้าอกไปแล้ว พร้อมด้วยกลิ่นอันแสนจรุงจิต จนเหม็นตลบไปทั้งบ้าน

    “ไงล่ะ... เป็นหนุ่มเนื้อหอมเข้าแล้วสิป๋า” ลูกสาวคนโตแซวอย่างอารมณ์ดี ป๋าไปอาบน้ำถึงสามครั้งก็ยังวิตกจริตจิตตกว่ากลิ่นยังติดอยู่ เที่ยวไปให้คนโน้นคนนี้ดม จนน่าเวียนหัว

    “น้ำหอมอะไรเนี่ย เหม็นจนจะเป็นลม”

    “ก็หัวน้ำหอมนี่ป๋า ปกติเค้าก็แตะๆ นิดเดียว นี่ป๋าเล่นอาบทั้งขวด ไม่ให้เหม็นได้ยังไงล่ะ”
    “แล้วจะหายใจยังไงเนี่ย โอ้ย จะเป็นลม”

    “หายใจทางปากสิป๋า”

    “มันรับประกันสี่สิบแปดชั่วโมงเชียวนะลูกนะ”

    “แล้วป๋าหายใจทางปากได้ถึงสี่สิบแปดชั่วโมงไหมล่ะ”

    “จะลองดูนะ” น่าน... รับมุขอีก

    --------------------------------

    “เฮ้ย ไอ้หน้าแป้นอยู่ไหนเนี่ย วันนี้ทำไมไม่มาบ้าน” กิจวัตรของณนนท์คือ โทรศัพท์ตามเฌลลี เมื่อเธอหายไปสักสัปดาห์ ไม่โผล่หน้าไปล้างรถ ขัดห้องน้ำ ซักผ้าให้ เหมือนทุกคราว

    “ฉันก็กลับบ้านมั่งดิ มีบ้านนี่”

    “อ่อ นึกว่านัดกิ๊ก ไปเที่ยว เลยลืมหน้าที่”

    “ทะลึ่ง วันเกิดพ่อฉันย่ะ เออ ไหนๆ ก็โทฯ มาละ อวยพรวันเกิดให้ว่าที่พ่อตาหน่อยรึกัน” ว่าจบก็ส่งมือถือให้ปั๊บ ป๋าก็รับโทรศัพท์ปุ๊บ

    “สวัสดีว่าที่ลูกเขย อ้อ สบายดี มาเที่ยวสิ รูปหล่อนี่เรา ขอบใจมากลูก สวัสดี” เฌลลีเงี่ยหูฟังสุดฤทธิ์ แต่ป๋าก็แกล้งป้องปากพูดให้ได้ยินคนเดียวเสียอย่างนั้น

    “ป๋ารู้ได้ไง ว่าหล่อ เค้าไม่เคยมาบ้านเรานะ”

    “เอ๊า ก็ในกล้องของลูกน่ะ มีรูปหมอนี่หมดเลยนี่ แล้วถ้าไม่ใช่คนพิเศษจริงๆ จะเก็บรูปไอ้ทึ่มที่ไหนไว้จนเต็มเมมโมรี่ของกล้องล่ะ อ๊ะ แต่ป๋าชอบ คนนี้แหละ”

    “ง่ะ เค้าเป็นเพื่อนหนู ไม่ใช่แฟนซะหน่อย”

    “แต่เราก็ชอบเค้าใช่ไหมล่ะ...”

    “แหงสิ ใครจะเก็บรูปไอ้ทึ่มที่ไหนไว้จนเต็มเมมโมรี่ของกล้องล่ะ ถ้าไม่ใช่คนพิเศษจริงๆ น่ะ”

    “พามาเที่ยวบ้านเราสิ”

    “ถ้ามันจะมาเดี๋ยวมันก็ตามมาเองแหละป๋า ขานี้น่ะ ต่อให้กราบอ้อนวอนถ้าจะไม่มา ใช้ช้างลากก็ไม่มา แต่ถ้าเค้าอยากมาเองน่ะ ไม่ต้องชวนหรอกป๋า มันจะทำท่าเหมือนหมาน้อย กระดิกหางด๊อกแด๊ก ลิ้นห้อย น้ำลายยืด แล้วก็ขอตามมาเองล่ะ”

    จบประโยคนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก

    “โทฯ มาทำไมอีกเนี่ยแก”

    “คุณนินทาผมนี่ ผมก็โทฯ มาดิ”

    “รู้ได้ไงยะ”

    “มีหรือที่ผมจะไม่รู้จักคุณ”

    “เออ พ่อถามว่าเมื่อไหร่จะมาเที่ยว บ้านฉันน่าเที่ยวนะแก มีภูเขา มีแม่น้ำ ธรรมชาติสุดๆ”

    “ไม่เอา บ้านนอก หลังเขา”

    “ใครบอกแก บ้านฉันอยู่หน้าเขาเฟร้ยย ภูเขาต่างหากอยู่หลังบ้าน”

    “ดูทิศถูกหรือเปล่า”

    “ทำไมยะ”

    “ไม่ใช่ ด้านหน้า เขาอยู่อีกฟากหนึ่งรึ กร๊ากกกกกกก” แล้วมันก็หัวเราะอย่างสะใจ

    “อีกด้าน เป็นแม่น้ำ เป็นเขื่อนว้อยยย” เฌลลีแก้ต่าง
    “โอ้ว ฮวงจุ้ยดีมาก ข้างหลังเป็นเขา ข้างหน้าเป็นน้ำ ข้างล่างเป็นดิน และข้างบนเป็นคาน กร๊ากกกก” แล้วมันก็หัวเราะอย่างสะใจเป็นครั้งที่สอง

    “ด้านหน้าภูเขาน่ะบ้านชั้นนนน”

    “อ้อแสดงว่า บ้านคุณอยู่หลังเขา เค้าเอาแม่น้ำวางอยู่หน้าเขาเฟร้ยยย”

    “เออ เรื่องของบ้านฉัน ฉันไม่คุยกับแกแล้ว” ชักฉุน...

    “ไอ้หน้าแป้นแสนงอนเอ๊ย”

    “หน้าฉัน อย่ายุ่ง” แกล้งงอนไปงั้นแหละ นางเอกนี่ ทำอะไรก็น่ารักไปหมดแหละ

    “งั้นก็รีบกลับมาก็แล้วกัน” ณนนท์ปิดท้ายประโยค

    “ไม คิดถึงฉันเหรอ” แกล้งหยอดไปงั้นแหละ วันละนิดจิตจะได้แจ่มๆ

    “เปล่า ไม่มีคนล้างรถ”

    “.......”

    -----------------------------------------

    ตอนก่อนหน้านี้ค่ะ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5015280/W5015280.html

    จากคุณ : ดาริกามณี - [ 4 ม.ค. 50 09:34:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom