= = = = ชีวิตของโอฬาร (เรื่องสั้นนานทีปีหน) = = = = ธามาดา
นี่ฉันกำลังจะไปไหน โอฬารถามตัวเองขณะที่ทุกสิ่งรอบข้างเป็นสีดำมืด มองไม่เห็นว่าเป็นที่ใด ด้านไหนเป็นหัว ด้านไหนเป็นเท้า กำลังยืนหรือนอนอยู่ เขามองไม่เห็นแม้แต่ร่างกายของตัวเอง!!
ไปที่ๆคนตายแล้วสมควรไป เสียงๆหนึ่งตอบเขาในความมืด ไม่ดังเกินไป ไม่เบาเกินไป
ฉันตายแล้วงั้นเหรอ!? ชายชราอุทาน
ใช่ เจ้าถึงอายุขัยแล้ว ไม่ต้องสนใจอะไร เดี๋ยวสักพักเจ้าก็จะเดินทางไปถึงดินแดนหลังความตายเอง
แต่ฉันยังไม่อยากตาย โอฬารรำพึงด้วยประโยคสุดคลาสสิกของชาวโลก
ใครๆก็พูดแบบเจ้าทั้งนั้น เสียงในความมืดตอบกลับมาอย่างเบื่อหน่าย ตอนมีชีวิตอยู่ก็เห็นบ่นๆกันนักว่าชีวิตมีความทุกข์เหลือเกิน จนบ้างล่ะ เครียดบ้างล่ะ ชีวิตของเจ้าเองที่ข้าเคยบันทึกไว้ก็ยังเคยบ่นว่าอยากตายดังๆมาตั้งสามสิบหกครั้ง มาตอนนี้เกิดเปลี่ยนใจแล้วเหรอ
ชีวิตนี้สั้นเหลือเกิน ฉันยังไม่ได้ทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง ฉันอยากกลับไปทำในสิ่งที่ฉันยังไม่ได้ทำบ้าง กรุณาฉันด้วยเถอะ ช่วยให้ฉันฟื้นที ชายชราวิงวอนด้วยความหวังริบหรี่ แต่ผิดคาดที่เสียงในความมืดนั้นหายไปนานแล้วตอบกลับมาอย่างรำคาญ
ก็ได้! ถ้าเจ้าคิดแบบนั้น ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้ แล้วอย่าบอกทีหลังว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน
ฉับพลันนั้นโอฬารก็รู้สึกเหมือนถูกดึงขึ้นจากหุบเหวลึกด้วยความเร็วสูง ในความมืดมิดนั้นเขาเริ่มมองเห็นแสงจางอยู่อีกฟากไกลๆกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เบิกตากว้าง รู้สึกสะท้านไปทั้งร่างกาย แสงสีขาวที่เคยเห็นนั้นกลายเป็นแสงไฟเพดานห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล หมอและพยาบาลหลายคนกำลังช่วยกันปั๊มหัวใจให้กับเขา หลังจากที่เขาลืมตาขึ้นดูเหมือนความเคร่งเครียดในห้องฉุกเฉินก็ค่อยๆคลายลง ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ถูกเข็นออกจากห้องฉุกเฉินไปยังห้องพักผู้ป่วยอีกอาคารหนึ่ง ช่วงนี้เขายังพูดหรือขยับร่างกายไม่ได้ โรคร้ายที่รุมเร้าชีวิตของเขามานานกัดกินอวัยวะและระบบต่างๆในร่างกายของเขามานานปีจนโอฬารมีสภาพอ่อนแอแบบนี้ เขาไม่ชอบชีวิตในวัยนี้เลย....
โอฬารนอนพักอยู่ในโรงพยาบาลเกือบเดือนโดยมีลูกหลานคอยเฝ้าไข้ใกล้ชิด ไม่นานเขาก็รู้สึกดีขึ้นมากจนลูกหลานพากลับไปที่บ้าน ชายชราเดินเหินเองได้แล้ว คืนหนึ่งขณะที่เขากำลังค่อยๆเดินผ่านหน้ากระจกห้องน้ำนั้นเขาก็ได้เห็นตัวเองในสภาพที่ดูดีกว่าตอนที่อยู่โรงพยาบาลมากมายนัก ไม่อยากเชื่อกับตัวเองว่าเขาจะสามารถเรียกชีวิตกลับคืนมาได้จริงๆ แถมยังดูแข็งแรงสดชื่นกว่าตอนที่ป่วยหนักใกล้ตายลิบลับ นอกจากฟื้นจากความตายขึ้นมาแล้วเขายังรู้สึกหนุ่มขึ้นเป็นกำไรอีกหรือนี่
วันหนึ่งลูกสาวของโอฬารก็เก็บเสื้อผ้าของเขาลงกระเป๋าให้และพาขึ้นรถ ตอนแรกชายชราดีใจเพราะคิดว่าลูกหลานคงจะพาไปเที่ยวต่างจังหวัดหลายวัน แต่ผิดคาดที่ลูกของเขาพามาส่งที่อาคารหลังหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นและคนแก่ในวัยเดียวกับเขา ลูกสาวเดินไปคุยอะไรกับเจ้าหน้าที่นิดหน่อยแล้วก็มีคนพาเขามายังห้องนอนรวมชั้นบน เจ้าหน้าที่บอกว่าต่อไปนี้ที่นี่คือบ้านใหม่ของเขา
โอฬารจำได้แล้ว ช่วงก่อนที่เขาจะตายเขาเคยอยู่ที่นี่หลายปี มันเป็นบ้านพักคนชราชานเมือง ก่อนหน้านี้เขาถูกลูกหลานพามาที่นี่และนอนเตียงตัวเดียวกันนี้แล้วครั้งหนึ่ง ชายชรามองเตียงสีขาวสะอาดตาและหันกลับมามองเจ้าหน้าที่กับลูกหลาน พยายามจะเข้าใจว่าด้วยอายุอย่างเขาและด้วยภารกิจเร่งรีบของชาวกรุงของลูกคงทำให้ไม่สามารถดูแลเขาเหมือนที่เขาเคยคาดหวังไว้ ชายชราไม่พูดอะไรเลยไม่ว่าจะเป็นตอนที่เจ้าหน้าที่ช่วยจัดของหรือตอนที่ลูกสาวยกมือไหว้ก่อนขับรถจากไป
วันเวลาในบ้านพักคนชราผ่านไปอย่างหงอยเหงาเศร้าสร้อย โอฬารไม่ทำอะไรหรือไม่พูดกับใครเลย ชายชราผ่านวันและคืนไปกับการนั่งเหม่ออยู่ที่ระเบียงและอาหารที่แตะเพียงน้อยนิด เวลานี้เขาเริ่มรู้สึกอยากพ้นไปเสียจากโลกใบนี้อีกครั้ง คิดถึงวันที่เขาถูกใครบางคนช่วยให้พ้นจากหุบเหวอันมืดมิดแห่งความตายขึ้นมาสู่การมีชีวิตอีกครั้ง ไม่แน่เขาอาจจะตัดสินใจผิดก็ได้....
จากคุณ :
ธามาดา
- [
12 ม.ค. 50 15:23:21
]