Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องตลกของโชคชะตา : ใจที่ไร้แรง

    ตอนที่ 13 : ใจที่ไร้แรง

    ผาเมืองเป็นชื่อของชายหนุ่มร่างสูง ผอมบาง หน้าตาดีมีชื่อเลียนแบบเจ้าเมืองโบราณ มีอาชีพเป็นหมอศัลยกรรมสมองหนึ่งในไม่มากคนนักของประเทศ เขาเป็นหมอเสนารักษ์ประจำโรงพยาบาลค่ายทหารมณฑลทหารบกแห่งหนึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ระหว่างรอคำสั่งไปช่วยกาชาดชายแดนที่อิสราเอล เขาได้ขอย้ายตัวเองมาประจำที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งนี้ เหตุผลมีอยู่อย่างเดียวคือ... เพราะอยู่ใกล้เฌลลี

    ผาเมืองเรียกเธอว่าหนูลี และเรียกน้องสาวของเธอว่าหนูลี่เหมือนที่ครอบครัวของเธอเรียก นั่นเพราะทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันดี และหมายเป็นทองแผ่นเดียวกันด้วยการทาบทาม “ลูกคนโต” ของทั้งสองบ้านให้เป็นคู่ครองกัน

    โคตรจะหัวโบราณ! แต่เฌลลีก็ไม่ได้ขุ่นข้องหมองใจ หรือมีปฏิกิริยาต่อต้านอย่างไม่สมเหตุสมผล เพราะเธอคิดว่าพ่อแม่ก็ย่อมต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก แต่พ่อกับแม่ของเฌลลีก็ไม่ได้จำกัดสิทธิ หรือบังคับให้แต่งงาน ดังนั้นผลการจับคู่ดูจะไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจของทั้งสองฝ่ายนักเมื่อเจอเรื่องตลกของโชคชะตาเข้า

    มิลลี่ น้องสาวคนรองหลงรักผาเมืองมาตั้งแต่ความสูงเท่าต้นมะเขือ แต่เธอก็ปากแข็งด้วยเพราะนิสัยของมิลลี่ที่ค่อนไปทางเย่อหยิ่งตามประสาคนสูงและสวย ซึ่งเฌลลีแอบทึ่งและชื่นชม เธอคิดว่ามันแสนจะเท่ที่ได้แอบรักใครสักคน เฌลลีรู้จักน้องสาวดี เธอพยายามยุแยงตะแคงรั่ว... อ่า.. ไม่ใช่แฮะ

    เธอยุให้ผาเมืองจีบมิลลี่อยู่หลายครั้ง แต่ดูเหมือนเขาจะภักดีในคำสั่งของบิดาจนไม่เปลี่ยนใจจากเธอ

    “ซวยโคตรๆ” เฌลลีบ่นกับตัวเองเมื่อเจอผาเมืองที่โรงพยาบาลในตอนที่พาสมศักดิ์ไปเย็บแผลหัวแตก เพราะหลังจากวันนั้นมาเขาก็เช้าถึงเย็นถึง จนอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาไม่ต้องทำงานทำการเลยหรือไร? เฌลลีมักจะหลบไปที่คุ้งกระเบน หน่วยงานที่สมศักดิ์ทำวิจัยอยู่เสมอ เธอไม่ได้ชอบเขา แต่เขาเป็นเพื่อนซึ่งพอจะพูดคุยเรื่องที่ไม่สบายใจได้มากที่สุด

    “ท่าทางดวงคณิกาจะเข้าสิงนะคุณเนี่ย ฮอทเหลือเกิน มีหนุ่มๆ ตามจิกไม่เว้นแต่ละวัน”

    “นี่ภาษาไทยคุณคล่องจนเหมือนเป็นภาษาพ่อภาษาแม่เลยนะ” เธอเหน็บที่เขาเลือกใช้คำได้เจ็บแสบ

    “แน่นอน ก็ภาษาพ่อผมนี่ครับ”

    “ทำไมคุณไม่รักคุณหมอผาเมือง” เขาเปลี่ยนเรื่อง

    “ก็ฉันไม่ได้ชอบเขานี่”

    “งั้นคุณก็คงเข้าใจความรู้สึกของผู้ชายคนนั้นแล้วล่ะสิ” อีตาสมศักดิ์หมายถึงณนนท์

    “อืมม์ แล้วฉันก็เข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วยแหละ ดูเหมือนฉันจะพยายามมากเกินไปที่จะทำให้เขารัก”

    “งั้นคุณลองอยู่นิ่งๆ สักพักสิ ผมว่านอกจากคุณจะได้ตั้งหลัก แล้วยังมีโอกาสเลือกเส้นทางเดินใหม่ได้อีกนะ”

    “นั่นก็ใจง่ายไป”

    “โน ไม่เรียกว่าใจง่ายหรอก ถ้าคุณลองทบทวนดูให้ดี ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาคุณใช้เวลาไปกับผู้ชายคนนั้นมากแค่ไหน ผมถามคุณคำเดียว เหนื่อยไหม?”

    “ไม่เหนื่อย หนุกดี”

    “หลอกตัวเองอยู่หรือเปล่าเฌลลี ผมไม่เชื่อว่าคุณจะทำทุกอย่างโดยไม่คาดหวังอะไร อย่างน้อยที่สุดคุณก็ทำเพื่อความสุขใจของคุณ”

    “ก็ถูกนะ... แต่ฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนักกับสิ่งที่เป็นอยู่ เป็นไป”

    “บอกสิ ว่าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรที่น้องขนมเค้กอยู่ใกล้ชิดเขามากกว่าคุณ”

    “แล้วฉันทำไงได้ล่ะคะ ย้ายงานไปอยู่ที่เดียวกับเขา หรือดักลอบสังหารน้องขนมเค้กดีล่ะ”

    “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ เป็นอย่างที่คุณเป็นนั่นแหละ เพอร์เฟ็คที่สุดแล้ว คุณไม่ใช่ผู้หญิงร้อยมารยา ซึ่งต่อให้คุณฝืนความเป็นตัวเองคุณก็ทำได้ไม่นานหรอก”

    “ฉันไม่เบื่อหรอกที่จะทำอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ แต่บางครั้งฉันก็เหนื่อย อืมม์ แต่บางทีอย่างที่คุณพูดมาก็เข้าท่าเหมือนกันนะ... อยู่เฉยๆ เสียบ้างก็ดีเหมือนกัน”

    แล้วเฌลลีก็กลับมาสู่วัฏจักรเดิมของตัวเองอย่างที่เคยเป็น เธอละเว้นการไป “บ้านโน้น” ซึ่งกลายเป็นเสมือน “หน้าที่” แต่อยู่ๆ เธอก็ไม่ไป...

    ในวันหยุดสุดสัปดาห์เธอจึงรู้ว่าการให้เวลากับตัวเองอย่างเต็มที่นั้นเป็นอย่างไร เธอตื่นนอนตอนสิบโมงเช้าโดยไม่ต้องรีบตาเหลือกเคาะประตูห้องปลุกใคร บางวันก็ลุกมากินกาแฟตอนตีสองได้ถ้าในเวลานั้นอยากกินกาแฟ ดูหนังเรื่องเดิมซ้ำๆ จนแทบจะจำทุกฉากทุกซีนได้โดยไม่เบื่อ บางครั้งที่ไม่อยากเขียนเธอก็จะไม่จับปากกา หรือกระทั่งเปิดคอมพิวเตอร์เลย แต่บางทีเธอก็จะอ่านหนังสือเอาเป็นเอาตาย โดยไม่ทำอะไรทั้งวัน ทั้งคืน บางคราวก็ดูหนัง สี่ห้าเรื่องติดๆ กัน โดยไม่ทำอะไรอื่นเลย ชีวิตซ้ำๆ ที่เฌลลีเองก็หาคำตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร

    อาจเพราะความผิดหวังที่ณนนท์ให้ความสำคัญกับน้องคนนั้นจนออกนอกหน้า หรือบางทีอาจจะถึงเวลารักษาใจ? หรือบางทีอาจจะเพียงแค่รอคอยอะไรสักอย่างที่เธอก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่นั่น ก็ทำให้เธอเว้นว่าง และห่างเหินจากสามพี่น้องนั้นไปโดยปริยาย เธอโทรศัพท์ไปบ้านโน้นและบอกกับน้องเล็กว่า เธอมีเรื่องต้องทำและอาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์ จนทำให้ไม่สามารถไปที่บ้านได้ คนที่โทฯ กลับคือณนนท์

    “เป็นไรไปหรือเปล่า”

    “ไม่ได้เป็น”

    “เสียงไม่ค่อยดีเลยนี่ ไม่สบายหรือเปล่า”

    “สบายดี มีธุระอะไรอีกไหม”

    “คุณดูแปลกๆ ไปนะ”

    “ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่า ฉันดูแลตัวเองได้” น้ำเสียงชักเริ่มรำคาญนิดๆ

    “งั้นก็ รักษาตัวล่ะ”

    “อื้อ” สิ่งที่เฌลลีบอกกับตัวเองในเวลานั้นคือ ตลอดมาเขาไม่ได้รักเธอเลยสักนิด ไมได้คิดอะไรมากไปกว่าความเป็นเพื่อน และแค่เพื่อน ไม่มากไปกว่านั้น สิ่งที่เธอทำอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ต่างจากการโยนก้อนหินลงทะเล ไม่รู้ต้องเกิดอีกกี่ชาติก้อนหินจึงจะเต็มทะเล

    ผาเมือง เป็นพี่ชายที่ดี และเขาก็เป็นได้แค่พี่ชาย เฌลลีไม่เคยรักผาเมือง และรู้ว่าไม่มีทางที่เธอจะรักเขาได้มากไปกว่าความเป็นพี่น้อง อาจจะเหมือนที่ณนนท์รู้สึกกับเธอ คือ ไม่อาจเป็นอื่นได้นอกจากเป็นเพื่อนเฌลลีเข้าใจถึงความรู้สึกของผาเมืองอย่างแจ่มชัด

    “เป็นอะไรไปหรือหนูลี พักนี้เห็นน้องดูเหงาๆ ไม่ร่าเริงเหมือนหนูลีที่พี่ผารู้จัก”

    “ไม่ได้เป็นไรค่ะ อืมม์ พี่ผา หนูลีขอถามอะไรพี่สักอย่างนะ คือ พี่ผารู้ตลอดมาว่าหนูลีไม่ได้รักพี่ผาเลย ทำไม พี่ผาถึงไม่เปลี่ยนใจไปรักคนอื่นล่ะคะ”

    “จะตอบยังไงดีล่ะ? จะบอกว่าพี่ผาไม่เคยไขว้เขวเลยก็คงไม่ถูก ไม่เหนื่อยล้า หรือท้อใจก็คงไม่ใช่ การที่เราจะทำให้ใครสักคนรักเรามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน” อารัมภบทยาวเหยียด แต่ยังหาประเด็นไม่เจอ นี่เป็นอีกข้อหนึ่งที่เฌลลีไม่รักผาเมือง เธอไม่ชอบคนที่เหมือนเธอมากเกินไป ผาเมืองเป็นคนอ่อนไหวและมีอารมณ์ศิลปินอยู่ในตัวเองสูงผิดปกติหมอทั่วไปซึ่งเต็มไปด้วยหลักการและเหตุผล เธอบอกกับตัวเองว่า ลำพังตัวเองก็ศิลปินจะแย่อยู่แล้ว คนที่เธอรักก็ควรจะเป็นคนที่มาคอยเบรกอารมณ์ฟุ้งเฟ้อ เพ้อเจ้อ อย่างไม่สมเหตุสมผลของเธอมากกว่าที่จะมา “อิน” ไปกับอารมณ์ฟุ้งๆ ของเธอ อย่างผาเมือง

    “แต่พี่ผารู้สึกได้ว่าคนที่เหมาะสมกับพี่ผาที่สุดคือหนูลี”

    “แล้วน้องลี่ล่ะ”

    “อืมม์ ไม่รู้สิ พี่ผาเอ็นดูมิลลี่เหมือนน้อง”

    “แล้วหนูลีทำไม พี่ผาไม่เอ็นดูเหมือนน้องบ้างล่ะคะ”

    “ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ พี่ผารู้สึกได้ว่าคนที่เหมาะสมกับพี่ผาที่สุดคือหนูลี”

    “งั้นพี่ผาก็ไมได้รักเพราะรัก แต่รักเพราะความเหมาะสม”

    “เป็นเห็นผลประกอบ แล้วหนูลีรักคนที่หนูลีรักเพราะความเหมาะสม หรือเพราะอะไร”

    “หนูลีกับเขาไม่เหมาะสมกันอย่างสิ้นเชิง เหมือนนกกระจอกกับเทวดา เหมือนหมากับเครื่องบิน พี่ผาก็เหมือนกัน หนูลีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่นกกระจอก บินยังไงก็ไม่ถึงนกอินทรี”

    “อืมม์... งั้นหนูลีจะทำยังไห้เหมาะสมกับคนที่หนูลีรักล่ะ?”

    “ไม่รู้สิ...” อึ้งไปสามสิบวินาที ก็ได้คำตอบให้กับตัวเอง

    “หนูลีคิดออกแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะคะ ที่เป็นพี่ที่ดีตลอดมา ขอบคุณที่ใจเย็นกับน้องเสมอ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทั้งหมดค่ะ” ผาเมืองรู้ตัวดีว่าไม่สามารถที่จะทำให้เฌลลีรักได้ แต่เขาก็หวังเสมอที่จะให้เธอพบกับใครสักคนที่รักเธอเหมือนที่เขารัก ใครสักคนที่ไม่ใช่แค่ “เธอรักเขา หรือเขารักเธอ แต่เป็น ทั้งสองคนรักกัน” ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่แค่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างเขา.../

    ---------------------------------------------------------

    ตอนก่อนหน้าอ่ะค่ะ

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5054206/W5054206.html

    จากคุณ : ดาริกามณี - [ 22 ม.ค. 50 19:20:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom