Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เพราะฉันนั้นมีแต่เธอ

    ท้องฟ้านั้นมันจะกว้างใหญ่
    หรือว่าเป็นแหล่งน้ำ  ทะเลมันจะลึกสักเท่าไหร่
    แม้ภูเขาจะสูง...สูงสักแค่ไหน
    แต่ในหัวใจฉันไม่เคยจะหวาดหวั่น...



    "ใกล้ถึงรึยังคะ?..."

    เสียงครางเบาๆ จากหญิงสาวในอ้อมแขน  พาให้โทชิตื่นฟื้นจากห้วงภวังค์  ละสายตาจากหนทางปนกรวดหิน  ที่ทอดยาวไปจนเป็นจุดจรดกันที่ปลายฟ้าเบื้องหน้า  หันมามองดวงหน้ารูปเรียว  และขาวจัดจนดูซีด

    "คงอีกคืน..." เขากล่าวตอบด้วยเสียงอ่อนโยนแผ่วเบา  ดวงตาที่ทอดมอง 'หญิงสาวอันเป็นที่รัก' เปลี่ยนแววจากความมุ่งมั่นแต่เดิมไปถนัดใจ

    ปลายนิ้วขาวซีดเช่นกัน  หากแม้ผอมยาวยังมีเค้าแข็งแรงยิ่ง  กระชับคนในอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกนิด  สายตาละมุนห่วงใย  น้ำเสียงรักใคร่อ่อนหวาน

    "เหนื่อยเหรอ?"

    เพียงได้รับกระแสสัมผัสดังกล่าว  ความเจ็บหนักแต่เดิมก็บอบเบาลงอักโข  หญิงสาวพยายามขยับพื้นผิวบนใบหน้า  ที่ถูกความหนาวเหน็บแห่งฤดูกาลผลาญพร่าความกระฉับกระเฉงไปหมดสิ้น  รู้สึกตึงไปหมดตั้งแต่ช่วงโหนกแก้มถึงเรียวคาง  ทุกครั้งที่ลมหายใจกลายเป็นไอขาว  ยิ่งทำเอาริมฝีปากแห้งระแหง  กระนั้นแม้รอยยิ้มบนวงพักตร์จะไม่ชัดแจ้ง  หากประกายแห่งดวงตาชัดเจนเสมอ  

    "เหนื่อย...และ..." คำพูดทุกคำเป็นไปอย่างยากลำบาก  "ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ..."

    โทชิยิ้มรับ...รอยยิ้มอบอุ่นที่ช่วยคลี่คลายควันไอแห่งมวลหิมะไปได้ชั่วครู่  ชายหนุ่มยิ้มทั้งๆ ที่รู้...อาการของคนตรงหน้านั้น...ห่างไกลคำว่า 'นิดหน่อย' มากมายเพียงไหน  'อาการ'...อันเป็นจุดแรกเริ่มแห่งการเดินทาง  ทำให้เขากับเธอ...ต้องมานั่งกึ่งนอน  มีผืนนวมหนาจากไหมพรมห่อพันร่าง  อยู่ในช่องโดยสารแคบๆ ตอนหลังรถม้าที่คงควบโขยกเขยกอยู่เยี่ยงนี้

    สามตาอันเปี่ยมความหวังของโทชิ  เพ่งจ้องผ่านม่านหนาทางด้านหน้าไปอีกรอบ  

    ทัศนียภาพยังคงเป็นเช่นเดิม...หนทางทุรกันดารผ่านท้องทุ่ง  ซึ่งซุ่มซ่อนอยู่ในความสลัวรางขมุกขมัวของยามสนธยาหน้าหนาว  ม่านหิมะยังปลิวเป็นสายรายรอบ  ห่างไปไกลลิบคือขุนเขาตระหง่านอันเป็นที่ตั้งของจุดมุ่งหมาย...เมืองโดโมหงิ

    "อดทนอีกนิดนะที่รัก..." ในคำพูดยังคล้ายมีรอยสะอื้น  ในดวงตายังเหมือนมีรอยรื้นของหยดน้ำ  "อีกไม่นานความทรมานจะจบลง...อีกไม่นาน..."

    หญิงสาวในอ้อมแขนพยักรับโดยไม่พูดอะไรอีก  พริ้มตาหลับลงคล้ายได้รับคำยืนยันมั่นใจ...ขอเพียงมีเขา  เธอก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรอีก...

    'ยูฮิโกะ' ได้พบและรู้จักกับโทชิเมื่อสามปีก่อน  วินาทีแรกที่ลืมตา...จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร  โทชิบอกว่าพบร่างของเธอ  นอนสลบไสลอยู่บนถนนเชิงเขาอันเป็นทางกลับที่พัก  หมอหนุ่มผู้เปี่ยมล้นไปด้วยอุดมการณ์  ไม่อาจมองผ่านคนเจ็บหนักแล้วอยู่เฉย  โทชิอุ้มหญิงสาวขึ้นรถม้า  พามาช่วยรักษา  บาดแผลฟกช้ำตามเนื้อตัวทำให้สันนิษฐานได้ว่าเธอคงพลัดตกจากเขา  ระหว่างนั้นศีรษะอาจได้รับการกระทบกระเทือน  จนเป็นผลให้ความทรงจำสูญหาย

    ในความสับสนหวาดกลัว  มีความอบอุ่นปลอดภัยก่อตัวขึ้นเงียบๆ  การดูแลเอาใจใส่ทำให้ความดื้อดึง...พยายามสืบหาอดีตอันไร้ผลของยูฮิโกะ  ผ่อนคลายลง  และเพียงสัญญาแรกจากเขา  ก็ทำให้เธอลบความตั้งใจเดิมลงได้จนหมดสิ้น

    "ไม่ว่าแต่ก่อนเธอจะเป็นใคร  มาจากไหน  ขอให้รู้ไว้...บัดนี้เธอคือ 'ยูฮิโกะ' ของฉัน  และฉันจะไม่ยอมให้เธอเดียวดาย  หรือได้รับอันตรายใดๆ อีกเป็นอันขาด!"

    เรื่องราวควรจะจบลงตรงความซาบซึ้งนั้น  แต่คล้ายโทษทัณฑ์ที่ถูกพระเจ้าสาปไว้ยังไม่จบสิ้น  ไม่นานต่อมาทั้งสองพบว่า...อาการที่ดีขึ้นแต่แรก  เป็นเพียงมายาให้หลงปรีดาของพระผู้เป็นเจ้า  หญิงสาวสุขภาพย่ำแย่  ไม่ใช่แค่ปวดหัว  ยูฮิโกะยังเป็นลมหน้ามืดอยู่บ่อยๆ

    "เหมือนวิญญาณคอยแต่จะหลุดออกจากร่าง..."

    เมื่อการรักษาด้วยหยูกยาแผนปัจจุบัน  ไม่อาจนำพาผลที่น่าพอใจ  โทชิผู้ที่เคยกระทำตนเป็นหมอพเนจร  ท่องโลกช่วยผู้คนไปแทบทั่ว  จึงหันกลับมาสนใจการรักษาฉบับพื้นบ้าน  อย่างที่เคยได้ฟังและพานพบ

    ความรู้สึกลบหลู่ดูถูกในภูมิปัญญาแต่โบราณกาลหมดไป  หลังจากได้ศึกษาและทดลองอย่างเป็นจริงเป็นจัง  การรักษาตามคำบอกเล่า  จนบางครั้งฟังราวกับ 'ยาในตำนาน' นั้น...มีผลสำเร็จอันชวนพิศวง

    "อย่าว่าแต่อีแค่โรคปวดหัวแบบนี้  'กรรมวิธีของโดโมหงิ' ทำได้กระทั่ง...ฉุดคนตาย...ให้กลับมามีลมหายใจได้อีกครั้ง!"

    โทชิยังจำคำกล่าวของแม่เฒ่าชาวบ้านได้ดีทุกคำ...หญิงชราผู้หัวเราะเยาะหยันเมื่อเขาแจ้งผลสำเร็จไปหา

    "หมอแบบใหม่เพิ่งเป็นที่รู้จักกันได้ซักกี่ปี  แต่ตำรา  ตัวยา  คาถา  และเคล็ดลับของพื้นบ้านแบบนี้...สะสมสืบถ่ายมานับร้อยนับพันปี  เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครรู้  เพราะเกรงกลัวกัน  ด้วยเห็นเป็นเรื่องผสมผสานกับไสยศาสตร์

    "พระนางอาเซโกะสมัยปีรามัยที่ 2 เคยทำราชบุตรตายในท้อง  แต่ด้วยเกรงอาญาจากสวามี  จึงใช้สูตรสมุนไพรโบราณขยายขนาดศพตัวอ่อนจนครบ 9 เดือน  พอคลอดออกมาก็นำวิญญาณที่เก็บไว้  ร่ายอาคมผสมกรรมวิธีให้ราชบุตรมีชีวิตขึ้นใหม่  พระนางเกรงความลับอันตรายแพร่งพราย  จึงจัดฉากสร้างเรื่องขึ้นใหม่ว่า 'การรักษา' ดั้งเดิมคร่ำครึ  มอมเมาไพร่ฟ้า  เป่าหูให้สวามีจับผู้มีความรู้และเกี่ยวข้องกับการรักษาตามวิธีของโดโมหงิทั้งหมด  ประหารให้สิ้นเป็นการปิดลบเรื่องราว  

    "นั่นเอง...เป็นต้นเหตุแห่งการกล่าวขานอย่างผิดๆ  และทำให้ภูมิปัญญาของโดโมหงิแทบถูกลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

    "แต่ก็เหมือนโชคร้ายของพระนาง  เพราะครั้นราชบุตรเจริญชันษา  แล้วแอบได้รู้ความจริงของพระมารดา  กลับกำเริบการใหญ่  คิดมีชีวิตอมตะมิสูญสลาย  พยายามพลิกฟื้นความลี้ลับดั้งเดิม...

    "แต่การจะต่อชีวิตนั้นต้องใช้ชีวิต!  ยิ่งเมื่อมีพระมารดาคอยขัดขวางทุกวิถีทาง  จึงลงผลเป็นอันว่า...นำชีวิตของพระมารดามาต่อชีวิตตน!

    "น่าเสียดาย...ผลจากการกวาดล้างแต่เดิมของพระบิดา  ทำให้เหลือได้ตำรามาไม่ครบ  เจ้าชายโลภจึงจบชีวิต  โดยยังถูกปกปิดความจริงมาถึงทุกวันนี้..."

    ...........................

    จากคุณ : งี่เง่าบอย - [ 1 ก.พ. 50 21:35:24 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom