Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องตลกของโชคชะตา : น้องขนมเค้ก

    อ่า หายไปแว้บเดียว พันทิพ มี ณถนน ชื่อคล้ายๆ ณนนท์ เดี๋ยววันดีคืนดี เรียกยาหยีของตัวเองว่า ณถนน นี่คงน่ารักพิลึก.... ^^"

    ------------------------------------------

    ตอนที่ 12 : น้องขนมเค้ก

    “หวัดดีแป้น นี่มันเก้าโมงแล้วนะ ยังไม่ตื่นอีกเหรอ อ้วน ดำ แล้วยังตื่นสายอีก” น้ำเสียงรื่นระริก เหมือนเด็กเพิ่งได้ของเล่นใหม่

    “เรื่องของฉัน โทฯ มาทำไมแต่เช้า มีอะไรให้รับใช้หรือไงคะ เจ้านาย” ประชดเล็กๆ ตามประสา

    “เปล่า มีเรื่องจะบอก” กระตือรือร้นผิดปกติมาก

    “รีบว่ามา ฉันกำลังเดินชมทะเลยามเช้า ริมอ่าวคุ้งกระเบน” แต่เธอเองก็เก็บอาการอยากรู้อยากเห็นได้มิดชิดเหมือนกัน

    “คุณจำน้องคนนั้นได้ไหม” เปิดประเด็นด้วยน้องคนนั้น แค่ คำว่า “น้องคนนั้น” ก็รู้แล้วว่าหมายถึงใครแต่ก็ยังฟอร์มไว้ก่อนเพื่อความแน่ใจ

    “น้องคนไหน น้องกลางหรือน้องเล็ก ฉันจำได้ทั้งสองคนแหละ เพราะมันหล่อกว่าแกทั้งคู่เลย”

    “น้องคนที่ทำขนมเค้กให้ผมวันเกิดไง” เดาอะไรไม่เคยผิดเลยเฌลลี

    “จำได้ แล้วไง”

    “เค้าทำสมุดบันทึกเหมือนที่คุณทำให้ผมด้วยล่ะ”

    “เฮ้ย ลอกกันนี่หว่า คิดเองไม่เป็นหรือไง”

    “แต่เค้าทำสวยเหมือนกันนะ ของคุณน่ะไสกาวใช่ไหม ของเค้าน่ะเย็บเล่มมาเลย” มีข้อเปรียบเทียบ

    “แล้วไงอีก”

    “อ้าว ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” ดูเหมือนจะผิดหวังที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างที่คิด

    “รู้สึกอะไรล่ะ”

    “ไม่เห็นจะแหกปากกรี๊ดลั่นหาด เหมือนที่คิด”

    “ไอ้บ้า ใครจะกล้าล่ะ คนเต็มหาด”

    “ไม่หึง ไม่หวง ไม่หือ ไม่อือ เลยเหรอ”

    “แกจะให้ฉัน หือ หรืออือ ล่ะ”

    “เออ ลืมไป แป้นไม่ชอบการแข่งขันนี่หว่า”

    “เรื่องแค่นี้ ฉันไม่เรียกว่าการแข่งขันหรอกนะ เพราะการแข่งขันสำหรับฉัน มันคือการได้รู้ว่า แพ้ หรือชนะ ไม่ใช่ไร้จุดหมายแบบนี้ แล้วเรื่องน้องขนมเค้กนั่นก็เหมือนกัน แกเล่าให้ฉันฟังเพื่ออะไร? ในเมื่อสุดท้ายแล้วแกก็ไม่ได้รักฉัน หรือถ้าแกรักน้องคนนั้น แกก็คงจีบเป็นแฟนไปตั้งนานแล้ว ทำงานที่เดียวกันด้วยนี่ แต่ฉันน่ะอยู่ไกลตั้งเกือบสามร้อยกิโลเมตร ถ้านี่คือการแข่งขันฉันก็แพ้ตั้งแต่กิโลเมตรแรกแล้ว”

    “ผมแค่คิดว่ามันจะทำให้คุณมีแรงบันดาลใจที่จะเขียนเรื่องสั้นต่อต่างหาก”

    “แรงบันดาลใจที่ถูกสร้างขึ้นจากการหักหานน้ำใจเนี่ยเหรอ?”

    “เอ้า โกรธอีก”

    “เออเด่ะ มีไรไหม”

    “งั้นผมไปทำงานก่อนนะ มีประชุมตอนสิบโมงล่ะ” ว่าจบก็ตัดสายตื้ดดดดด ยังไม่ทันจะด่าจบเลยด้วยซ้ำ เฌลลีงงกับคำพูดของณนนท์ มากกว่าที่จะโกรธเคืองแต่ที่มากกว่านั้นคือ เธอไม่เข้าใจเจตนาของเขาว่าเล่าเรื่อง “น้องขนมเค้ก” ให้ฟังเพื่ออะไร ทั้งที่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ทำให้เฌลลี “รู้สึก” ได้มากที่สุด...

    เฌลลีไม่ใช่คนขี้หึง ขี้หวง เธอมีแค่สองขี้เท่านั้นในตัว คือขี้เกียจกับขี้ลืม ซึ่งขี้หลังเฌลลีถือเป็นข้อดี เพราะเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องราวเลวร้ายทั้งหลาย เธอมักจะลืมมันไปง่ายๆ เสมอ ดังนั้นทุกครั้งที่เฌลลีโกรธใครมันจึงเป็นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เธอเคยโกรธณนนท์ ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องหลายครั้ง แต่กว่าเขาจะรู้ว่าเธอโกรธ เธอก็ลืมไปแล้วว่าเธอโกรธเขาอยู่

    “น้องขนมเค้ก” เป็นหนึ่งในประเด็นที่ทำให้เธออยากดีดหน้าผากณนนท์แรงๆ หลายครั้ง เพราะไม่ว่าน้องคนนั้นจะทำอะไรให้ เขาก็จะเอามาเล่าให้เฌลลีฟังเสมอ ครั้งก่อนน้องคนนี้ก็สั่งหนังสือเล่มโปรดของเขาจากสำนักพิมพ์พร้อมลายเซ็นนักเขียนส่งไปกำนัลถึงบ้าน ไอ้ยื่นของเธอก็หน้าบานอยู่สามวัน

    เฌลลีนึกถึงเรื่องราวล่าสุดที่ผ่านมา  เรื่องที่เธอโกรธเขานั่นเอง

    “เป็นไรแป้น” วันนั้นเป็นวันที่สองหลังจากที่เขาได้รับหนังสือจากน้องคนนั้น

    “ไม่ได้เป็น” เธอหน้าตึงไม่บึ้ง ไม่ยิ้ม

    “หน้ายังกะตูดลิง บอกมา...เป็นไร”

    “ฉันโกรธแก”

    “โกรธเรื่องอะไร?”

    “แกเดาสิ ฉันโกรธแกเรื่องอะไร”

    “เรื่องที่ผมแซวว่าแฟนเก่าคุณจะมาหาเพื่อเป่าถ่าน หรือเรื่องที่ล้อว่าคุณหน้าแป้น เอ๊ หรือว่าเรื่องน้องขนมเค้ก”

    “เออ ทั้งหมดแหละ”

    “ฮ่ะๆ อัจฉริยะไหม เดาถูกหมดเลย”

    “ไอ้บ้า ฉันโกรธแกที่แกไม่เคยรักษาน้ำใจฉันต่างหาก ให้ตายเถอะ ถึงแกจะไม่เคยหรือไม่คิดจะรักฉันเลยในชีวิต ก็อย่าทำร้ายจิตใจฉันได้ไหม”

    ทั้งหมดเป็นความคิดที่รบกวนจิตใจของเฌลลีมาก เพราะมักจะทำให้เธอมีน้ำตาได้เสมอ แล้วกระป๋องเบียร์เปล่าของคนไร้สำนึกริมหาดก็ถูกเตะกระเด็น เนื่องจากตอนนั้นเธอมองเห็นมันเป็นพิมพ์ขนมเค้กไปแล้ว

    โป้กกกกกก.... แล้วมันก็ปลิวหวือ ไปโดนหัวคน

    “โอ๊ยยยยย ชิทททททท” สำนวนสบถแบบนี้คุ้นหูนัก

    “เฮ้ยยย นั่นกระป๋องเปล่า เอาหัวไปรับทำไม๊” คนที่ยืนเอาหัวโหม่งกระป๋องเบียร์คือ อีตาสมศักดิ์

    “คุณอีกแล้ว เจ๊หอย”

    “เรียกฉันว่าหอยอีกคำ ฉันจับนายโยนทะเลแน่”

    “ตัวเท่าพุดเดิ้ล ทำเป็นกร่างกับโดเบอร์แมน เดี๊ยะ...”

    “ว่าแต่ โลกมันกลมหรือประเทศไทยมันแคบกันแน่เนี่ย คุณสมศักดิ์ ฉันเจอคุณเป็นหนที่สองในรอบสองปีนะ ไหนคุณบอกว่าอยู่เนเธอแลนด์ แล้วเนี่ยมันคุ้งกระเบน ขี้โม้นี่”

    “จะฟังไหมเจ๊ พูดเองเออเองหมดเลย เออ ว่าแต่ ขาหายจากอาการซุ่มซ่ามเพราะไปตกหลุมรักคนที่เขาไม่รักหรือยัง”

    “ตอกย้ำ...เดี๋ยวสวย เดี๋ยวสวย”

    “แล้วคุณทำขนมเค้กเป็นหรือยัง”

    “คุณนี่ ทีเรื่องแบบนี้ล่ะความจำดีนัก ทีชื่อฉันล่ะไม่จำ”

    “ใครบอกไม่จำ คุณชื่อเชลซี คู่ปรับแมนยู”

    “เออ เอาเหอะ จะชื่ออะไรก็เหอะ ตกลงคุณมาทำอะไรที่นี่ เอ้าเลือดไหล ไปทำแผลก่อนดีกว่า”

    “ผมเจอคุณทีไรได้เลือดทุกทีสิน่า, ผมมาทำวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ทะเลชายฝั่งแล้วคุณล่ะ คราวก่อนเจอบนเกาะ คราวนี้เจอริมหาด ว่างงานหรือไง”

    “ใช่ ช่วงนี้น่ะว่าง คุณมีอะไรให้ฉันช่วยไหมล่ะ”

    “ช่วยทำแผลให้ก่อนดีกว่า”

    “หัวแตกอ่ะคุณ เป็นแผลยาวเลยไปโรงพยาบาลดีกว่านะ”

    “ก็ดีเหมือนกัน” แล้วก็ถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัด

    “เฮ้ยยยย นี่โลกมันกลมหรือประเทศไทยมันแคบเนี่ย? พี่ผา มาทำอะไรที่นี่” คนที่กำลังเย็บหัวอีตาสมศักดิ์อย่างมันมืออยู่ ก็คือคนที่เธอคุ้นเคยนั่นเอง

    “อ้าวหนูลีเองเหรอ พี่ผาย้ายมาช่วยราชการครับ ” ชายหนุ่มตัดไหมและส่งหัวบาดเจ็บให้พยาบาลต่อ

    “พี่ผา ไม่เรียกหนูลีได้ไหม อายเค้า” เธอกระซิบเบาพอที่จะได้ยินสองคน แต่เขาสิ ไม่เบาด้วยเลย

    “ก็พี่เรียกแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก”

    “ได้โปรด... คุณหมอขา เรียกชื่อเต็มเถอะค่ะ ไม่งั้นอีตาฝรั่งนั่นเอาชื่อน้องไปล้อเล่นแน่ๆ เลย”

    “เขาเป็นแฟนหนูลีเหรอครับ”

    “เปล่าค่ะ น้องไม่มีแฟนหน้าตาหล่อลากไส้ขนาดนี้หรอก”

    “โล่งใจ นึกว่ามีแฟนเสียแล้ว” สีหน้าโล่งใจ ดีใจ หรือเสียใจจะเป็นหน้าแบบเดียวตลอด และมิลลี่น้องสาวของเฌลลีมักจะแอบเรียกลับหลังบ่อยๆ ว่าพี่ผาหน้านิ่ง

    “ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าไม่มี” เธองุบงิบ อุบอิบ งุ้งงิ้ง พูดในลำคอ

    “เอ้า เหรอ งั้นพี่ผาก็อกหักแล้วสิ”

    “ใช่คนที่คุณทำสมุดบันทึกให้นั่นหรือเปล่า” ประโยคนี้เป็นของหนุ่มลูกครึ่งนนทบุรี แคนาดา ที่มีชื่อเป็นภาษาไทยว่าสมศักดิ์ และมีพ่อชื่อสมชาย

    “ยุ่งน่ะ ตกลงหัวหายแล้วนะ”

    “หัวหายก็ตายสิคุณ”

    “ตลกตายล่ะ คนนี้พี่ชายข้างบ้านฉันชื่อคุณหมอผาเมือง คนที่เย็บหัวให้คุณตะกี้แหละ”

    “ผมชื่อสมศักดิ์ครับ เรียกผมว่า จุ๋ม ก็ได้ครับ”  

    “โอ้ พระเจ้ายอดมันจ๊อดมั่กๆ ชื่อจริงว่าสมศักดิ์ ชื่อเล่นว่าจุ๋ม พ่อแม่คุณนี่ก็ช่างตั้ง” เฌลลีลืมนึกไปว่าชื่อตัวเองก็ใช่ย่อยเมื่อไหร่ล่ะ

    “แล้วไงเจ๊หอย มีปัญหาอะไรกับจุ๋มเรอะ” เขาหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ แต่ไม่ได้มีทีท่าว่าเจ็บแผลที่เย็บไปเมื่อครู่สักนิด เฌลลีนึกหมั่นไส้ ทีเข็มปักกระทงอันนิดเดียวทำเป็นจะตาย แล้วทีหัวแตกเย็บตั้งหกเข็มกลับไม่ได้รู้สึกอะไร

    “โน๊ ไม่กล้าเป็นเด็ดขาด ตัวยังกะยักษ์ เดี๋ยวคุณหักคอฉันขึ้นมาก็แย่สิ”

    “ครับผม เราเป็นเพื่อนบ้านกัน พ่อกับแม่เราเป็นเพื่อนกันเธอเลยนับถือผมเป็นพี่ชาย ซึ่งจริงๆ แล้วพ่อกับแม่หวังว่าเราจะเป็นคนรักกันมากกว่า”

    “โอ้... เยี่ยมไปเลย เห็นไหม ผมบอกแล้วที่จริงคุณไม่จำเป็น ต้องหัดทำเค้กด้วยซ้ำ คนที่รักคุณก็มี”

    “คุณจุ๋ม ฟังฉันให้ชัดๆ นะ เออ ทั้งสองคนนั่นแหละ คนเราถ้ามันไม่รักมันก็แปลได้อย่างเดียวว่าไม่รัก โอเค๊” ว่าจบก็เดินหนีด้วยความขุ่นใจ... วันนี้ มันเป็นวันอะไรนะ เธอถึงได้เจอแต่เรื่องแย่ๆ ตั้งแต่เช้า

    ----------------------------

    ตกเย็น ไอ้ยื่นก็โทฯ มาอีก...

    “โหล แป้น ไง หายงอนหรือยัง เมื่อเช้าผมลืมบอกไปน่ะว่า เขาทำสมุดบันทึกได้ไม่สวยเท่าคุณ”

    “ขอบใจย่ะ แต่ทีหลังจะตบหัวก็ไม่ต้องรอให้ไปเย็บก่อนหรอกนะ ค่อยลูบหลังน่ะ ว่าแต่กลับบ้านไป เอาอะไรมาฝากฉัน”

    “น้ำพริกกุ้งเสียบ”

    “เออดี ชอบกิน เดี๋ยวฉันจะแวะไปเอาที่บ้านนะ”

    “ได้สิ บอกแม่ว่ามาเอาของฝากนะ”

    “เหวอ... แม่มาเหรอ”  นานทีปีหนหรอก คุณพ่อคุณแม่ของบ้านนี้จะขึ้นมาหาลูกชายที่กรุงเทพฯ ที และ วันนี้ก็แจ๊คพ็อต

    “อื้อ คุณก็เคยเจอแม่ผมแล้วนี่ น่าจะจำได้”

    “ฉันไม่ได้ความจำเสื่อมหรอกน่า แต่ขอไม่ไปได้ไหม ฉันไม่ถนัดเข้าผู้ใหญ่”

    “งั้นผมจะเอาใส่ตู้ไปรษณีย์หน้าบ้านไว้ก็แล้วกัน”

    ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์

    “นี่ ทำไมฉันถึงยังไม่ได้น้ำพริกกุ้งเสียบล่ะ ไม่เห็นมีพัสดุไปรษณีย์มาถึงฉันเลย”

    “เอ้า ก็เอาใส่ไว้ตู้ไปรษณีย์หน้าบ้าน คุณเข้ากรุงเทพฯ มาไม่แวะมาไขเอาเองล่ะ กุญแจก็อยู่ในพวงเดียวกับกุญแจบ้านไง” แล้วเฌลลีเก็ทคำว่าตู้ไปรษณีย์ของณนนท์ทันที

    “นั่นเค้าเรียกตู้รับจดหมาย ไม่ใช่ตู้ไปรษณีย์เฟร้ยยยย”

    --------------------------------------------

    ตอนที่แล้ว อ่ะค่ะ

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5017561/W5017561.html

    แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 50 14:03:31

    จากคุณ : ดาริกามณี - [ 17 ม.ค. 50 08:51:42 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom