ความคิดเห็นที่ 1
หน้าที่หก : บาดแผล
หากพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลคือความรอบรู้ ...แล้ว...
การหยั่งรู้อนาคตจะเรียกว่าอะไร? ...หากมิใช่...
พรที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้
ไม่ว่ายุคใด..สมัยใด..หรือในประเทศใดก็ตาม ผู้ที่สามารถหยั่งการณ์ล่วงหน้า..ล้วนได้รับการยกย่อง
...เสมือนดั่ง... บุตรและธิดาแห่งพระผู้เป็นเจ้า
เพื่อจะดำรงรักษาไว้ซึ่งพลังแห่งการหยั่งรู้ พิธีสืบทอดพลังจึงถือกำเนิด
..จากบิดาสู่บุตร..จากมารดาสู่ธิดา..จากอาจารย์สู่เหล่าศิษย์.. ...จากรุ่นหนึ่ง..สู่อีกรุ่นหนึ่ง...
ทว่า ด้วยกาลเวลาที่เลยผ่าน..ความโง่..และขลาดเขลาของเหล่าผู้สืบทอด
..'พลังแห่งการหยั่งรู้'..จึงสูญสลาย..หลงเหลือทิ้งไว้แค่เพียงวิชา..'การทำนายดวงชะตา'..
...ให้เป็นมรดก...ให้เป็นของดูต่างหน้า... ...ให้เป็นเศษซากที่ยิ่งใหญ่แห่งสมบัติจากพระผู้เป็นเจ้า...
---------------------------------------------------
ท่ามกลางแสงสลัวจากคบเพลิงบนกำแพงหิน
"สิ่งที่มนุษย์เรียกกันว่าการทำนายดวงชะตาน่ะ มันเป็นแค่การบอกความเป็นไปได้ที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดเท่านั้น" ร่างในชุดคลุมสีดำสนิทกล่าวอธิบาย "เพราะสำหรับมนุษย์แล้ว ดวงชะตามันไม่ใช่เส้นทางเพียงสายเดียว หากแต่เป็นเส้นทางแยกย่อยนับร้อยนับพันสายให้เลือกเดิน" ก่อนจะเลี้ยวผ่านทางโค้งซึ่งมืดมิดดุจรัตติกาลไป "ถึงจะสามารถระบุเส้นทางที่มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุดได้แล้วก็ตาม แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ยากจะคาดเดาแบบมนุษย์นั้น ถึงจะบอกว่ามีโอกาสเป็นไปได้น้อยที่สุด..มนุษย์ก็โง่เขลาพอที่จะเลือกเดินไปบนเส้นทางสายนั้นได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร"
"..อืม.." ชายหนุ่มรับคำสั้นๆ พอให้คู่สนทนารับรู้ว่ายังคงรับฟังอยู่
"ฉะนั้นแล้ว..ดวงชะตาจึงเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถระบุเจาะจงลงไปได้" เสียงนุ่มยังคงดังแว่วต่อไป "พูดง่ายๆก็คือ..ผู้ครอบครองดวงชะตาเองนั้นแหละ ถึงจะเป็นผู้กำหนดและเลือกเส้นทางเดินเองได้..." ก่อนจะนิ่งเงียบไปพักใหญ่ "...อย่างที่ฉันบอกไป..ด้วยเหตุผลทั้งหมด ฉันจึงไม่สามารถทำนายดวงชะตาให้ใครได้ เข้าใจรึยัง?..."
"..อย่างนี้เอง.." ไนส์ตอบ ก่อนจะเบนสายตาแสดงความสงสัยไปยังคู่สนทนา "...แต่ว่านะกระถิน..เรื่องนี้มันเกี่ยวกับความสามารถการทำนายดวงชะตาในเรื่องซึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อสิบวินาทีที่แล้วตรงไหนล่ะ?"
"เกี่ยวสิ!" กระถินแผดเสียง "ก็ที่ฉันเล่ามาทั้งหมดเพื่อจะบอกนายว่าหมอดูทั่วทั้งโลกน่ะ ไม่มีใครสามารถทำนายเรื่องในอนาคตได้หรอกนะ หมอดูที่แสร้งบอกว่าตนทำนายอนาคตได้ต่างหากล่ะถึงจะเรียกว่าเป็นหมอดูเก๊!"
"คร้าบ~คร้าบ~ทราบแล้วครับ" ไนส์กล่าวขณะเบนสายตาไปยังร่างใต้ชุดคลุม "ผมฟังมาเป็นรอบที่สี่แล้ว อยากจะฟังคำตอบแบบอื่นบ้างจะได้ไหม?"
"..เฮ้อ...พอกันที.." กระถินถอนหายใจเสียงดัง "ฉันไม่อยากจะพูดกับนายแล้วล่ะ"
"ฮะ ฮะ ฮะ พอก็พอ" ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนจะกระซิบกับตัวเองเบาๆ "..เหมือนผู้หญิงจริงๆด้วยแฮะ.."
"..เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?.." เสียงนุ่มเอ่ยถาม
"..อ้อ...ก็แค่คิดว่าที่นายชอบเงียบไปก่อนจะตอบคำถามน่ะ มันเกี่ยวกับความสามารถหยั่งรู้ทุกสิ่งซึ่งเกิดขึ้นหลังจากปัจจุบันไปสิบวินาทีนี้ด้วยรึเปล่า?" ไนส์กล่าวเบี่ยงประเด็น "..อย่างตอนที่โดนกับดักก็เหมือนกัน นายต้องให้เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งก่อนถึงจะเริ่มต้นจัดการกับมัน ว่าไงล่ะ..เป็นอย่างที่ฉันพูดใช่ไหม?"
"....." ร่างในชุดคลุมนิ่งเงียบไม่ตอบกลับ
"เงียบแบบนี้แสดงว่าใช่สินะ?"
ควับ..ควับ...
หลังจากสิ้นเสียงของชายหนุ่ม กระถินก็เอื้อมมือขึ้นอุดหู ส่ายหัว เร่งฝีเท้าหายเข้าไปในความมืดเบื้องหน้าทันที
ตุบ...ตุบ...ตุบ...ตุบ...
"ฮ..เฮ้!"
...แย่ชะมัดเลยแฮะ..สงสัยจะต้องระวังปากมากขึ้นเสียแล้วสิ...
"..ฟู่..." ชายหนุ่มหงายหน้าถอนหายใจ
...ผมก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากนักหรอกครับ..แต่ผมคิดว่าผู้ที่มีความสามารถล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดแบบนี้ มันคงเป็นเรื่องยากหากเขาคิดจะหาเพื่อนที่สามารถคบได้อย่างสะดวกใจ หรืออย่างน้อยก็เป็นเพื่อนที่คบแล้วเขาไม่ต้องมาเจ็บปวดใจกับการนินทาลับหลังแบบนี้...ถึงแม้ว่าเรื่องที่เขารับรู้จะเป็นเรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ตามที...
"นี่กระถินรอด้วยสิ" ก่อนจะเร่งความเร็วฝีเท้าขึ้นไล่หลังคู่สอบของตน
...ยิ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถอ่านความทรงจำได้จากการสัมผัสแบบกระถิน..ผมยิ่งจินตนาการไม่ออกเลยล่ะครับ..ว่าเขาเคยผ่านเรื่องอะไรมาแล้วบ้าง...
---------------------------------------------------
..ขอบคุณมากนะ..ที่พยายามจะเข้าใจ..
หลังจากออกเดินไปได้สักพัก เสียงขอบคุณอย่างแผ่วเบาดุจการกระซิบของเหล่าภูติก็ดังขึ้น
ตุบ...ตุบ...
ท่ามกลางความสงัดของโบราณสถานที่มืดมิด ยามไร้ซึ่งเสียงพูดคุย
"..เอ๋..เมื่อกี้นายพูดอะไรรึเปล่ากระถิน?..."
ตุบ...ตุบ...ตุบ...
ที่ควรจะมีแต่เสียงย่ำเท้าจากผู้เข้าสอบทั้งสองเท่านั้นที่สามารถดังแทรกทำลายความสงัดได้
"..เปล่านี่..ไนส์หูแว่วไปเองมั้ง?..."
"ฮึ..งั้นหรอ?" ชายหนุ่มตอบพร้อมกับคลี่ยิ้ม
"ใช่แล้วล่ะ" กระถินกล่าวย้ำ "หูแว่วไปเองนั่น..แ..." ทว่ายังไม่ทันจะพูดจบ
"เดี๋ยวก่อน!" ไนส์ก็เอื้อมแขนไปรั้งร่างในชุดคลุมเอาไว้
หมับ!
"ข้างหน้ามีแถบรังสีอินฟราเรดขึงกั้นอยู่.." ชายหนุ่มกล่าว "บ้าจริง! นี่มันโบราณสถานชนิดไหนกัน?" ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจทางเดินอย่างละเอียด "แค่มีรังสีตรวจจับก็เกินไปแล้ว แต่นี่ถึงกับขึงเอาไว้เป็นแถบยังกับกำแพง..มดเดินผ่านยังไม่ได้เลย"
จากคุณ :
DarkNine
- [
7 ม.ค. 50 16:42:46
]
|
|
|