ฉันหิว
หลังจากซุกตัวอยู่ในซอกตึกทั้งคืน ฉันค่อยๆเดินออกมารับแดดอย่างเกียจคร้าน นึกอยาก
งีบต่ออีกสักพัก แต่ท้องร้องอย่างนี้ใครจะทนนอนต่อได้ไหว
ตั้งแต่ตอนนั้น ตอนที่แม่มีน้องตัวเล็กๆ พวกเขาก็เริ่มใส่ใจฉันน้อยลงๆ และแล้วกลางดึก เมื่อ
เดือนก่อน พ่อแม่พาฉันขึ้นรถมาปล่อยหน้าตลาดแห่งนี้ แล้วจากไปเงียบๆ โดยไม่สนสีหน้างงๆของฉันสักนิด
เวลาผ่านไปฉันได้แต่นั่งรอ...
รถราน้อยลงไปพร้อมๆกับผู้คนที่บางตา ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยจนฉัน
รู้สึกว่าร่างกายชาไปทั้งตัว บางครั้งก็เผลอสัปหงกไปสักพักก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกที
ถนนร้าง ไร้ผู้คนโดยสิ้นเชิง...
ฉันนั่งอยู่จนเช้า พอเริ่มเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ความเสียใจ ก็วูบเข้ามาเต็มอก ในใจนึก
ไปสารพัดสาเหตุ เพราะฉันไม่เหมือนพวกเขา หรือ เพราะพวกเขาเลี้ยงฉันไว้แก้เหงาชั่วครั้งชั่วคราว?
แต่ถึงจะคิดไปต่างๆนาๆ ถ้าตอนนี้ฉันสามารถพูดได้
...ฉันก็อยากบอกว่า ฉันไม่ได้โกรธแค้นพวกเขาสักนิด...
ทุกๆคืนจากนั้น ฉันจะเดินไปรอตรงๆที่ที่เขาพาฉันมาปล่อยไว้ และหลังจากม่อยหลับไป
หลายต่อหลายครั้ง ฉันก็โซเซกลับมาขดตัวในซอกตึกอับๆนี่อย่างเคย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในวันแรกๆ ฉันไม่กล้าโผล่ออกไปพบหน้าใคร คนมากมายที่ไม่คุ้นหน้าเดินกันขวักไขว่
สับสนอลหม่านไปหมด ในขณะที่คิดถึงพ่อแม่เหลือกำลัง ไม่นานท้องก็เริ่มหิว ฉันแอบด้อมๆมองๆ
แถวนั้นเห็นคนเอาของมาทิ้งมากองรวมๆกันที่มุมตึก ดังนั้นพอตกดึกฉันจึงออกไปลองหาว่ามีอะไร
กินได้บ้าง โชคดีที่ปิ้งไก่กว่าครึ่งไม้และ ห่อข้าวยังพอเหลืออยู่ ฉันแทะมันอย่างหิวโหย
...เพียงคืนแรกฉันเรียนรู้ที่จะคุ้ยขยะกิน...
ห้าวันผ่านไปเนื้อตัวฉันเริ่มมอมแมมขึ้นเรื่อยๆ แต่ฉันไม่ค่อยสนใจตัวเองนัก เพราะอาหาร
ที่ขยะกองนั้นบางวันก็แทบไม่มีเหลือ ฉันเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆได้แต่มองผู้คนข้างนอกอย่างหวาดกลัว
แต่เมื่อปล่อยให้ท้องว่างหนักๆเข้า รู้ตัวอีกที ฉันก็ไปยืน แหงนหน้ามองแผงหมูปิ้งของแม่ค้าท่าทางใจดี
คนหนึ่งแล้ว
แกขายของมือเป็นพัลวันอยู่สักพักก็เหลือบมามองฉันแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปทำเป็นไม่เห็น
ผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง แกมองฉันอีกครั้ง คราวนี้ไม่เหลือรอยยิ้มบนใบหน้า พอมองซ้ายขวาเห็นปลอด
คนเท้าหนักๆก็อัดเข้ากลางตัวฉันจนจุกเสียด ร้องไม่ออก ได้แต่ถอยกรูดน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด
เย็นนั้นฉันนอนพิงกำแพงเย็นเยียบอย่างหมดแรง ทันใดนั้น กลิ่นข้าวผัดก็ลอยมาเตะจมูก
ฉันเงยหน้าขึ้นพร้อมกับน้ำลายสอขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ คนให้เลือนรางอยู่ตรงทางเข้าซอกตึกแคบๆนั้น
แต่พอพยายามมองให้ชัดขึ้น ฉันก็เผลอถอยหนีด้วยความตกใจ
ชายผอมโซคนหนึ่ง มองมาที่ฉันอย่างเฉยเมย ผิวของเขากร้าน และฟันเหลืองยื่นเกะกะ
เสื้อผ้าเก่าปุปะนั่นก็คร่ำคร่าจนดูไม่ออกว่าเคยเป็นสีอะไร
แค่นี้คงพอที่จะทำให้ฉันบีบตัวให้ลีบที่สุด และแน่นิ่งไม่ขยับอยู่นาน
ชายน่ากลัวนั้น ถือห่อข้าวค้างไว้ในมือ พอเห็นฉันไม่กล้าเข้าใกล้ เขาก็ถอยออกไปช้าๆ ชั่ว
ขณะหนึ่งฉันคิดว่าเขาถือห่อข้าวกลับไปด้วย แต่เขากลับวางเอาไว้ แล้วยืนขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อน
จะเดินโขยกเขยกลับตาไป
นานเท่านาน ฉันขยับตัวช้าๆไปยังห่อบนพื้น คิดอยู่ชั่วครู่แล้วก็กินข้าวผัดอย่างมูมมามรวด
เร็ว มันเย็นชืดแต่ก็เอร็ดอร่อยที่สุด
...ห้าวันผ่านไป ฉันได้รู้บทเรียนแรกเรื่องการมองคน...
คืนนั้นฉันอิ่มท้องแล้วผล็อยหลับไป ไม่ได้ไปรอที่หน้าตลาดอย่างเคย ในความฝันฉันคิดถึง
พ่อขึ้นมาวูบหนึ่ง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทุกๆวันหลังจากนั้น ฉันเริ่มปรับตัวเข้ากับที่นั้นได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องอาหาร
การกิน ร้านไหนที่เป็นมิตรกับฉัน หรือร้านไหนไม่อยากให้เข้าใกล้ บ้างไล่ตะเพิดฉันแต่สุดท้ายก็เอา
อาหารเหลือๆมาวางทิ้งไว้ บ้างก็ยิ้มแย้มแต่ลงท้ายก็ทำเหมือนจะสาดน้ำร้อนเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
..ฉันค่อยๆเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ทีละนิด...
ฉันคิดว่าเริ่มชินกับการอยู่ที่นี่ แต่เมื่อใดที่รู้สึกอย่างนั้น ฉันก็ใจหาย นึกถึงบ้านที่เคยอยู่อย่าง
ห้ามใจตัวเองไม่ได้ทุกครั้ง
ชายมอมแมมผอมโซคนนั้น(ซึ่งสภาพฉันก็ใกล้เขาเข้าไปทุกที)ยังคงแวะเวียนมาบ่อยๆ
โดยมีของฝากเล็กๆน้อยๆทุกครั้ง แววตากระด้างนั้น จริงๆแล้วดูเป็นมิตรกว่าที่คิด ...ไม่สิ...จริงๆ
แล้วเขาเป็นคนที่ฉันไว้วางใจมากที่สุดในตลาดนี้ด้วยซ้ำ แต่ถึงยังไง ฉันก็ยังระมัดระวังตัว รักษา
ระยะห่างเอาไว้เสมอ
หลังๆมานี้ ถ้าฉันตาไม่ฝาด ดูเหมือนก่อนกลับเขามักหยุดมองดูฉัน ราวกับจะถามว่าจะ
ตามเขาไปมั้ย? ใจหนึ่งก็ต้องการวิ่งออกไปจากซอกนั้น ...แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ไป...
บางครั้งฉันก็นึกหาเหตุผลที่ตัวฉันยังคงอยู่ที่ตรงนี้
นี่ฉันยังหวังจะได้กลับไปหาพ่อแม่อยู่อีกหรือ?
.....
....
...
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เวลาผ่านไปร่วมเดือนแล้วล่ะมั้งคืนนี้...คืนที่มีผู้คนพลุกพล่านกว่าเคย
ชายฟันโย้คนนั้นมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อฉันเดินตามเขาออกมาอย่างเงียบๆ เราหยุด
มองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง แล้วเขาก็ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก รอยยิ้มนั้นอบอุ่นนัก พอเขาลูบหัวฉันเบาๆอย่าง
ทะนุถนอม ฉันไม่ได้ถอยหนีเหมือนอย่างเคย
เราเดินออกมาหน้าตลาดด้วยกัน ในใจฉันลิงโลด แม้ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร
หรือเขาจะพาฉันไปไหน แต่ในใจนั้นไม่รู้สึกกลัวสักนิด
...ถนนฝั่งตรงข้าม พ่อแม่ฉันเดินก้มหน้าผ่านไปอย่างรีบร้อน?
และก่อนที่จะทันคิดอะไร ร่างกายก็พาฉันก้าวลงไปในถนน ออกวิ่งเต็มเหยียด และ หลังจาก
นั้นตัวฉันก็ชาไปหมด รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพลิกหมุนรุนแรง
เมื่อร่างกายฉันนิ่งอยู่กับพื้น ฉันพยายามขยับแต่ก็ได้เพียงช่วงคอ สายตาที่พร่าเลือนมอง
เห็นผู้คนเข้ามามุงดูอย่างช้าๆ ฉันพยายามมองหาพวกเขา แต่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น ฉันคิด
อะไรไม่ออกสมองมึนงงไปหมด ชายมอมแมมขยับมานั่งข้างๆฉัน หน้าตาเสียขวัญอย่างสุดขีด และกำลัง
มีปากเสียงกับคนที่คล้ายๆเป็นคนขับรถ ซึ่งพยายามแก้ตัวอะไรบางอย่าง
แววตากร้านแกร่งนั้นมีน้ำตาคลอ
ฉันไม่ได้ยินเสียงใดๆมานานตั้งแต่จำความได้ จึงไม่อาจรู้ว่าเขาคุยอะไรกัน แต่ฉันพยายาม
เอื้อมมือไปหาชายผอมโซ และส่งเสียงที่เขาคงได้ยินเพียงคำอ้อแอ้ๆ ที่ไม่เป็นภาษาเท่านั้น
ใครเลยจะรู้ว่านั่นเป็นคำขอโทษจากใจ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่อ่านกันจนจบครับผม ยินดีรับทุกๆความคิดเห็นคร้าบ
จากคุณ :
Archi
- [
9 ม.ค. 50 17:24:39
]