Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ห้องของเราที่ปลายเสียงโฟน

    ฉันรู้จักตัวตนของเขาเฉพาะจากเสียงโทรศัพท์ถ้ายังไม่คิดไปถึงเรื่องต่างๆที่เราคุยกันละก็ เสียงของเขายังดูเด็ก น่ารัก อารมณ์ดี ทั้งที่จริงเขาอายุมากกว่าฉันเสียอีก

    เราเข้ากันดี คุยกันไปได้เรื่อยๆจากเรื่องนี้ไปเรื่องโน้นเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้นไม่ว่าจะพูดอะไรขึ้นมาการสนทนาก็ไม่ขาดตอน แต่ละครั้งก็จะมีอะไรใหม่ๆมาให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น เราต่างชื่นชมในกันและกัน ไม่เคยต่อว่าหรือทะเลาะ เรามีความสุขราวกับได้นั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่นแสนสบายๆกับเพื่อนสนิท คนที่ลงไปนอนกลิ้งกอดคออยู่บนพื้นพรมขนยาวนิ่มๆด้วยได้อย่างนั้นเลย    อ่ะฮ้า..


    นานวันเข้าฉันยิ่งชอบเขามากขึ้น ฉันหลงใหลไปกับความฉลาด เจ้าความคิด คิดอะไรไม่มีหยุด เป็นนักกีฬา ใจดีและมีด้านของความแตกต่างในตัวเอง เขาชอบการค้นคว้าสิ่งลึกลับเรื่องโบรานแต่ตัวจริงๆกลับต้องทำงานอยู่กับเทคโนโลยีอย่างเจ้าตัวซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ทุกวี่วัน มันฟังยากเมื่อเขาบ่นเรื่องตัวงานขึ้นมา ฉันไม่ค่อยเข้าใจนักแต่เขาพยายามจะเล่าช้าๆและทำท่าเหมือนคุณครูสอนบทเรียนเบื้องต้นให้ฉันได้เข้าใจง่ายๆ จนชมไปว่าเขาน่าจะเป็นครูที่ดีได้คนหนึ่งทีเดียว ฉันว่าเขาน่าจะทำได้ดีในงานของเขาด้วยซ้ำถึงแม้บางวันจะคิดแก้ไขงานไม่ออกแต่วันหลังที่โทรมาคุยเขาก็รายงานเสร็จสรรพว่าแก้ได้แล้ว-แก้ยังไง เราเอาเรื่องงานของเรามาบ่นให้กันฟังแล้วเราก็ได้กำลังใจจากอีกคน คำแนะนำบางอย่างก็น่ารัก แสนดี ไม่มีอะไรแอบแฝง ฉันหายเหนื่อยได้เลยล่ะและบางทีเรื่องที่ฉันเจื้อยแจ้วตอบไปตามประสาเขากลับนิ่งคิดตามและเกิดความคิดเจ๋งๆออกมาแล้วเอาไปลองทำกับงานดูเสียอีก


    อย่างกับรู้จักกันมานาน ความวางใจเข้ามาโอบอุ้มเราสองคนเอาไว้ให้แนบชิดอย่างเบามือ เรารู้ว่าต่างคนก็มีโลกความจริงอยู่แล้วตรงหน้า ไม่มีใครได้หรือเสียอะไรจากกันไปมากกว่านี้แล้ว เสียงตามสายโทรศัพท์เป็นอีกห้องที่จะสามารถเดินเข้าไปนั่งเล่น คุยกับเพื่อน ปลดปล่อยทุกข์ บรรเทาทุกข์ เรามีความสุข-หัวเราะด้วยกันที่นั่น จากแค่ที่ฉันเคยอนุญาตให้โทรมาได้สองสามวันครั้งก็ขยับห่างออกไปเพราะงานที่ทำให้เวลานอนยามค่ำคืนของเราไม่ตรงกัน ฉันรับโทรศัพท์ดึกมากไม่ได้เพราะมันหมดแรงพลังจะฝืนร่างกาย แต่เขาโทรมาสม่ำเสมอไม่เว้นสัปดาห์ ดูเหมือนฉันจะยังเฝ้ารอคืนวันจันทร์ที่จะมาถึง ฉันไม่ได้ปิดโทรศัพท์นอนตั้งแต่สี่ทุ่มอย่างเมื่อก่อนเคย เวลาที่คุยแต่ละครั้งนานชั่วโมงขึ้น เราคุยกันจนเพลินเสมอ ฉันต้องคอยเตือนว่าปาเข้าไปตีไหนแล้ว ระวังจะตื่นมาทำงานสายเอา เราส่งเสียงหาวมาแข่งกันแต่ก็อีกหลายนาทีกว่าจะยอมวางสายหลับตานอนกันไป ทำไมเวลาตั้งใจจะวางมันกลับมีเรื่องให้คุยให้ถามเข้ามาไม่หยุดเลยนะ  ( แต่ช่วงนี้มันเริ่มเปลี่ยนไป..  )


    คนสองคนอาจมีบางอย่างดึงดูดกันจนหากันเจอและต้องมารู้จักกันเข้า ก็ไม่เชิงว่ารู้จักสินะ เราเป็นเพื่อนในสถานะหนึ่ง เราแค่โทรศัพท์คุยกัน ถึงฉันจะสะสมความอยากในอันที่จะพบเขามากถึงระดับแล้วแต่เขายังคงยืนยันว่าจะพบแค่เสียงแบบนี้ “เมื่อไหร่ตัวเองจะมากินเซเว่นเซ่นกับเขาล่ะ” เขาเลี่ยงคำตอบไปเรื่องอื่นดื้อๆจนฉันหัวเราะกับมันและมั่นใจว่าคำตอบของเขาจะไม่มีวันเป็นคำว่า “วันไหนดีล่ะ” จริงๆเสียทีหรอก ฉันไม่เคยโกรธเขาเลย

    ทำไมนะ??


    ฉันร้องไห้ ไม่ไหวแล้วสิ่งที่สะสมเอาไว้ ไม่เสียหายไม่ใช่หรือถ้าเพียงเราใช้เวลาในห้องนั่งเล่นของเราเก็บความรู้สึกที่ดีเอาไว้ เขาควรจะได้รู้  ฉันบอกกับเขาในคืนหนึ่งพรวดผ่ากลางการสนทนาว่า ฉันชอบเขา ,ชอบมากแค่ไหน จริงๆนะ ฉันพูดไปแล้วด้วยเสียงที่จริงจัง คอฉันแห้งผากหลังจากทำลงไป ฉันพยายามจะคุยเรื่องอื่นต่อกลบเกลื่อนเหมือนว่าเมื่อตะกี้แค่กระแอมไอแก้เจ็บคอเฉยๆ แต่เสียงพูดมันปร่าแปร่ง อารมณ์ในคำนั้นมันยังกรุ่น ที่สุดเสียงร้องไห้มันก็หลุดออกไปที่ปลายสาย เขาเงียบเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันว่าเขารู้

    เขารีบร้องเพลงดั้นสดๆคีย์เสียงและเนื้อร้องพิลึกพิลั่นส่งเสียงมาอย่างที่เคยหยอกล้อฉันเล่นให้อารมณ์ดี เขาอยากได้ยินเสียงฉันหัวเราะมากกว่าร้องไห้  แต่นั่นยิ่งทำให้ฉันซาบซึ้งกับการใส่ใจเรื่องเล็กน้อยของคนอีกฝั่งสาย เหมือนมือของเขาลอดมายังฝั่งนี้ เช็ดหยดน้ำตาเปียกแก้มให้แห้งไป จ้องนัยตาฉันนิ่งแล้วปากก็พร่ำปลอบใจ ตบหัวเบาๆ จำได้ว่า คืนนั้นฉันนอนหลับไปพร้อมน้ำตาที่แห้งเป็นทางยาวพาดบนแก้มจริงๆ

    ครั้งหนึ่งเขาโทรมาตอนกลางวันแต่สัญญาณไม่ดีเลยไม่ได้คุยกัน ฉันถามว่าโทรมาทำไม นั่นมันนอกเวลาของเรา เขาแค่อยากบอกเรื่องเล็กๆ

    “จะออกไปแตะบอลแล้วนะ และ..วันนี้กินข้าวมันไก่มา อร๊อยอร่อย แค่นั้นล่ะ”
    ความตั้งใจที่อยากพูดคำพูดง่ายๆแบบนี้ทำให้ฉันนิ่งไปสักพัก
    “ไม่เป็นไรตอนนั้นคุยไม่ได้ก็คุยตอนนี้ได้ ไม่อยากโทรกลางวัน เกรงใจ รู้ว่าน้องทำงาน”
    ยังมีคราวหลังอีกที่เขาบอกว่าอยากโทรมามากเพื่อจะคุยสั้นๆอาจจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ได้ถ้าโทรมาติด เพียงเพื่อถามว่ากินข้าวหรือยัง นอนหลับฝันดี กู๊ดไนท์นะและจูบก่อนนอน..บางวันที่เขาโทรมาฉันก็เล่าว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้าง ทำงานหนัก เหนื่อยแค่ไหน ฉันขอเขาได้ว่าอยากให้เขาพูดอะไร เขาให้ทุกอย่าง เขาให้กำลังใจให้พลังในการคิดแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องงานเรื่องชีวิต และให้เวลาปล่อยฉันได้นอนพักผ่อนแค่เพียงพูดว่าวันนี้อยากนอนเร็วหน่อย

    แต่มันชักจะกลายเป็นว่าเขาเริ่มขอฉันคืนโดยไม่ต้องพูดออกมาตรงๆ ขอใจทีละนิด จากคนที่เคยเป็นฝ่ายให้ความสุขฉัน ตอนนี้เขาก้าวย่ำเข้ามาในโลกความจริงใกล้ตัวฉันเข้ามาทุกที หลังจากที่รู้ว่าเขาโทรมาตอนกลางวันจริงๆและเขาจะได้สิ่งที่เขาต้องการทุกคืนวันจันทร์ ไม่ว่าฉันจะเอ่ยปากว่าไม่เอาไม่เล่นนะ เหนื่อย หรืออะไร เขาก็ทำให้ฉันใจอ่อนจนได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเสียงน่ารักๆคำพูดอารมณ์ดีฉลาดๆเท่านั้นหรอก มันมีอะไรมากกว่านั้น


    เมื่อคืน เรานอนตีสามพร้อมกัน ถึงแม้สายจะหลุดหลายหนแต่เขาไม่หยุดความพยายามที่จะโทรมาอีกซ้ำๆเพื่อให้เขา “ได้” เพราะเขายังไม่ง่วง ฉันบอกเขาว่าจะไปต่างจังหวัด
    “แล้วพี่โทรไปเหมือนเดิมได้ไหม?”
    ฉันไม่สะดวกจะคุยดึกๆด้วยเพราะนอนร่วมห้องกับคนอื่น ไม่ได้แยกห้องคนเดียวไปสักพัก
    “งั้นพรุ่งนี้จะโทรหาเย็นๆนะ จะได้รู้ว่าขึ้นรถหรือยังหรือว่าไม่ได้ไป..อยู่กรุงเทพฯนี่ล่ะก็ไม่ต้องไปสิ”
    เขาขอ,เหมือนเขากลัวว่าฉันจะไม่กลับมาแล้ว  
    ไม่รู้ว่า                นี่เขารู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา!?

    “แล้วถ้าไปจริงๆพี่จะโทรมาพูดสั้นๆแล้วกัน” เสียงเขาแข็ง

    คงผิดหวังจากที่เขาหวังเอาไว้ว่าต่อไปนี้จะโทรมาคุยได้ตอนดึกๆบ่อยๆและจะได้กอดกันทุกคืนสมกับที่คิดถึง เราอาจจะเริ่มต้องการสวนทางกันแล้ว เขาไม่สนใจจะต้องการถามว่าฉันมีใครอยู่บ้างไหมหรือเบอร์โทรอื่นของฉันเบอร์อะไร เขาว่าเรื่องส่วนตัวเขาไม่อยากรู้ เขาเคารพในสิ่งนั้นพอ แต่เขาฉลาดพอที่จะปะติดปะต่อชีวิตส่วนตัวและนิสัยของฉันได้เพียงแค่จากข้อมูลที่เราคุยกัน

    เขาฟัง เขาไม่เคยรุกล้ำ เขาสุภาพ ฟังดูดีใช่ไหม? ฉันน่าจะเก็บความเป็นเพื่อนกับเขาไว้แบบนี้ให้นานเท่านาน เพราะคุยทีไรก็สบายใจ แต่มันเริ่มเปลี่ยน ทำให้ฉันเริ่มหยุดคิดถึงเรื่องนี้ คิดไปถึงการไม่รับสายคุยกับเขาดูบ้าง ฉันจะทำได้กี่อาทิตย์กันนะ?

    หรือฉันจะคิดพอใจแค่เพียงเท่านี้?  เขาเคยมั่นคงกว่าฉันที่จะไม่เผลอรับคำว่าจะออกมาพบกันจริงจังนี่นา ไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่มา เขาปิดบังหลบเลี่ยงโกหกหรือจะอะไรแต่คำตอบนั้นคงจะไม่เปลี่ยน ในขณะที่คนอย่างฉันไม่มีอะไรปิดเขาเลย ในห้องนั้นฉันได้เปลือยต่อหน้าเขาจนหมดสิ้น

    เขานั่งรอที่ห้องนั้นของฉันอยู่เสมอ ฉันจะเก็บเขาเอาไว้เงียบๆ ..ฉันตัดสินใจแล้วว่าไม่ต้องเจอกันก็คงได้ ในเมื่อที่ผ่านมาเราก็มีความสุขดีอยู่แล้ว แต่เขาสิ เขาเริ่มจะออกมาจากห้องของเรา เอื้อมมาแตะโลกในชีวิตจริงของฉัน

    ฉันไม่อยากเดาและเดาไม่ถูกว่าคนฉลาดๆอย่างเขาทำอย่างนี้เพื่ออะไร ออกมาทำไม? เขาเปิดประตูห้องเดินออกมาตามฉัน รู้ไหมฉันกลัวอะไร ฉันกลัวว่าเมื่อไม่มีใครเฝ้าห้อง ห้องของเราจะหายไปกับกาลเวลา โลกข้างนอกไม่ได้สนุกมีความสุขอย่างในห้องของเราหรอกนะ จริงๆ เขาแคร์มันอย่างที่ฉันแคร์ไหม ?


    ฉันไม่อยากให้ห้องของเราแตกสลาย ได้โปรดอย่าโทรมาเลย ฉันไม่อยากอนุญาตให้เขาโทรมาแล้ว ฉันสับสนเหลือเกินแล้วใจ.... ฉันไม่รู้เบอร์โทรเขาด้วยซ้ำ ระบบโทรศัพท์ของเขาไม่ขึ้นตัวเลขให้ฉันรู้ มีแค่คำว่า “สายไม่รู้จัก”ปรากฏขึ้นที่หน้าจอมือถือฉันเท่านั้นที่จะเดาได้ว่าน่าจะเป็นเขา การรับสายของฉันเท่านั้นจึงเป็นการเปิดประตูห้องนั่งเล่นของเรา

    ........เดินกลับเข้าไปในห้องของเราสองคนเถอะ จับมือฉันก็ได้ แต่เดินไปกับฉัน อย่าออกมา.




                                                      คุณเคยมีห้องนั่งเล่นอย่างฉันบ้างไหม???


    To my wooddy, 26 sep 06

    จากคุณ : podduang-pk - [ 16 ม.ค. 50 21:40:48 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom