หลังจากทำงานหนัก กลับบ้านดึกอยู่เนืองนิตย์ ก็ถูกแรงยุแรงเชียร์จากลูกพี่ปุณหลายครั้งว่าให้ลองเขียนหนังสือ เป็น PR ใครว่าสบาย ดู เพราะมองจากภายนอกใครๆก็นึกว่าสาวพีอาร์ไม่ต้องทำอะไรมาก วันๆก็แค่ยิ้มสวยๆ ออกไปงานเลี้ยงต่างๆ คุยกับสื่อ ฯลฯ ดูลัลล้ามากมาย แต่ความจริงมันกลับหนักกว่านั้นมากๆ ไม่ใช่แค่สวยไปวันๆ แต่ที่มีเวรมีกรรมกว่านั้นคือ ต้องทำงานถึก สากกระเบือยันเรือรบ ตั้งแต่แพ็คข่าวส่งสื่อ จัดงานต่างๆ ที่ต้องดูตั้งแต่รูปแบบของงานไปยันของกิน ของขวัญ ฯลฯ (ซึ่งบางทีเราก็ต้องลงมือจัดเองหมด) ซึ่งบางทีไม่ใช่แค่อีเวนท์สวยๆ แต่คืองานประชุมวิชาการ ไม่ใช่แค่งานต้องออกมาสวยเนี้ยบลงตัวไหลลื่นไม่มีที่ติ ตัวคนจัดก็เหมือนกัน ถึงก่อนงานจะกุลีแค่ไหน โทรมสุดๆ วิ่งเต้นหัวหมุนดูแลงาน แบกของพะรุงพะรัง แต่ถึงเวลาออกหน้างาน ที่โต๊ะ registration หรือหน้าเวที เราต้องสวยและดูดีที่สุด ประหนึ่งไม่เคยมีความเหนื่อยยากลำบากและความเครียดล้านแปดที่ผ่านมาเลยแม้แต่น้อย จะเหนื่อยจะหิวเราก็ต้องยิ้มหน้าชื่นเข้าไว้ แถมก่อนถึงเวลาออกงาน จะมัวแต่ทำงานเพลินไม่ได้ ต้องเผื่อเวลาไว้ให้ช่างได้จัดการแต่งหน้าทำผมให้เข้ารูปเข้ารอยก่อนด้วย มันเป็นหน้าที่
ตอนแรกเราก็เถียงลูกพี่ไปว่า ไม่ได้หรอก
ประสบการณ์ทำงานในสายงานนี้ของข้าพเจ้ายังอ่อนด้อยนัก ปีนึงก็ยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ จะเอามาเขียนแบบ expert เป็นเล่มๆเลยคงไม่ดีแน่ เพราะถ้าจะเขียนได้ ต้องเคยทำพีอาร์มาแล้วหลายองค์กร หลายรูปแบบ รวมถึง PR agency ถึงจะมีข้อมูลจริงที่ล้ำลึกพอจะคุ้มค่าให้คนเสียเงินซื้อกลับไปอ่านที่บ้าน
แต่ถึงกระนั้น ไอเดียของเจ้าลูกพี่ก็ยังติดอยู่ในใจอยู่ตลอดเวลา จนเริ่มรู้สึกว่า เอาล่ะ
ฉันจะเก็บเล็กผสมน้อย เขียนอะไรแปะไปเรื่อยๆละกัน ถือว่าสนุกๆ เป็นเกร็ดความรู้และความบันเทิงให้แก่คนที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^
คำเตือน
1. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
2. สิ่งที่เขียนทั้งหมด เป็นเพียงมุมมองและประสบการณ์ส่วนบุคคล ไม่ใช่ตัวแทนของงานพีอาร์ทั้งหมดในทุกบริษัทและทุกสายงาน
3. กรุณาย้อนกลับไปอ่านข้อ 1 อีกครั้ง หากไม่แน่ใจ
แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 50 21:06:08
จากคุณ :
บทเพลงแห่งความฝัน
- [
28 ม.ค. 50 21:04:29
]