๐ แล้วอีกดาวอีกดวงก็ล่วงดับ
สิ้นไปกับหม่นเงาของเปล่าเปลี่ยว
คืนนี้จันทร์แรมค้างเป็นร่างเคียว
ลอยโดดเดี่ยวท่ามดาระดาษดาว
๐ สายลมริ้วเฉื่อยอ่อนโชยย้อนสบ
ท่ามมืดพลบดาวดวงเกลื่อนห้วงหาว
ชีพหนึ่งกลับสุดขืนให้ยืนยาว
ก็แตกร้าวหล่นล่มกลางลมโชย
๐ เมื่อแรงลมหายใจเริ่มไหวแผ่ว
อีกสองใจเริ่มแล้วเริ่มแผ่วโหย
ลมสะอึกสุดสิ้น..น้ำรินโรย
เป็นน้ำตาปร่าโปรย..กับวางวาย
๐ ดาวอีกดวงปลิดป่นก่อนหล่นลับ
พร้อมสองใจแหลกยับแทบดับหาย
เป็นสองใจชอกช้ำโศกรำบาย
หยาดบนกาย..อรพินทร์ผู้สิ้นลม
๐ เคยโอบอุ้มมาแต่..เจ้าแบเบาะ
ยินฉอเลาะก้องบ้านเสียงขานขรม
จำเริญสู่คุณค่าเจ้าปรารมภ์
บัดนี้ข่ม..ก้อนสะอื้นจนขื่นคอ
๐ น้ำตาแห่งชอกช้ำดั่งน้ำเลือด
จะแห้งเหือดจากใจเมื่อไรหนอ
หรือจวบสี่แววตานั้นพร่าพอ
ให้อยู่ล้อคำนึงจนถึงวาย
๐ ห้องใจแม่ร้าวรวด..เมื่อนวดเน้น
มือพ่อเฟ้นขาขยับ..หวังกลับหาย
รอสองตาลูกตื่น..พาขื่นคลาย
ไย..แม่สายสวาดิพ่อ..ไม่รอวัน
๐ เหมือนยินว่า..เหนื่อยนักแม่พักเถิด
ขอย้อนเกิดเป็นลูกให้ผูกขวัญ
ให้แม่พ่อรอรับทุกกัปกัลป์
ขอแนบครรภ์บรรจบทุกภพไป
๐ เมื่อชาตินี้สิ้นบุญเคยหนุนส่ง
จนปลิดปลงคุณค่าเคยอาศัย
จักทอดร่างทวงถาม..เงื่อนความนัย
ถกศรัทธายิ่งใหญ่..เหล่าใจนั้น
๐ ว่ากาลที่ชีพหักถึงตักษัย
ย่อมต้องลบเลือนไปอย่าได้หวั่น
แต่ศรัทธาต้องดู..ให้รู้กัน
จากสวรรค์หรือนรก...ที่ยกชู
๐ เปิดรอยเลือดมรคา..เข้าพล่าผลาญ
เผยสามานย์บริบท..ให้อดสู
แหวกอุบายถ่อยแถน..ลองแหงนดู
โอ้..เพียงหมู่ถ่อยเถื่อน..ที่เกลื่อนตา.
แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 50 22:52:54
แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 50 21:22:01
แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 50 20:05:15
จากคุณ :
สดายุ...
- [
9 ม.ค. 50 19:59:54
]