อัพถี่ค่ะ ระยะนี้ พอดีมีแรงบันดาลใจในการเขียน, เขียนไปอัพไป ช่วงไหน คิดไม่ออกก็จะ ว่างๆ นานๆ อิอิ...
--------------------------------------------------
รถเสีย ฝนตก ไฟดับ โทรศัพท์พัง
เฌลลีมีอาชีพหลักเป็นนักเขียน เธอเขียนทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้น บทความ นวนิยาย แต่งานด้านวรรณกรรมหลักๆ ของเธอคืองานแปล เช่น แปลสารคดี นวนิยาย และวรรณกรรมเยาวชน ที่บ้านของเฌลลีจึงเต็มไปด้วยหนังสือ หนังสือ และหนังสือ จนเสมือนเป็นห้องสมุดเล็กๆ เลยก็ว่าได้ นอกจากนั้นเธอยังเป็นอาจารย์พิเศษในประจำมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกอีกด้วย
เฌลลีชอบอาชีพนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นงานที่หนักและเหนื่อยเพราะต้องสอนถึงหกชั่วโมงต่อวัน วิชาที่สอนเป็นวิชาบรรยาย ซึ่งถ้าหากการบรรยายนั้นน่าเบื่อเกินไปผู้เรียนก็อาจจะหลับ หรือไม่ก็หลบ และผลที่ตามมาคือผู้เรียนไม่ได้ความรู้ตามมาตรฐานที่คาดหวัง แล้วผู้สอนเองก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าผู้เรียนจะหลับและหลบน้อยลง คุณนายสุวเนตรมักจะสอนเธอเสมอว่า ให้อธิบายเป็นครั้งที่สิบเอ็ดถ้าหากอธิบายมาสิบครั้งแล้ว ผู้เรียนยังไม่เข้าใจ และ ต่อให้ทั้งชั้นเรียนมีคนสนใจเรียนอยู่เพียงคนเดียวก็อย่าท้อใจที่จะสอน
เฌลลีเป็นครูโดยสายเลือด...
วันนี้... หลังจากสอนคลาสสุดท้ายแล้วนักศึกษาต่างทยอยกลับ เธอรีบเคลียร์งานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ เพราะจะได้ไม่ค่ำเกินไปนักหากจะเข้ากรุงเทพฯ แล้วเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็รีบสตาร์ทรถออกเดินทางทันทีแต่เจ้าอ้วนซ่าของเฌลลีเกเรจนได้ เธอหมุนกุญแจอยู่เกือบห้านาที ก็ไม่ติด ฟ้ามืดลง ฝนทำท่าว่าจะตก เฌลลีคิดอะไรไม่ออกแล้วในเวลานั้นเธอจึงโทรศัพท์ไปหาณนนท์
แก รถฉันดับอ่ะ ไม่รู้เป็นอะไรสตาร์ทไม่ติดเลย
รถดับ ก็เดินกลับสิ อ๊ะ... หมอนี่ มันจะมากเกินไปแล้วนะ
เฮ้ย ไม่ตลกนะแก ฉันจะทำยังไงเนี่ย ไปไหนก็ไม่ได้ โทฯ ไปที่ศูนย์ฯ ก็ปิดแล้ว แถวนี้ไม่มีอู่ซ่อมรถด้วย ฉันต้องแย่แน่ๆ เลย เฌลลีโวยวายตามประสาคนหน้าตาดี
แล้วจะให้ผมทำยังไง
แล้วฉันจะทำยังไง ฝนกำลังจะตกด้วย แล้วมหาวิทยาลัยก็อยู่นอกเมือง ไม่มีรถประจำทางวิ่งในเวลาหลังหกโมงเย็นแล้วนะแก
โทฯ บอกเพื่อนมารับ จอดรถไว้ที่มหาวิทยาลัย พรุ่งนี้ให้อู่มาลากไปซ่อม
อื้อๆ ในเวลานั้นเฌลลีรู้สึกน้อยใจณนนท์...แต่ก็ไม่มากเท่าในอีกสามวันถัดมาซึ่งเป็นวันที่ฝนตกหนัก เนื่องจากพายุเข้าทำให้ต้นไม้หักโค่น แล้วไฟฟ้าก็ดับลง หญิงสาวน้าตาดีที่อาศัยอยู่คนเดียวในบ้านหลังเล็กริมทะเลย่อมตื่นตระหนกเป็นธรรมดา
เฌลลีน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของตัวเองที่ไม่มีคนรัก เธออาจจะปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟได้ ซ่อมเตารีดเองได้ ซ่อมคอมพิวเตอร์ในเบื้องต้นได้ แต่เฌลลีก็ทำหลายอย่างเองไม่ได้ เช่น ซ่อมรถ ซ่อมโทรศัพท์ ซึ่งพร้อมใจเสียในเวลาเดียวกับที่ไฟดับ ขณะเดียวกันมือถือก็แบตหมด เฌลลีกลัวเสียงฟ้าร้อง และกลัวฟ้าผ่าเป็นชีวิตจิตใจ
เธอจุดเทียนไว้รอบบ้าน นอกจากจะช่วยทำให้หายกลัวไปได้บ้างแล้ว ยังแสงเทียนยังทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง... เฌลลีหยิบสมุดบันทึกมานั่งเขียน ใต้แสงเทียนตอนฝนตก ประโยคเดียวที่เธอเขียนลงในสมุดคือ
ถ้ามีณนนท์อยู่ด้วยก็คงดี... แล้วเธอก็หลับไปในท่ามกลางแสงเทียนสลัวราง ในเช้าวันถัดมา ณนนท์โทรศัพท์มาหาที่ทำงาน
เมื่อวานทำไมไม่รับโทรศัพท์ โทฯ ไปที่บ้าน ก็ไม่มีคนรับ โทฯ เข้ามือถือก็ปิดอีก ไปไหนมาไหนทำไมไม่บอกกันบ้าง เกิดเป็นอะไรขึ้นมาดึกๆ ดื่นๆ จะทำยังไง เขายิงมาเป็นชุดจนหมดแม็กนั่นแหละเธอถึงได้มีโอกาสอธิบาย
แล้วถ้าฉันเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ แกคิดว่าจะช่วยอะไรได้ ในเมื่อแกกับฉันอยู่ไกลกันถึงสามร้อยกว่ากิโลเมตรน่ะ ง่ายๆ เลยนะ แค่รถฉันเสีย ฉันยังต้องให้คนอื่นไปรับ ไฟเสียฉันต้องปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟเอง คอมพิวเตอร์พังฉันก็ต้องซ่อมเอง มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะโทฯ บอกใครในเมื่อไม่มีใครช่วยอะไรฉันได้ ณนนท์ไม่ตอบคำถามนั้น เขาปล่อยให้เธอระบายความรู้สึกและยอมรับในสิ่งที่เธอกล่าว
เมื่อวานพายุเข้า ไฟฟ้าดับ โทรศัพท์เสีย แบตมือถือหมด แล้วจะให้ฉันทำยังไง แค่ขับรถออกจากบ้านฉันยังไม่กล้าเลย แล้วจะให้ฉันไปที่ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญโทฯ บอกแกอีกเหรอ เฌลลีกดตัดสายไปแค่นั้น แล้วเธอก็ร้องไห้... แต่ก็อีกนั่นแหละ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของณนนท์ นั่นเพราะเขาเป็นแค่เพื่อน สถานภาพระหว่างเธอกับเขาคือเพื่อนเท่านั้น
แต่แค่รู้ว่าเขาเป็นห่วง เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเฌลลี...
ทุกเย็นวันศุกร์หลังเลิกงานเฌลลีจะขับรถเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปที่ บ้านโน้น มีบางครั้งที่เธอนั่งรถประจำทางซึ่งประหยัดกว่าการขับรถไปเองอยู่มากโข แต่ปัญหาคือ เธอไม่สามารถแบกของกินทั้งหลายไปด้วยได้ บางครั้งมีกล้วยเป็นเครือ สละเป็นเข่ง และที่สำคัญ หลายครั้งของการเดินทาง สื่อบันเทิงที่รถคันนั้นเปิดมักจะเป็นหนังผี หรือไม่ก็หนังฆาตกรรมหั่นชิ้นส่วน หนังสยองขวัญสั่นประสาท ซึ่งถ้าจับพลัดจับผลูไปนั่งข้างหน้าล่ะก็ เป็นอันว่า ต้องนั่งผวาไปตลอดทาง ซึ่งเธอคิดว่าบริษัทที่รับผิดชอบการเดินรถควรตรวจสอบความเหมาะสมของสื่อบันเทิงที่เปิดบนรถประจำทางระยะไกล เพราะบางครั้งอาจจะมีเด็กวัยอยากรู้อยากเห็นเดินทางโดยสารไปในรถเที่ยวนั้นด้วยก็ดูจะไม่เหมาะสมเท่าใดนักที่จะฉายภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับฆาตกรรมหั่นศพ
และนั่นเองเป็นสาเหตุหนึ่งที่เฌลลีเลือกขับรถไปเองก็เพราะเธอไม่ชอบดูหนังสยองขวัญ สั่นประสาท เหล่านี้เลย...
ในช่วงเย็นหลังเลิกงานของวันที่เธอหอบแก้วมังกรกับลองกองขึ้นรถพร้อมออกเดินทาง เฌลลีตรวจสอบ ความพร้อมของเจ้าอ้วนซ่าไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก ที่ปัดน้ำฝน ไฟเบรก ไฟหน้า ไฟท้าย และอื่นๆ เหมือนทุกคราว แล้วจึงออกเดินทาง
ซึ่งอีกไม่ไกลนักก็จะถึงที่หมาย แต่ฟ้าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆ แล้วอยู่ๆ เจ้าอ้วนซ่าก็ไอแค็กๆ สองสามทีก่อนที่จะดับสนิทและสตาร์ทไม่ติดอีกเลย...
ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติแบบนี้ขึ้นในชีวิต คนที่จะถูกนึกถึงก่อนใครเพื่อนมักจะเป็นคนที่เรารักเสมอ เธอเองก็เช่นกัน แน่ล่ะ ถ้าเธอโทฯ หาณนนท์ ประโยคที่เธออาจจะได้ยินอีกครั้งคือ รถดับก็เดินกลับสิ แต่อย่างน้อยที่สุดหากเกิดอะไรขึ้นกับเธอก็ยังมีเขาคนหนึ่งที่รับรู้...
แก ฉันอยู่บนมอเตอร์เวย์ รถดับ แต่ฉันคงไม่เดินกลับหรอกนะ ฉันโทฯ มาบอกแกก่อนน่ะว่าเดี๋ยวฉันจะแจ้งหนึ่งเก้าหนึ่งแล้วให้ตำรวจทางหลวงไปส่ง มันคงจะสะดวกว่าโทฯ ให้เพื่อนที่จันทบุรีซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่เกือบสามร้อยกิโลเมตรมารับ เฌลลีพูดเรียบๆ ไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจเหมือนคราวแรกที่รถเสีย อาจเพราะประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นทำให้คนเราพร้อมจะรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งก็เป็นได้
ตอนนี้รถเสียอยู่ตรงไหน
ประมาณบ้านบึง ชลบุรี
งั้นก็รออยู่ตรงนั้น ไม่ต้องไปไหน เดี๋ยวจะไปรับ ณนนท์วางสาย เฌลลีนั่งอึ้งและงุนงงกับคำตอบที่ได้รับ คำว่า รถดับก็เดินกลับสิ ไม่ได้หลุดออกมาจากปากของณนนท์อย่างที่คิด และไม่ถึงสองชั่วโมงในการรอคอย ณนนท์ก็มาถึงพร้อมกับชายหนุ่มร่างสันทัดอีกสองคน และเครื่องมือซ่อมรถเบื้องต้น เธอเดาว่าเป็นช่างซ่อมรถ
รวี เพื่อนน้องกลางเป็นเจ้าของอู่แถวบ้าน
หวัดดีครับผม เดี๋ยวผมขอดูเครื่องสักพักนะพี่ ว่าแล้วก็หันไปก้มๆ เงยๆ อยู่กับเครื่องยนต์ โดยมีลูกมืออีกคนค่อยส่งเครื่องมือและส่องไฟฉายให้
ดูเหมือนขั้วแบตจะมีปัญหา เดี๋ยวยังไงผมจะซ่อมชั่วคราวแล้วขับไปที่อู่ดูให้ละเอียดอีกที เพราะต้องอาศัยเครื่องมือที่อู่น่ะครับ
พี่ฝากด้วยก็แล้วกันนะ พรุ่งนี้พี่จะแวะเข้าไปดูอีกที หลังรถมีของมั้ยเฌล
แก้วมังกร กับลองกอง
ผมแบ่งครึ่งนึงให้รวีไปนะ
ได้สิ ฉันเอามาฝากแกนี่
รวี เดี๋ยวยกลังผลไม้ลงมาใส่รถให้พี่ทีนะ แบ่งอย่างละครึ่ง นายเอาอีกครึ่งกลับบ้านฝากอาม่า บอกว่าของฝากจากจันทบุรีนะ
ขอบคุณครับพี่นนท์ เรื่องรถน่ะ ไม่มีปัญหาเดี๋ยวผมดูให้
รบกวนด้วยนะคะคุณรวี แล้วเฌลลีก็กลับพร้อมณนนท์
ถ้ารถซ่อมไม่เสร็จ คุณก็เอาคันนี้กลับจันท์ แล้วอาทิตย์หน้าค่อยเอากลับมาเปลี่ยน ณนนท์แก้ปัญหาให้เสร็จสรรพ
แล้วแกจะไปทำงานยังไง เธอยังสงสัย
ก็รถคุณไง
ถ้ามันยังซ่อมไม่เสร็จล่ะ
แท็กซี่ รถเมล์ เยอะแยะไป กรุงเทพฯ น่ะมีรถตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่ใช่บ้านนอกนี่ พอหกโมงเย็นแล้วรถหมดน่ะ
เออๆ ฉันมันบ้านนอก แกมันคนกรุงเทพฯ เมื่อกี้ฉันได้ยินแกเรียกฉันว่าเฌล
หรือจะให้เรียกไอ้หน้าแป้นต่อหน้าคนอื่น
ปกติก็ไม่ไว้หน้าฉันอยู่แล้วนี่
วันนี้อยากไว้ ณนนท์แก้ตัว
ขอบใจ จริงๆ แล้วเขาเผลอปากไปต่างหาก
-------------------------------
ไม่นานก็ถึงบ้าน น้องกลางกับน้องเล็กนอนเอกเขนกดูทีวีอย่างเป็นสุข ณนนท์เลี่ยงขึ้นห้องไปอาบน้ำ เพราะเขารู้ดีว่าวันไหนที่เธอมา เขาต้องรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ... ก็เธอยึดห้องนอนเขาไปแล้วนี่
เป็นไงมั่งพี่แป้น ซ่อมรถ สนุกไหม น้องเล็กยกมือไหว้ พร้อมประโยคทักทายกวนประสาท
ฉันซ่อมเองเมื่อไหร่ นายแหละเจ้าตัวดี ไปยกลังผลไม้ลงจากหลังรถพี่เค้าด้วย
อ๊ะ วันนี้เรียกเป็นลัง ไม่เรียกเป็นเครือ แสดงว่าไม่ใช่กล้วยแล้วดิ
ย่ะ หมดฤดูกล้วยแล้ว คล้อยหลังณธี เธอจึงหันไปสนทนากับน้องคนรองของบ้าน
นี่ น้องกลาง วันนี้พี่ชายคุณเป็นอะไรไปเหรอ? มันโดนอะไรเข้าสิงถึงได้ไปรับฉันด้วยตัวเองน่ะ
ไม่ได้เป็นไรนี่ เขาก็เป็นของเขาอย่างนี้เองแหละ ถ้าเขารู้ว่าเรื่องไหนที่เขาช่วยไม่ได้ เขาก็จะแค่แนะนำ อย่างคราวที่แล้วรถคุณเสียที่มหาวิทยาลัย เขารู้ว่าภายในสถาบันการศึกษายังไงก็ต้องมีคน มีหน่วยรักษาความปลอดภัย รถคุณไม่หายไปไหนหรอก แล้วที่นั่นก็ถิ่นคุณ เพื่อนพ้องก็ต้องมีบ้างแหละที่พอจะไปรับไปส่งได้บ้างน่ะ แต่คราวนี้รถคุณเสียอยู่กลางถนน ถ้าเขาไม่ไป เขาก็ต้องบังคับผมไปอยู่ดี
นินทาไรกันน่ะ ไอ้แป้นไปอาบน้ำได้แล้ว เหม็น ว่าจบก็เดินเข้าครัวไปหุงข้าว เจียวไข่ ต้มยำปลากระป๋องให้กินเป็นมื้อเย็น
เฌลลีอึ้ง งง สงสัย และอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคำพูดของณฌาทำให้เธอรู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้บอกว่า รถดับก็เดินกลับสิ
ดีนะ...ที่เธอไม่บ้าจี้เดินกลับตามที่เขาบอกจริงๆ .../
ตอนก่อนหน้านี้ค่ะ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5081085/W5081085.html
แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 50 11:49:34
จากคุณ :
ดาริกามณี
- [
27 ม.ค. 50 11:48:52
]