Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ของขวัญ

    สิ่งสุดท้าย

    ลมหนาวแห่งราตรีพัดพาความหนาวเหน็บไปทั่วทุกสารทิศ เวลาล่วงเลยมาจนถึงตีสามกว่าแล้วเธอยังคงนั่งอยู่ริมระเบียงของห้องชุดชั้นที่ 16 ในคอนโดมิเนียมของเขา  สายตาระคนเศร้าเหม่อมองออกไปยังวิวทิวทัศน์กว้างขวาง น้ำใสๆ เอ่อล้นออกมาในบางครั้ง แม้ลมแห่งราตรีจะพัดให้ชุดนอนที่บางเบาปลิวไสวไปมา แต่เธอยังคงไม่สะทกสะท้านต่อลมเช่นชุดนอนชุดนั้น อาจเป็นเพราะว่าหัวใจของเธอนั้นหนาวเหน็บยิ่งกว่าอากาศ ณ เวลานี้
    เธอนั่งครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา  และหวนนึกไปถึงวันเก่าๆ ที่มีเขาคอยเป็นเงาข้างกายไปไม่ห่างหายตลอดระยะเวลาหนึ่งปี่ที่ผ่านมา  เธอกับเขาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่เรียนในคณะเดียวกัน  ซึ่งตอนที่เธอเข้าปีหนึ่งนั้นเขากำลังเรียนอยู่ปีสี่  ในช่วงเวลานั้นเขาและเธอเหมือนดังเส้นขนานที่ไม่เคยมาบรรจบกันเลย แม้ว่าในบางเวลาที่ทั้งคู่ได้พบกัน  เขาและเธอจะบังเอิญสบสายตากันบ่อยครั้ง  และทุกครั้งสายตาของเขาจะส่องประกายหวานทำให้เธอหวั่นไหวอยู่หลายครั้ง  แต่มันก็เป็นเพียงการมองผ่านเพื่อให้หัวใจกระชุ่มกระชวยเท่านั้น
    เขาเรียนจบและเริ่มต้นชีวิตการทำงานไปโดยไม่มีความสัมพันธ์ใดคืบหน้ากับเธอไปกว่าพี่น้องร่วมสถาบัน  และเขาเองก็ไม่เคยส่งข่าวคราวใดๆ มาให้เพื่อนหรืออาจารย์ได้รับรู้บ้างเลย  จนเธอเกือบที่จะลืมสายตาที่หวานซึ้งของเขายามพบเธอไปแล้ว แต่เมื่อเขาได้กลับมาพบกับเธออีกครั้งในคราบวิทยากรให้ความรู้ในการสัมมนาเชิงวิชาการของคณะ ซึ่งเธอที่กำลังอยู่ชั้นปีที่ 3 ต้องเข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้
    ระหว่างช่วงพักครึ่งของการสัมมนาในขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารว่างอยู่นั้นเธอรู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่แอบมองเธออยู่ตลอดไม่ลดละ  แม้เธอจะหันไปสบสายตาเข้าอย่างจงใจ  แต่เขาก็ยังคงจ้องมองอยู่อย่างนั้นจนเธอต้องหลบเลี่ยงไปเองเพราะความเขินอาย  ดวงตาของเขาช่างหยาดเยิ้มและแอบแฝงไปด้วยความนัยหลายอย่างจนทำให้เธอเริ่มอยากค้นหาสิ่งเหล่านั้น
    เมื่อการสัมมนาเสร็จสิ้นลงในตอนค่ำ ซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนต่างใจจดจ่ออยู่กับการกลับไปพักผ่อนสมองที่บ้าน  หลังจากที่เมื่อยล้าจากการรับความรู้ที่หนักอึ้งในการสัมมนา มันเป็นความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เธอจะต้องกลับบ้านเพียงลำพัง เพราะบ้านของเธออยู่คนละทิศทางกับเพื่อนๆ  ในระหว่างที่เธอกำลังยืนรอรถที่ป้านรถเมล์อยู่นั้น รถเก๋งสีดำก็มาจอดเทียบท่ารถ
    “ไปด้วยกันมั๊ย” เขาเลื่อนกระจกลงถามเธอที่ยืนอยู่เดียวดาย เธอยังคงทำหน้าเลิกลักด้วยไม่คาดคิดว่าจะมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา
    “เอาขึ้นรถมาก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากันเดี๋ยวตำรวจจับ” เขาพูดพลางเอื้อมมือไปเปิดประตูให้เธอขึ้นรถ  ขาเรียวยาวของเธอก้าวผ่านประตูรถขึ้นมานั่งเบาะข้างคนขับ ยังไม่ทันที่เธอตั้งหลักได้ เขาเร่งรถออกไปแล้วเบรกกระทันหันทำให้เธอตกใจ
    “ว้าย!” เธอร้องเสียงหลง ในขณะที่เขาหัวเราะเบาๆ เป็นเชิงบอกให้เธอรู้ตัวว่าถูกแกล้ง
    “ก็เห็นช้า อยากแกล้ง ขอโทษนะ” เขาพูดพลางยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
    แม้รถจะเคลื่อนตัวออกไปได้ครู่ใหญ่ แต่ทว่าเธอยังคงนักเงียบและเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถตลอดเวลา  ภายในรถมีเพียงเสียวเครื่องยนต์เบาๆ เท่านั้นที่เป็นเพื่อนเขา
    “เป็นอะไรโกรธเหรอ” เขาถามด้วยคิดว่าเธอยังติดใจเรื่องเมื่อครู่
    “เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรบางอย่าง” เธอพูดพลางหันมามองหน้าเขา
    “หึ หึแปลกนะเราสองคนตอนอยู่มหา’ลัยเดียวกันไม่เคยจะได้คุยกันสักครั้ง แต่พอพี่จบออกมากลับได้ขับรถพานัชไปส่งบ้าน” ประโยคนี้ของเขามีข้อหนึ่งที่สะกิดใจเธอเล็กน้อย ตรงที่เธอไม่เคยบอกให้เขารู้ชื่อของเธอเลย
    “พี่รู้ชื่อหนูได้ไงคะ” เธอถามพร้อมหันไปสบตาเขาทันที
    “พี่รู้ได้แล้วกัน และรู้มาตั้งแต่เธอเข้าปีหนึ่งแล้วด้วย เพราะพี่เธออยู่ในสายตาของพี่เสมอ” เขาตอบพร้อมกับหันมาสบตากับเธอเล็กน้อยก่อนที่จะหันกับไปมองถนนอย่างตั้งใจ

    หลังจากวันนั้นเธอและเขายังคงติดต่อกันอย่าสม่ำเสมอ โดยที่เขาจะเป็นคนโทรศัพท์มาหาเธอทุกครั้งขณะที่เธอเลิกเรียนแล้วเดินทางกลับบ้าน และก่อนนอน
    “เลิกเรียนรึยัง กลับบ้านดีๆ นะครับ”
    “นอนหลับฝันดีนะ”
    นานวันเข้าจากประโยคสั้นๆ ก็เริ่มพัฒนาขึ้นเป็นช่อดอกไม้เล็กๆ ที่เพียรส่งให้ถึงประตูรั้วทุกเช้า  และเมื่อเธอไม่สบายเขาก็เป็นคนอาสาพาเธอไปหาหมอโดยที่ไม่ต้องไต่ถามก่อนเลยว่าเธอเป็นอะไรมากน้อยเพียงใด  ความอ่อนโยนเหล่านี้ จึงทำให้เธอรับเขาเข้าไปอยู่ที่กลางใจโดยไม่รู้ตัว  และไม่นานเธอกับเขาก็เริ่มคบกันอย่างจริงจัง  
    เขาไปมาหาสู่ที่บ้านของเธออยู่บ่อยๆ   ทุกเย็นหลังเลิกเรียนเขาจะไปรับเธอและไปส่งเธอที่บ้านเสมอๆ บางวันถ้ามีเวลาเขาจะพาเธอไปขับรถเล่นนอกเมืองเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์
    “บ้านของพี่ที่ต่างจังหวัด อากาศดีมากเลย ดีกว่าในกรุงเทพเยอะ” เขาเปรยขณะที่กำลังยืนชมท้องทุ่งนาที่ริมถนน
    “อยากเห็นบ้านพี่กรจัง เมื่อไหร่จะพาไปคะ เราก็คบกันมาหนึ่งปีแล้วนะ พี่มาเจอพ่อแม่นัชบ่อยๆ แต่พี่ยังไม่เคยพานัชไปพบพ่อกับแม่พี่เลย” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
    “บ้านพี่อยู่ไกล ตอนนี้นัชเรียนหนัก คงยังไม่สะดวกไปหรอก” เขากล่าวพลางลูบหัวเธออย่างเอ็นดู  แต่ทว่าสายตาของเขากลับเหม่อมองออกไปยังทุ่งกว้างราวกับจะส่งสายตาหาบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ไกลแสนไกล  ดวงตาของเขาช่างแสนเศร้าเหลือเกิน
                   แม่ของเธอเคยพูดกับเธอว่า “แม่ว่านายกรเขาดูเหมือนมีอะไรปิดบังเราอยู่นะลูก เขารู้เรื่องของเราและรู้จักครอบครัวเราทุกอย่าง  แล้วเราล่ะเขาเคยเล่าอะไรหรือพาเราไปรู้จักครอบครัวเขาบ้างไหม บอกตรงๆ นะแม่อยากให้ลูกห่างเขาไว้หน่อย”
                  คำพูดนี้ทำให้เธอสะอึกเล็กน้อย  แม่เธอพูดถูกเธอแทบจะไม่รู้จะเขาเลย  แต่สิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญทำกับความรักและความหลงใหลที่เธอมีต่อตัวเขาในตอนนี้
    จากสายตาเคลือบแคลงสงสัยที่ครอบครัวของเธอมองเขา  และพฤติกรรมที่ไม่ต้อนรับขับสู้ในเวลาที่เขามาส่งเธอที่บ้าน จึงทำให้เขารับรู้ได้ว่าครอบครัวของเธอไม่ยินดีที่จะให้เธอคบกับเขา  จึงทำให้เขาเริ่มพยายามดึงเธอให้เข้ามาหาเขาแทน  จากทุกวันที่ไปรับและส่งเธอที่บ้าน  จึงเปลี่ยนเป็นไปรับและพาเธอมาที่คอนโดของเขา  ความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างชายและหญิงจึงเกิดขึ้นโดยยากที่จะปฏิเสธ  
    ตลอดระยะเวลาที่เธอคบกับเขาเธอมีความสุขมากและนับวันความรักที่เธอมีให้เขานั้นยิ่งมากขึ้นทุกวัน  แต่แล้วเวลาแห่งความสุขระหว่างเธอกับเขาก็ถึงวันที่ต้องมลายหายไป  เมื่อเธอได้รู้ความจริงบางอย่างที่เขาไม่เคยบอกให้เธอได้ล่วงรู้  และเขาคงไม่คิดที่จะบอกเธอ  ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเต็มที่เธอรักและเชื่อใจเขามาตลอดมันทำให้เธอเสียใจมากกับความจริงข้อนั้น  แต่สิ่งที่ทำให้เธอเสียใจยิ่งกว่านั้นก็คือการที่เขาปิดบังเธอ
    “นัชเป็นอะไรพักนี้ดูเหม่อๆ “ เขาเอ่ยถามขณะที่มือจับแน่นที่พวงมาลัยรถ
    “เปล่าค่ะ มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” เธอตอบพลางมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
    “คิดเรื่องอะไรเหรอ บอกพี่ได้ไหมจะได้ช่วยคิด” เขาถามด้วยน้ำเสียงปนห่วงใย
    “เรื่องเรียนนั่นแหละค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
                   “เอ่อ จะกลับบ้านเลยมั๊ยเดี๋ยวพี่พาไปส่ง” เขาพูดพร้อมกับยิ้มเล็กๆ ให้เธอ
                   “อืมวันนี้ขอค้างที่คอนโดพี่นะ นัชบอกพ่อกับแม่ไว้แล้วว่าจะมาค้างบ้านเพื่อน”เธอบอกเขาด้วยน้ำเรียบๆ   จริงๆ แล้วเธอเองก็ไม่ได้อยากจะปิดบังเขาที่เธอรู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับเขา  แต่เขายังไม่บอกเธอเลยทั้งที่มันเป็นเรื่องที่สำคัญต่อเธอและเขามาก  หากว่าจะปิดบังเขาบ้างสักเรื่องคงไม่เป็นอะไร  และที่สำคัญเธอได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างไปแล้ว  จึงไม่จำเป็นที่จะต้องให้เขาช่วยคิดให้เธอลังเลใจอีก
                     เวลาผ่านพ้นมาจนตีสี่เศษ เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่ริมระเบียงเช่นเดิม  น้ำตาของเธอรินไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างไม่ขาดสาย  มือของเธอโอบกอดร่างกายของตัวเองไว้นิ่งและนาน  เธอกัดฟันร้องไห้เพื่อไม่ให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นร่ำ  ความเจ็บปวดชอกช้ำแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย  แทรกซึมผ่านเส้นเลือดเข้าสู่หัวใจ  ทำให้หัวใจดวงน้อยที่เปราะบางสั่นสะท้านราวกับจะแตกสลาย  ยิ่งเธอนึกทบทวนถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาที่ผ่านมา ยิ่งพาให้ดวงใจของเธอปวดร้าว
    สายตาเธอเหลือบมองไปยังเขาที่หลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเตียง ภาพที่มองผ่านกระจกนั้นช่างเลือนลางไม่แจ่มชัด เหมือนดังภาพแห่งความทรงจำดีๆ ในวันวานกำลังจะจางหายไป  เธอเดินเข้าไปในห้องหยิบจดมายที่เตรียมไว้พร้อมกล่องของขวัญใบน้อยที่อยู่ในกระเป๋าถือขึ้นมาวางคู่กัน เธอลังเลเล็กน้อยในสิ่งที่เธอกำลังจะตัดสินใจ  เพราะเขาคือคนๆ เดียวที่เธอเคยตัดสินใจจะฝากชีวิตของเธอไว้ให้เขาดูแล  แต่เมื่อได้นึกถึงภาพที่เขาเดินเคียงคู่กับหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับพร้อมรถเข็นเด็กคันน้อยที่ห้างสรรพสินค้าเล็กๆ เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วทำให้มันทำให้ความสำนึกผิดชอบชั่วดีปรากฏขึ้นมาในมโนสัมนึกของเธออีก หากเธอไม่จากไปครอบครัวที่แสนอบอุ่นของเขาอาจต้องพังทลายเพราะเธอ
                      เธอมองเขาอีกครั้งหนึ่ง ในสมองนึกสับสนและแค้นใจที่เขาทำกับเธอได้ถึงขนาดนี้  เธอเคยคิดว่าเขารักเธอมาก เพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาทำให้รู้สึกเช่นนั้น  แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจในความรักนั้นอีกต่อไปแล้ว  ไม่ว่าเขาจะรักเธอจริงหรือไม่ แต่ความรักนั้นมันเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์ และสร้างบาดแผลฉกรรจ์ไว้ในหัวใจเธอ  มือน้อยๆ ของเธอยกขึ้นปาดน้ำตาอีกครั้งก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดมิดชิดแล้วเดินจากเขาไปอย่างเงียบๆ

                     แสงสีทองสาดส่องเข้ามายังหน้าต่างห้อง ปลุกให้เขาตื่นจากค่ำคืนที่ยาวนาน  เขาขยับกายหวังเพื่อหาไออุ่นจากกายเธอ แต่เขากลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า  เมื่อไม่พบเธอข้างกาย เขาลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ
                     “นัช อยู่ไหนจ๊ะ” เขาเรียกเธอพลางเอื้อมมือเปิดประตูห้อง แต่สิ่งที่พบคือความว่างเปล่า  สายตาของเขากวาดมองไปทั่วท้องห้อง  แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ พลัน! สายตาของเขาก็ไปสะดุดกับกล่องของขวัญเล็กๆ สีชมพูเด่นที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน  ด้านข้างมีจดหมายที่วางไว้คู่กัน เขาไม่รีรอที่จะหยิบมันขึ้นมาอ่าน
                     ‘ ขอโทษนะคะที่ไปไม่บอก แต่นัชตัดสินใจแล้วว่าเรา อย่าพบกันเลยดีกว่า อย่างน้อยก็สักระยะหนึ่ง ที่ผ่านมานัชมีความสุขมาก  และคิดว่านัชได้รับมันมามากเกินพอแล้ว  ที่ผ่านมานัชมีความสุขมาก  แต่ความสุขของนัชมันอาจสร้างความทุกข์ให้ใครอีกหลายคน  ซึ่งมันเป็นสิ่งที่นัชไม่อยากทำ ความทุกข์ทั้งหมดนัชของรับไว้เอง เพราะนัชไม่อยากเห็นแก่ตัวอีกต่อไปแล้ว  นัชฝากของขวัญไว้ชิ้นหนึ่งอยากให้พี่เปิดดู มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่นัชจะให้ได้ อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการไถ่โทษ’
                    น้ำใสๆ เริ่มเอ่นล้นขึ้นมาที่ขอบตา  เขารีบเปิดกล่องของขวัญใบนั้นอย่างไม่รีรอในนั้นมีกำไลข้อมือเล็กๆ สองอันสำหรับเด็กแรกเกิด  ด้านล่างเขียนข้อความทิ้งไว้ว่า ‘ ของขวัญสำหรับเจ้าตัวเล็กของพี่’ หยาดน้ำใสๆ อาบไหลลงแก้มทั้งสองข้างของเขา มือทั้งสองข้างกำกล่องของขวัญใบน้อยนั้นไว้ นิ่งและนาน...

    จากคุณ : วลีรมย์ - [ 26 ม.ค. 50 17:19:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom