กลางพายุ
ลมพัดแรงทำให้ต้นไม้ปลิวไหว เมฆครึ้มดำเป็นสัญญาณว่าพายุกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า ชายสองคนกำลังวิ่งขึ้นเขา ลัดเลาะไปตามต้นไม้ เสียงหอบหายใจของทั้งสองประสานกันเป็นจังหวะ
ชายฉกรรจ์ทั้งสองแต่งตัวเหมือนๆกันคือเสื้อยืดกับกางเกงยีนและหิ้วกระเป๋าหนังขนาดพอๆกัน ทั้งคู่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายๆกัน ขณะนี้ทั้งคู่กำลังเหนื่อยและหัวใจเต้นแรงพอๆกัน หากจะพูดถึงความแตกต่างของสองคนนี้ ก็คงเป็นเรื่องของอารมณ์
ทั้งคู่กำลังหนีอยู่ คนหนึ่งหนีด้วยความกลัว อีกคนหนึ่งหนีด้วยความตื่นเต้น
มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าคนหนึ่งชื่อแสง และอีกคนชื่อเอก
ฝนเริ่มพรำเม็ดและเทลงมาห่าใหญ่ในเวลาไม่นาน สายฝนอันหนาวเหน็บทำให้ความกลัวของแสงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน ฝนนี้ลดความตื่นเต้นให้กับเอก
ฝนคงช่วยกลบร่องรอยของพวกเราไปได้เยอะทีเดียว เอกคิดขึ้นมาในใจ
ฝนยังสาดลงมาเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ความหนาวเริ่มลดกำลังของทั้งคู่ไปเรื่อยๆ กระเป๋าหนังก็เริ่มหนักขึ้นทุกทีๆ
สายตาของเอกพยายามสอดส่องไปรอบๆเพื่อที่จะหาที่พักให้กับพวกเขา ทันใดนั้นเอง ตาเขาก็ไปสะดุดกับบางอย่างที่ส่องประกาย
เอกจ้องไปที่สิ่งในให้ดีอีกครั้ง เขาจึงพบว่าสิ่งนั้นคือตา ตาของแมว
แมวตัวนั้นเป็นแมวที่ตัวค่อนข้างใหญ่ ขนาดของมันประมาณลูกสุนัขตัวโตๆเลยทีเดียว เอกสงสัยว่ามันจะเป็นแมวป่าหรือเปล่า
แมวตัวนั้นจ้องเขาอยู่สักพักจึงพลิ้วตัวกลับไป มันวิ่งลัดเลาะไปตามดงไม้เพื่อกำบังตัวเองจากแรงพายุ
บางสิ่งบางอย่างบอกให้เอกตามแมวตัวนั้นไป
เอกตะโกนเรียกแสงให้ตามเขามา ทั้งคู่วิ่งไปตามทิศที่แมววิ่งไป ไม่นานนัก กลางความมืดนั้น ตาของเอกจึงจับได้ถึงโครงเงาขนาดใหญ่
กระท่อมหลังหนึ่งปรากฏอยู่ตรงเบื้องหน้าของทั้งคู่
แสงกับเอกนำตัวเองเข้าไปในกระท่อมนั้นอย่างไม่รอช้า
กระท่อมนี้สร้างขึ้นมาง่ายๆจากไม้ไผ่และมุงหลังคาด้วยหญ้าคาแห้ง พื้นปูด้วยไม้ ตรงกลางกระท่อมมีช่องเว้นไว้ถึงพื้นดิน ข้างในช่องนั้นมีถ่านเก่าๆสุมอยู่
ทั้งคู่ทิ้งร่างอันเปียกแฉะรอบกองถ่านนั้น เอกส่องสายตาไปรอบกระท่อม เขาไม่พบร่องรอยของแมวตัวนั้นแต่อย่างใด
หนาวชะมัด แสงพึมพำ
รู้แล้วน่า กำลังจะจุดไฟอยู่นี่ไง เอกตะคอกพลางหยิบไฟแช็คขึ้นมา เขาจุดไฟ ไฟติดที่ไฟแช็ค แต่ไม่ติดถ่าน
ปัดโธ่เว้ย ไม่มีเชื้อไฟมั่งเลยรึไงวะ เอกบ่นอย่างหัวเสีย พลันเขานึกขึ้นมาได้ว่าเขามีเชื้อไฟอยู่
เอกเปิดกระเป๋าหนังของเขา ข้างในมีธนบัตรเงินอัดอยู่เต็มกระเป๋า และบนเงินนั้นมีปืนลูกโม่อยู่หนึ่งกระบอก
เอกหยิบปืนขึ้นมา แล้วแกะลูกกระสุนออกมาหนึ่งนัด
แสง แกแกะไม้ออกมาจากพื้นกระท่อมทีซิ เอาหญ้ามาจากหลังคาด้วย
แสงเปิดกระเป๋าของเขา ข้างในนั้นมีธนบัตรอัดเต็มอยู่เช่นกัน เขาล้วงเขาไปในกระเป๋าแล้วหยิบมีดขึ้นมาหนึ่งเล่ม
แสงเอามีดกระแทกไม้ออกมาจากพื้น แล้วจึงดึงหญ้าคาจากเพดานมาหนึ่งแผง
แสงส่งมีดให้เอก เอกใช้มีดแคะหัวกระสุนออกมา จากนั้นจึงนำดินปืนที่อยู่ข้างในมาโปรยที่กองถ่าน,ไม้ และหญ้าคา
เมื่อเอกจุดไฟอีกครั้ง ไฟก็ลุกไหม้ทันที
เมื่อไฟติดดีแล้ว ทั้งคู่จึงอังตัวรอบกองไฟ
เอกเริ่มหยิบเงินจากกระเป๋ามานั่งนับ ส่วนแสงยังนั่งจ้องกองไฟอย่างเหม่อลอย
เอกสังเกตเห็นอาการของเพื่อนจึงพูดขึ้น
แสง แกก็นับเงินกระเป๋าแกสิวะ จะได้รู้ว่าแบ่งกันเท่าไหร่
แสงยังนั่งนิ่งไร้ปฏิกิริยา
เอกจึงเลิกสนใจ และกลับมานับเงินต่อ ในกระท่อมมีแต่ความเงียบ เสียงของพายุข้างนอกยังดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อผ่านไปสักพัก เสียงพายุจึงถูกขัดขึ้นมา
แกยิงไปใช่ไหม แสงพึมพำเบาๆ
เอกชะงักเล็กน้อยก่อนตอบออกไป เออ กูยิง แล้วก็นับเงินต่อ
โดนรึเปล่า
คิดว่าโดน ก็:-)ล้มลงไปนี่
เค้าจะตายมั้ยวะ
กูจะไปรู้ได้ยังไง
แต่แกเป็นคนยิงเค้านี่
ไม่เห็นจะเกี่ยวว่ากูจะไปรู้ชะตาชีวิตของ:-)นี่หว่า
ไม่เกี่ยวอย่างงั้นเหรอ แสงเริ่มขึ้นเสียง แกไปปล้นเค้านะโว้ย ธนาคารมันตั้งอยู่ตรงนั้น แล้วอยู่ดีๆแกก็ไปปล้น แล้วเค้าก็ตาย แกไปฆ่าเค้านะโว้ย มันจะไม่เกี่ยวได้ยังไงกัน
เอกคว้าปืนเล็งไปที่แสง แกหุบปากไปเลย ถ้าแกอยากไปอยู่กับ:-)นักเดี๋ยวกูจัดการให้ก็ได้
แสงไม่อาจเอ่ยคำใดๆ
ฟังให้ดีนะ กูไม่ได้ไปปล้น แกและกูต่างหากที่ไปปล้น กูไม่ได้ฆ่า:-) แกและกูต่างหากที่เป็นคนฆ่า แกอย่ามาทำเป็นเหมือนตัวเองไม่ผิดเลยดีกว่า แกก็เห็นดีเห็นงามไปกับกูวะตอนวางแผนกัน
ตอนวางแผน แกไม่ได้บอกนี่หว่าว่าจะฆ่าใคร แสงเถียง
ที่กูต้องฆ่าก็เพราะว่าแกมัวแต่ชักช้ายืดยาดนั่นแหละ ปล่อยให้:-)กระโดดเข้ามาขวางได้ กูไม่เป่าแกไปด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว
ทั้งคู่เงียบลง ปล่อยให้เสียงพายุดังขึ้นในบรรยากาศอีกครั้ง
ไฟเริ่มอ่อนลง เอกจึงเอามีดกระแทกพื้นไม้เพื่อเอามาใส่เพิ่ม ท่ามกลางเสียงกระแทกนั้น แสงพึมพำเบาๆ
เป็นเพราะหนี้ของแกนั่นแหละ... เป็นเสียงเบาๆที่บ่นเหมือนแค่อยากพูด แต่ไม่อยากให้ได้ยิน อย่างไรก็ตาม เอกก็หูดีพอที่จะได้ยิน
เอกก้าวสามขุมเข้ามาหาแสง เขาถีบแสงล้มแล้วเหยียบอกเอาไว้ จากนั้นจึงยัดปืนกรอกปาก
แกจะทำตัวยียวนกวนประสาทไปถึงไหนวะ ฮะ กูบอกแล้วว่าใช่ไหมอย่าได้ตัดตัวแกออกไป มันไม่ใช่หนี้ของกู มันเป็นหนี้ของแกและกูต่างหาก เข้าใจมั้ยวะ
แสงกลัวจนน้ำตาเล็ด เขาพยายามจะพยักหน้าแต่ฟันก็ติดปากกระบอกปืน
แล้วถ้าแกยังพูดบ่นเป็นหมีกินผึ้งอีก กูจะทำให้แน่ใจเลยว่าแกจะพูดอะไรไม่ได้อีกต่อไป
แสงพยายามพูด แต่เสียงที่ออกมาไม่เป็นภาษา แล้วทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
แค่ก
เสียงไอ
ไม่ใช่เสียงของเอกแน่ๆ และไม่ใช่เสียงของแสงด้วย คนโดนปืนกรอกปากไม่สามารถไอได้เต็มปากเต็มคำแบบนั้น
เอกหันปืนไปยังต้นกำเนิดเสียงทันที
ในขณะที่มือขวาของเขาเล็งปืนอยู่นั้น มือซ้ายของเอกก็คลำหาไม้ติดไฟขึ้นมา เขาเอาไม้ท่อนนั้นส่องลึกเข้าไปที่ๆแสงจากกองไฟส่องไม่ถึง
ปลายทางแสงนั้น มีชายชรานอนห่มผ้าอยู่ ร่างกายใต้ผ้าห่มนั้นกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ
ไอ้แก่ แกเป็นใครวะ เอกกล่าว ชายชราไม่ตอบสนองใดๆ
สงสัยแกจะหูตึงล่ะมั้ง แสงเอ่ยขึ้น
เหอะ ใครจะไปรู้ มันอาจะแกล้งทำหูทวนลมก็ได้ เอกกล่าวพร้อมเขยิบเข้าไปใกล้ เฮ้ย ไอ้แก ตื่นขึ้นมาสิวะ เขาเอาเท้ายันร่างของชายชรา
ชายชรายังไม่มีทีท่าว่าจะรับรู้สิ่งใด
เอกเริ่มบันดาลโทสะ
ยิง:-)ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวดีกว่ามั้งเนี่ย เอกขึ้นไกแล้วเล็งปืนไปที่ชายชรา
เฮ้ย อย่าน่า แกเป็นแค่คนแก่นะ แสงห้าม
เป็นคนแก่แล้วทำไม ถ้ามันได้ยินเรื่องที่เราคุยกันมันก็เอาไปแจ้งความได้ สู้ตัดไฟแต่ต้นลมเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า
แกยังไม่รู้เลยว่าเค้าได้ยินรึเปล่า ดูสิกูยังไม่เห็นเขาตื่นเลย
รู้หรือไม่รู้ เอาให้มันเป็นศพนี่แหละชัวร์ที่สุด เอกกระดิกนิ้วเล่นกับไกปืน
แกนี่อะไรๆก็จะฆ่าอย่างเดียวรึไง แสงขึ้นเสียง แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ
จะให้รู้สึกอะไรอีกวะ กูก็ฆ่ามาแล้วคนนึงไง จะอีกซักคนก็เห็นจะต่างกันตรงไหน เอกตอบเสียงเรียบ
แกฆ่าไปคนนึงแล้วนะ! แกจะยังฆ่าต่ออีกรึไง แสงตะโกนกลบเสียงพายุ
แสงหอบหายใจ เอกยังทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วจึงยกปืนขึ้น
ไม่ฆ่าก็ไม่ฆ่า ยังไงก็ต้องอยู่ในกระท่อมจนกว่าพายุจะสงบอยู่แล้ว ให้อยู่กับศพนานๆก็คงไม่ดีเท่าไหร่
แสงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เอกทิ้งตัวลงนั่ง
นอนได้แล้ว เอกว่า พอพายุสงบเรายังต้องเดินทางกันอีกไกล
อือ แสงตอบคำ แล้วเขาก็ทิ้งตัวลงนอนข้างกองไฟ เอาหัวหนุนกระเป๋าหนัง
เวลาผ่านไปโดยมีแต่เสียงพายุพัดก้องให้ได้ยิน แสงหลับไปแล้ว ส่วนเอกยังอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ มือขวายังไม่ปล่อยปืน แต่ตาของเขาเริ่มปรือแล้ว ไฟที่ไม่ได้รับการดูแลเริ่มมอดลงเรื่อยๆ
ในช่วงที่เอกกำลังจะเข้าสู่ห่วงนิทรานั้นเอง จอบที่ซ่อนอยู่ในเงามืดด้านหลังเขาก็วาดลงมา
คมของจอบถากแก้มของเอกไปแล้วสับลงที่กองไฟ ทำให้ไฟได้รับอากาศ ลุกติดเป็นสะเก็ดไฟพวยพุ่งขึ้นมา
ใคร! เอกพูดพร้อมหันปืนไป แต่ก็ไม่พบใครในความมืด
เอกเริ่มพิจารณาสถานการณ์รอบตัว ล้มลงมาเองรึ เป็นไปไม่ได้ เอกคิด ถ้าจะมีใคร ก็คงมีแต่ไอ้แก่นั่น
มีอะไรวะ เอก แสงถามเสียงงัวเงีย
ไอ้แก่นั่น! ไอ้แก่นั่นมันจะเล่นกู :-)เอาจอบมาฟาดใส่กู เอกชี้ไปที่จอบที่อยู่กลางกองไฟ
แกคิดไปเองรึเปล่า มันจะโดนลมพัดจนล้มมาก็ได้ แสงว่า
แกดูรอบตัวแกดีๆซะก่อน ลมมันพัดไปคนละทิศกับที่จอบมันล้มโว้ย ไม่มีทางที่จะถูกลมพัดล้มโดยเอาคมหันใส่กูได้เด็ดขาด
แสงยังทำหน้าไม่เข้าใจ
เอกถอนหายใจ ถ้าจอบมันจะล้มมาอย่างนี้ก็แสดงว่ามันต้องเอาหัวตั้งพิงกำแพงโดยหันด้านคมออก ไม่มีทางเลยที่ด้านคมจะล้มลงมาข้างหน้าได้เพราะหัวมันหนักกว่าปลาย ถ้าจะล้มก็ต้องล้มไปข้างๆหรือข้างหลัง ถ้าสมมติมันล้มมาข้างหน้าก็แสดงว่ามีแรงดันให้มันล้ม หรือไม่ก็มีใครฟาดมันลงมา ซึ่งมันก็มีแต่ไอ้แก่นี่คนเดียว เอกชี้ปืนไปที่ชายชรา
แสงคว้าฟืนมาจากกองไฟแล้วส่องไปที่ชายชรา ชายชรายังหลับใหลอยู่ใต้ผ้าห่มที่ยังกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ
ยังหลับสนิทอยู่เลย แสงว่า
เมื่อกี้ ไม่ได้หลับอย่างนี้แน่
แล้วตาแก่นี่จะเอาจอบมาฟาดแกทำไมวะ แสงถาม
จากคุณ :
my ip
- [
3 ก.พ. 50 14:00:59
]