ตอนที่ 1 กลางฤดูใบไม้ร่วง : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4909385/W4909385.html
ตอนที่ 2 สัปดาห์ถัดมา : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4929850/W4929850.html
ตอนที่ 3 ก่อนถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง: http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4970067/W4970067.html
ตอนที่ 4 ปลายฤดูใบไม้ร่วง: http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5027977/W5027977.html
------------------------------------------------------------------------
ตอนจบ: สิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วง
คืนวันที่ 31 ธันวาคม เข้าสัปดาห์ที่สองที่เธอกลับมาถึงเมืองไทย
อีกไม่นานก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว อัญญาเพิ่งจะมีโอกาสได้หยุดพัก หลังจากต้องจัดการอะไรหลายอย่างให้เรียบร้อยก่อนวันหยุดยาวจะมาถึงมาหลายวัน จนแทบจะไม่มีเวลาใส่ใจกับอาการ เจ็ทแล็ก อย่างการพบอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ กับโปรเฟสเซอร์การ์ดเนอร์ที่ปรึกษาวิจัยอิสระเมื่อเธอเรียนอยู่ที่บัฟฟาโล ซึ่งเดินทางมาเก็บข้อมูลวิจัยในเมืองไทยช่วงเวลาเดียวกันพอดี และรายงานตัวกลับจากการศึกษาในต่างประเทศกับทางคณะและทางบัณฑิตวิทยาลัย
เธอนั่งพิมพ์รายงานประเมินค่าใช้จ่ายและขั้นตอนเกี่ยวกับการทำเรื่องไปศึกษาต่อต่างประเทศให้กับฝ่ายกิจการนักศึกษาของคณะ
ค่าใช้จ่ายจริงในการศึกษาต่อในโครงการความร่วมมือทางการศึกษาของคณะนิติศาสตร์กับโรงเรียนกฎหมายของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก เมืองบัฟฟาโลมีรายละเอียดปลีกย่อยผิดไปจากค่าใช้จ่ายที่ประเมินไว้ในหลักสูตรตั้งแต่ต้น
โปรเฟสเซอร์เว็บสเตอร์ส่งอีเมล์มาแจ้งเรื่องเกรดในวิชา Legal Research and Writing กับงานวิจัยอิสระเรื่องกฎหมายกับศาสนาให้เธอได้รับรู้
ถึงเกรดจะยังออกมาไม่ครบ หากเกรดของสองวิชาที่ออกมาก็ไม่เลวนัก... อย่างน้อย ก็คุ้มค่ากับทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ทางโรงเรียนกฎหมายของมหาวิทยาลัยทางอเมริกามอบให้ และไม่ทำให้ความคาดหวังของอาจารย์ที่สนับสนุนให้เธอไปที่นั่นสูญเปล่า
ใจจริงแล้ว เธอไม่ได้เล็งผลเลิศว่าจะต้องได้คะแนนเท่านั้นเท่านี้ เธอไม่ได้ตั้งเป้าหมายในเรื่องดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากจะกดดันตัวเองมากเกินไป สิ่งเดียวที่เธอบอกตัวเองตลอดเวลา คือ ทำทุกอย่างให้สุดความสามารถ อย่าหยุดนิ่งอยู่กับที่ และอย่ากลัวที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง
ประสบการณ์ในโรงเรียนกฎหมาย และความรู้ที่พยายามตักตวงกลับมาให้ได้มากที่สุดในเวลาอันจำกัด คือ สิ่งที่หาค่ามิได้ที่เธอได้รับกลับคืนมา
เธอยิ้มกับข้อความตอนท้ายของจดหมายจากเจนนา เว็บสเตอร์
I really enjoy working with you this semester. You did a wonderful job, and I hope youre very proud of your efforts as I am... I hope well see one another again. Please dont hesitate to contact me with any question or concerns you have.
ได้อ่านข้อความเหล่านี้แล้วก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง และอดปลื้มใจไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำพูดของโปรเฟสเซอร์การ์ดเนอร์ในวันที่พบและคุยกันเกี่ยวกับหัวข้อวิทยานิพนธ์ ซึ่งเขาบอกกับเธอว่า เจนนา เว็บสเตอร์ประทับใจในตัวเธอเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการพัฒนาตัวเองของเธอ
ที่จริง เธอไม่ได้ทำอะไรเพื่อเอาใจใคร ไม่ชอบเข้าไปคุยกับอาจารย์คราวละนาน ๆ ไม่เคยถามคำถามที่คิดว่าอาจารย์น่าจะตอบไม่ได้เพียงเพื่อจะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองเก่ง
เธอเพียงแต่พูดเรื่องที่ควรจะพูด ถามในเรื่องที่ควรจะถามและเธอควรจะรู้ และใส่ใจในเรื่องที่ควรใส่ใจเท่านั้น
อีกประการหนึ่ง ความพยายาม และความถ่อมตัว คือ คุณสมบัติเฉพาะตัวที่สำคัญของนักศึกษาเอเชียแทบทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างจากนักศึกษาอเมริกันโดยสิ้นเชิง และดูจะเป็นสิ่งที่อาจารย์พอใจในตัวนักศึกษาเอเชียมากที่สุด
แม้ว่านักศึกษาเอเชีย รวมถึงเธอด้วย มักจะแย่งนักศึกษาอเมริกันซึ่งเป็นเจ้าของภาษา และขอให้ตัวเองได้พูดได้แสดงความคิดเห็นไว้ก่อนไม่ทัน เพราะการแสดงความคิดเห็นในห้องเรียนเป็นสิ่งหนึ่งที่อาจารย์จะให้คะแนน แต่ถ้ามีโอกาสพูดขึ้นมาเมื่อใด นักศึกษาเอเชียก็มักจะพูดได้ตรงประเด็นมากกว่า เพราะทำการบ้านมาล่วงหน้านานกว่า อ่านมามากกว่า ฟังมามากกว่า มีความมานะพยายามยิ่งกว่า เนื่องจากต้องพยายามฝ่าข้ามกำแพงทางภาษาของตนเองออกไปให้ได้ และไม่สนใจที่จะแข่งขันกับคนอื่นในห้องเรียน
เธอถอนใจเบา ๆ เมื่อคำถามของโปรเฟสเซอร์การ์ดเนอร์หลังจากที่สนทนาเกี่ยวกับระเบียบวิธีวิจัยของเธอเรียบร้อยแล้วแวบเข้ามาในความทรงจำ...
ตั้งแต่กลับมาเมืองไทย คุณยังได้ติดต่อกับเพื่อน ๆ ทางโน้นอยู่หรือเปล่า อาจารย์ถาม
และเมื่อเธอตอบรับ อาจารย์ก็ถามคำถามอีกคำหนึ่งที่ทำให้เธอถึงกับชะงัก ไฮน์ริคบอกคุณหรือเปล่าว่าเขาจะกลับเยอรมันในช่วงวันหยุดฤดูหนาวนี้ไหม
เขากับเธอไม่ใช่คนเดียวกันสักหน่อย แต่ดูเหมือนว่าอาจารย์มักจะโยงเอาเธอกับทนายความชาวเยอรมันคนนี้ไว้ด้วยกันเสมอ นับตั้งแต่ช่วงครึ่งเทอมหลังของเทอมฤดูใบไม้ร่วงเป็นต้นมา...
โปรเฟสเซอร์การ์ดเนอร์กับโปรเฟสเซอร์เว็บสเตอร์เป็นอาจารย์ที่คอยดูแลนักศึกษาปริญญาโทนานาชาติ ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องส่วนตัว แม้เธอจะไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ท่านฟัง แต่สิ่งที่โปรเฟสเซอร์เว็บสเตอร์เห็นกับตา และอาจจะได้รับรู้จากเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ย่อมต้องถึงหูโปรเฟสเซอร์การ์ดเนอร์ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
จะหัวเราะขำ หรือจะรู้สึกแบบไหนดีนะ เรา
เธอนึกในใจ
ลมหนาววูบหนึ่ง พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้... หญิงสาวดึงแจ็คเก็ตที่สวมอยู่ให้กระชับเข้ากับตัว ลุกจากเตียงที่เธอนั่งทำงานอยู่ ไปปิดหน้าต่าง
นั่นสินะ... เวลานี้ที่อเมริกาก็ย่างก้าวเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วเหมือนกัน และอีกไม่กี่วันนับจากนี้เทอมฤดูใบไม้ผลิ ที่ไม่มีเธออยู่ ก็จะเริ่มต้นขึ้น
เธอคลิกบันทึกเอกสารที่พิมพ์อยู่ ปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หลับตาลง นิ่งฟังเสียงของลิซ่า โอโนะจากเครื่องเล่นซีดี และนึกถึงใครคนหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป ในห้องหนังสือเล็ก ๆ ที่โอบล้อมด้วยเสียงเพลงบอสซาโนวาแผ่วเบาเพลงนั้น...
My breaking heart and I agree
That you and I could never ever be
So with my best, my very best, I set you free
I wish you shelter from the storm
A cozy fire to keep you warm
And most of all...
When snowflakes fall, I wish you love [*]
***********************************************
I Wish You Love นี่เอง
ผมเคยฟังแต่ที่นาตาลี โคลกับแฟรงก์ ซินาตร้าร้อง ไฮน์ริคเอ่ย ระหว่างที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะเดียวกันในบริเวณบัลดี้วอล์คเวย์ หลังจากเขานั่งมองเธอค้นคำพิพากษาบรรทัดฐานไปด้วย และฟังเพลงจากซีดีไปด้วย จนกระทั่งเธอสังเกตสีหน้ากับท่าทางอยากรู้อยากเห็นของเขา และยื่นหูฟังที่เสียบต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของเธอให้เขาฟังแทนคำพูด
I Wish You Love ที่ลิซ่า โอโนะร้องฟังดูไม่ค่อยเศร้าเท่ากับที่นาตาลี โคลร้องนะ ผมว่า เขาออกความเห็น แต่ถึงยังไงเนื้อเพลง มันก็เศร้าอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ
ถึงจะเศร้า แต่ฉันก็ชอบนะคะ เธอบอก
เธอรับหูฟังคืนมา และใส่หูฟังกลับเข้าที่เพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างหนึ่งปล่อยวางไว้บนโต๊ะ เพื่อให้หูอีกข้างหนึ่งว่างพอที่จะได้ยินว่าเขาพูดอะไร
ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงชอบฟังเพลงเศร้ากันนักนะ คนช่างซักตั้งข้อสังเกต
อัญญาไม่ได้ตอบความเขาทันที หากใช้ปากกาขีดฆ่าหมายเลขคดี หรือ Citation ที่อ่านดูแล้ว หลักกฎหมายเรื่องนั้นปรับใช้กับข้อเท็จจริงในคดีปัจจุบันที่เธอได้รับโจทย์มาไม่ได้
เพลงเศร้ามักจะมีทำนองและเนื้อหาที่กินใจมากกว่าเพลงรักทั่ว ๆ ไป เธอว่าพลางพิมพ์หมายเลขคดีอีกชุดหนึ่งลงไปในช่องค้นหาของหน้าเว็บ Westlaw โดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขา
คนเรามักจะฝังใจกับเรื่องเศร้ามากกว่าจะจดจำเรื่องที่มีความสุข เพราะช่วงเวลาที่เรามีความสุขมักจะเป็นช่วงเวลาที่สั้นมากในความรู้สึกของเรา ในขณะเวลาที่เรามักจะรู้สึกว่าเวลาที่เป็นทุกข์นั้นเนิ่นนานกว่าความเป็นจริงเสมอ
สำหรับเรื่องที่เราสามารถมองเห็นถึงต้นสายปลายเหตุของความกังวลที่เกิดขึ้นได้ เราก็จะทุกข์กับมันน้อยกว่า ส่วนเรื่องที่สืบสาวหาเหตุผลได้ยาก เราก็จะทุกข์กับมันมากกว่า
ในเมื่อความรักเป็นสิ่งที่เข้าใจง่ายที่สุด และเข้าใจได้ยากที่สุดในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้น เรื่องราวของความรักที่ผิดหวังถึงกินใจมากกว่าไงคะ
เขานิ่งฟังเธออย่างครุ่นคิดครู่หนึ่ง
คุณเคยรักใครแล้วผิดหวังในตัวเขามาก่อนหรือครับ เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเกรง ๆ เธออยู่นิด ๆ เหมือนกลัวว่าคำถามของตนเองจะทำให้เธอไม่พอใจ และไม่ยอมพูดกับเขาอีก
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาตอบ ไม่หรอกค่ะ
ฉันไม่เคยรักใครเสียด้วยซ้ำไป
เธอยิ้มน้อย ๆ ให้เขา เมื่อเห็นวาบความรู้สึกหนึ่งเริ่มก่อตัวขึ้นในดวงตาสีฟ้าของคนตัวโตกว่า
แต่ฉันไม่ได้บอกไม่ใช่หรือคะว่า ฉันจะไม่รักใคร
*************************************
[*] I Wish You Love (Originally - "Que reste-t-il de nos amours?) Music by Leo Chauliac, French lyrics and music by Charles L. Trenet, English lyrics by Albert A. Beach
(มีต่อนะคะ)
แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 50 00:18:45
แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 50 23:15:08
แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 50 23:14:37
จากคุณ :
ปิยะรักษ์
- [
14 ม.ค. 50 23:13:13
]