Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    คนขี้ลืม

    คนขี้ลืม


                       ฝนปรอยลงมาแต่เช้า ผมหยิบร่มสีดำคร่ำคร่ามาถือไว้แล้ว แต่ยังตกลงใจไม่ได้ว่าจะกางดีหรือไม่ แหงนมองดูท้องฟ้ามืดครึ้มชอุ่มฝนแต่เพิ่งลงเม็ดเพียงเบาบางเท่านั้น แทบจะไม่เปียก ฝนชนิดนี้ช่วยให้เป็นหวัดเป็นไข้ดีนัก ตัดสินใจกางดีกว่า มีร่มอยู่ในมือแล้วจะปล่อยให้หัวโดนฝนทำไม

                       ผมออกจากบ้านตั้งแต่เจ็ดโมงกว่า ๆ ตามปกติ ผู้คนในซอยบ้านผมเดินกันขวักไขว่ ทั้งนักเรียนนักศึกษาหญิงชาย และข้าราชการทหารพลเรือน ที่มีสำนักงานอันใหญ่โตอยู่แถวนั้น ทุกคนก็อยากถึงที่ทำงานหรือขึ้นไปอยู่บนรถเมล์ ก่อนที่ฝนจะเปลี่ยนเป็นเม็ดใหญ่กว่านี้  

    ผมกางร่มเดินข้ามสะพานลอยไปยังป้ายรถเมล์ มองดูผู้คนจากที่สูง ซึ่งแม้จะเร่งรีบ แต่ก็ไม่มีใครกางร่มเลยสักคนเดียว  ชักจะอายสาว ๆ ที่แต่งตัวสวยงามเขายังไม่กลัวเปียกเลย  แต่หรือจะเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้เตรียมร่มมาด้วยก็ไม่รู้

                       พอดีรถประจำทางสายที่ผมจะโดยสารไปด้วย แล่นมาถึงใต้สะพานลอย ต้องรีบหุบร่มวิ่งลงตามขั้นบันได เกือบไม่ทันได้ขึ้น  

    ความจริงคนขับก็มองกระจกหลังทางด้านซ้ายอยู่  เขาคงเห็นผมแล้ว แต่คิดว่าผมคงจะกระโดดเกาะได้  ที่แท้ผมเพิ่งเอามือข้างขวาจับราวบันไดรถ  มือซ้ายหิ้วกระเป๋าเอกสารหนักอึ้ง พร้อมด้วยร่มซึ่งยังพับไม่ทันเรียบร้อยดี  ต้องใช้แขนขวาเกร็งข้อดึงตัวขึ้นเหยียบบันได ตามจังหวะที่รถกระชากออกแขนแทบเคล็ด แบบนี้ถ้าไม่หลวมตัวไปเกาะเข้าแล้ว ไม่ขึ้นเด็ดขาด

                       รถคันนี้คนไม่ค่อยแน่นเท่าไร  เพราะเพิ่งออกจากต้นทางที่สนามหลวง  ผ่านถนนสามเสน มาถึงป้ายหน้าซอยบ้านผม มีคนนั่งเต็มเก้าอี้  และตอนที่ผมขึ้นก็มีคนยืนเพียงหลวม ๆ เท่านั้น  
    แต่กระเป๋าก็ยังอุตส่าห์บอกให้เดินชิดใน  มันเป็นประโยคซ้ำ ๆ  ซาก ๆ คล้ายเขาอัดเทปไว้ในสมอง  

    กระเป๋าหรือที่จริงควรจะเรียกว่ากระปี๋ตามเพศ รับสตางค์ค่าโดยสารจากผมและฉีกตั๋วให้แล้ว  ก็เดินเขย่ากระบอกส่งเสียงแกร๊ก ๆ ไปยืนพิงอยู่แถวประตูหลังอย่างสบายอารมณ์

                       ฝนเริ่มหนาเม็ดขึ้น  ได้ยินเสียงกระทบหลังคารถเปาะแปะ  แทรกอยู่ระหว่างเสียง กระหึ่มของเครื่องยนต์ มีคนวิ่งหนีฝนมาขึ้นรถเพิ่มอีกหลายคน ขณะที่รถเคลื่อนที่ได้เพียงนิดเดียวก็มาหยุดรอไฟแดงอยู่ตรงหน้าสถานีตำรวจ เมื่อกี้ไม่น่ารีบร้อนเลย

                       รถโดยสารยังคงจอดสนิทอยู่กับที่เช่นนั้น เพราะบนถนนมีแต่รถมากมายหลายชนิด ที่จะเคลื่อนไปทางทิศไหนก็ไม่ได้เหมือนกัน  รถที่มาจากสะพานข้ามแม่น้ำก็พากันเลี้ยวเข้ามาอัดแน่นอยู่ในถนน ที่มุ่งหน้าไปทางเทเวศร์ รถจากทิศทางอื่นก็เลยผ่านไฟแดงไปไม่ได้

    ส่วนผมกำลังมุ่งหน้าจะไปทางเหนือก็ มีรถเมล์โดยสารจอดเรียงแถว ยาวสุดสายตาเหมือนขบวนรถไฟ

                       เมื่อรถจอดป้ายหน้า  มีคนวิ่งพรูมาแย่งกันขึ้นรถเพิ่มขึ้นอีก  คราวนี้ทั้งกระเป๋าและคนขับช่วยกันตะโกนให้ผู้โดยสารเดินชิดในทั้งประตูหน้าและประตูหลัง เพื่อที่จะได้ไปอัดกันอยู่ตรงกลาง

    ผมขยับเขยิบเข้าไปใกล้คนขับเพื่อให้เลยประตูหน้า จะได้ไม่ต้องเลื่อนไปมา  ทั้งร่มทั้งกระเป๋าเอกสารก็เกะกะ ติดคนโน้นขัดคนนี้อยู่เรื่อย จะอาศัยวางที่กระโปรงคลุมเครื่องยนต์ ก็มีแต่หีบห่อย่ามตะกร้าวางเต็มไปหมด ไม่มีที่ว่างเลย

                       เสียงนกหวีดของตำรวจจราจร เสียดแทรกเข้ามาอย่างถี่ยิบ  เมื่อไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นเขียว  คล้าย ๆ จะเร่งให้รถที่จอดรีบ ๆ เคลื่อนออกไปเสียโดยเร็ว เพื่อที่คันอื่นจะได้ทะยอยเข้ามาจอดบ้าง จอดแล้วก็ให้รีบ ๆ ไปอีก ไม่รู้ว่าจะให้รีบไปถึงไหน ในเมื่อคันหน้าเพิ่งจะขยับ

    เสียงนกหวีดดังเสียดแก้วหูลงไปถึงกระเพาะอาหาร น่าสงสารตำรวจผู้มีหน้าที่จัดการจราจร ซึ่งต้องยืนตากฝนพรำ โบกมือจนแขนแทบจะหลุดอยู่แล้ว ยังต้องเสียแรงลมเป่านกหวีดอยู่ตลอดเวลาอีก     ทั้ง ๆ ที่จมูกก็ถูกคลุมด้วยผ้าขาวบางเหมือนช่างตัดผม คงจะหายใจไม่ค่อยสะดวกเลย น่าเหนื่อยแทนจริง ๆ

                       ป้ายต่อ ๆ มา ก็มีแต่คนขึ้นมากกว่าคนลงทุกแห่ง  รถจึงยิ่งแน่นขึ้นทุกที ขนาดที่ไม่ต้องกำหูกระเป๋าเอกสาร  ก็ไม่ยอมหล่นลงถึงพื้น  หญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุด คงจะรำคาญความเกะเก้งก้างของผมเต็มที  เลยขอเอากระเป๋าไปช่วยวางบนตัก ผมรีบยิ้มตอบขอบคุณทั้งด้วยวาจา ตลอดไปถึงหัวใจ เพราะเมื่อยแขนเต็มทนแล้ว

    คนมีน้ำใจนั้น หาไม่ค่อยได้ง่ายนักในปัจจุบันนี้ ส่วนมากจะมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง หรือก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในมืออย่างใจจดใจจ่อ หรือหลับเอาศรีษะพิงเสาหน้าต่างรถเสีย จนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปแล้ว

                       รถเลี้ยวขวาตรงสี่แยกถัดไป แล้วก็จอดป้ายหน้ากรมทหารสองป้าย ซึ่งแถวนี้ผู้โดยสารทั้งชายหญิงที่แต่งกายด้วยชุดสีกากีแกมเขียวลงกันมาก ทำให้คนที่ยืนบนรถพร่องลงไปไม่น้อย

    หญิงสาวคนที่ถือกระเป๋าให้ผมก็ลงป้ายนี้ด้วย ผมจึงรับกระเป๋าและร่มพร้อมกับขอบคุณอีกครั้ง แล้วเบี่ยงตัวหลบให้หญิงวัยกลางคนที่มีถุงพะรุงพะรัง ได้นั่งแทนที่ แต่เธอกลับยืนเฉย

    ผมพยักหน้าให้เห็นชัดเจนว่าผมสละสิทธิ์ให้เธอ  คราวนี้เธอยิ้มกว้างบอกว่า ลุงนั่งเถอะ ผมชักฉุน เราอุตส่าห์หวังดีกันที่ไว้ให้แล้วจะนั่งลงไปเองได้อย่างไร

                            พอดีก็มีชายฉกรรจ์ในชุดผู้ใช้แรงงานถลาเข้ามานั่ง  เรียบร้อยโรงเรียนราษฎร์ไปเป็นอันว่าอดกันทั้งสองฝ่าย

                           ขณะนั้นรถก็ใกล้จะถึงป้ายหน้าที่ทำงานของผม จึงรีบก้าวไปยืนรอใกล้บันไดเตรียมลง  พอเอื้อมมือไปกดกริ่ง ก็มีคนอื่นที่ข้างประตูหลังกดซ้อนขึ้นมาอีก  รถก็เลยไปจอดห่างป้าย  ประมาณสองเสาไฟฟ้า  
    นับว่าเคราะห์ดีมาก                

                         ฝนยังคงตกปรอย ๆ อยู่อย่างเดิม ไม่มาก ไม่น้อย  ผมกางร่มหิ้วกระเป๋าคู่ชีพ เดินผ่านยามประตูเข้าไป โดยไม่มีใครแสดงความเคารพ คงจะเป็นทหารใหม่ที่นึกว่าผมเป็นลูกจ้าง หรือพ่อค้าเข้ามาติดต่อราชการก็ได้  

                       พอเดินผ่านที่ทำงานของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง  เขาก็ตะโกนทักเสียงดังลั่นว่า มาทำไมอีกล่ะ

    ผมยิ้มให้เขาพลางนึกในใจว่า เป็นคำทักทายที่เชยมาก  ก็มาทำงานน่ะซีจะมีอะไร

                       พอดีเขาเดินเข้ามาใกล้บอกว่า  เกษียณแล้วก็อยู่บ้านเลี้ยงหลานดีกว่า ถ่อสังขารมาทำไมอีก

    ผมจึงนึกขึ้นมาได้ว่า วันนี้เป็นวันจันทร์ที่สองตุลาคมแล้ว เมื่อวานบังเอิญเป็นวันอาทิตย์ วันนี้เลยยังตั้งสติไม่ทัน

                   มิน่าเล่า น้าคนนั้นแกถึงได้เรียกลุง เวรกรรมแท้ ๆ เทียวกูเอ๋ย  ผมรำพึงในที่สุด.
                                     
    ##########

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 12 ม.ค. 50 11:21:38 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom