ความคิดเห็นที่ 1 ตอนที่ 3  ผู้ใหญ่ลีกับนางมาทำนาอยู่ที่ "เมืองแห่งข้าว" ก่อนที่จะมีโครงการขุดคลองในพื้นที่ทุ่งรังสิต ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้มีการขุดคลองแสนแสบและคลองสาขามาบ้างแล้ว ผู้คนเข้าไปอยู่อาศัยตามแนวคลองตั้งแต่ขุดคลองเสร็จใหม่ๆ แต่ก็มีไม่มากนัก และเรียกบริเวณนั้นว่า "ทุ่งแสนแสบ" ค่ะ รูปบ้านริมคลองแสนแสบสมัยก่อน แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 15:12:37 จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 14:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ภายหลังเมื่อมีการขุดคลองอีกที่หนึ่งในพื้นที่ทุ่งรังสิต ผู้คนจึงอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณ ทุ่งแสนแสบ และทุ่งรังสิต กันอย่างขนานใหญ่ ่โดยเริ่มมาเข้าอยู่ที่ทุ่งแสนแสบก่อน แล้วไล่จากทางด้านใต้ ขึ้นไปทางด้านเหนือของทุ่งรังสิต ตามที่มีการสำรวจกันได้ระบุว่าเมื่อปีพ.ศ.2431 หลังจากขุดคลองแสนแสบไปได้ 8 ปี บริเวณทุ่งแสนแสบต่อกับตอนใต้ของทุ่งรังสิตยังปรากฏว่ามีช้างป่าอาศัยอยู่ มีคนอยู่บ้างแต่ก็อยู่อย่างบางตา แต่ถัดมาอีก 7 ปี  เมื่อกลับไปสำรวจพื้นที่แห่งนั้นอีกครั้ง กลับพบว่าพื้นที่กลายเป็นชุมชนที่อยู่ของชาวบ้าน และแหล่งเพาะปลูกไปแล้ว ส่วนช้างป่าได้ถูกขับไล่ จนถอยร่นออกไปยังพื้นที่อื่น ช้างป่าที่ฉะเชิงเทรา จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 15:10:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สาเหตุที่ทำให้คนหลั่งไหลเข้าไปในพื้นที่ทุ่งรังสิต อย่างมากมายและอย่างรวดเร็ว   นอกจากผลพวงจากความต้องการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ และการเลิกทาสที่ดิฉันเคยกล่าวมาบ้างแล้วข้างต้น ก็มีปัจจัยอื่นมาร่วมด้วยนะคะด้วยเช่น - การที่ราคาที่ดินภายในกรุงเทพฯ ในขณะนั้นถีบตัวสูงขึ้น ทำให้คนต้องไปหาที่ทำกินแหล่งใหม่อย่างที่ทุ่งรังสิต ซึ่งขณะนั้นราคาที่ดินยังถูกอยู่ - หรือการที่ชาวนาที่อยู่ในเขตชายฝั่งทะเลตอนใต้ หนีปัญหาดินเค็มมาหาที่แห่งใหม่ - และอีกประการหนึ่งคือ เมื่อขุดคลองเสร็จแล้ว ชาวบ้านก็สามารถปลูกบ้านบริเวณสองฝั่งคลองที่เป็นเนินดินใหม่ได้ ไม่เหมือนกับในอดีตที่บริเวณนี้ จะมีแต่หนองบึง ถ้าจะสร้างบ้านได้ก็ต้องไปสร้างในบริเวณที่เป็นโคกซึ่งอยู่ไกลๆ กัน คลองแปดวา (นอกจากขุดคลองแล้ว ต่อมาภายหลังริมคลองหลายสาย ก็มักจะทำถนนเลียบริมคลองคู่ขนานไปด้วย) จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 15:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ท่านผู้อ่านคะ ถึงตรงนี้ดิฉันมีความรู้สึกว่าทำไม "ความเจริญ" ต่างๆ ที่เราได้มานั้นต้องแลกกับ "ความสูญเสีย" โดยเฉพาะเราต้องไปเบียดบังทรัพยากรธรรมชาติ ไปเสียทุกครั้งหรือคะ ? ..... แต่จะอย่างไรก็แล้วแต่ในที่สุดทุ่งรังสิต ก็เป็นไปตามวัฎของมัน..... ครั้นเมื่อทุ่งแสนแสบกับทุ่งรังสิตมีคนมาอยู่อาศัยมากขึ้น ก็จะมีอีกสิ่งที่ต้องตามมาเสมอคือ  ปัญหาสังคมด้านต่างๆ ค่ะ (นี่คงเป็นผลกรรมที่เราต้องชดใช้จากการบุกรุกบ้านของสัตว์ป่ากระมัง) ปัญหาที่เกิดในทุ่งรังสิต ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องความขัดแย้งในที่ดินทำกิน หรือปัญหาโจรผู้ร้าย ที่มีตั้งแต่คนอพยพมาใหม่ๆ และมีี่มากขึ้นทุกวัน จนในที่สุดพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะเขตทุ่งทั้งสอง ขึ้นเป็นเมืองใหม่สองเมืองคู่กันค่ะ เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล โดยให้ชื่อเมืองที่อยู่ในเขตทุ่งแสนแสบว่า "เมืองมีนบุรี" มีความหมายว่า "เมืองแห่งปลา" ขณะเดียวกันให้ชื่อเมืองที่อยู่เขตทุ่งรังสิตว่า "เมืองธัญญบูรี" หมายถึง                 "เมืองแห่งข้าว" ด้วยเหตุนี้ผู้ใหญ่ลีกับนางมาของเราจึงอยู่ใน เมืองแห่งข้าว เมื่อดิฉันรับรู้เรื่องนี้ครั้งแรก ดิฉันรู้สึกขนลุก รู้สึกถึงอดีตที่ยิ่งใหญ่ของที่นี่ในทันที... ทุ่งนาในเมืองแห่งข้าว แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 15:45:30 จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 15:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมืองธัญญบูรีตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2445 ค่ะ มีนายพันโทพระฤทธิจักรกำจร ราชองครักษ์ประจำการ เป็นผู้ว่าราชการเมืองคนแรก ในระยะแรกเมืองธัญญบูรีแบ่งเขตการปกครองเป็น 4 อำเภอ ด้วยกันคือ อำเภอเมือง อำเภอคลองหลวง อำเภอหนองเสือ และอำเภอลำลูกกา(อำเภอที่ตั้งที่เป็นฉากในเรื่องไงคะ) ประชากรที่เข้าไปตั้งถิ่นฐานในเมืองธัญญบูรีประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติ มีทั้งนับถือศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลาม ปัจจุบันคลองสิบเอ็ดก็ยังมีโบสถ์คริสต์ปรากฏให้เห็นนะคะ อยู่ระหว่างคลองสิบเอ็ดและคลองสิบสองค่ะ และพื้นที่อำเภอลำลูกที่ติดกับเขตหนองจอกก็เป็นชุมชนชาวมุสลิม   จำนวนประชากรที่อาศัยในขณะนั้น  มีประมาณ 35,000 คน ถ้าเทียบกับประชากรของประเทศในขณะนั้นที่มี 8 ล้านคน ถือได้ว่าเมืองธัญญบูรีเป็นเมืองที่มีขนาดไม่เล็กเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 16:02:00 จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 16:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กระแสการอพยพเข้ามายังทุ่งรังสิตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พื้นที่ปลูกข้าวในทุ่งแห่งนี้มากตามไปด้วย จนได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ผลผลิตข้าวที่นี่ในขณะนั้นต่อปีสูงถึง 100,000 เกวียน หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของผลผลิตข้าวในเขตภาคกลาง ประกอบกับยุคนั้นหน่วยงานภาครัฐ มีความตื่นตัวเป็นอย่างมากมีโครงการรณรงค์ส่งเสริมให้มีการปลูกข้าวเช่น ในปี พ.ศ.2449 ได้มีการนำเครื่องจักรไถนามาทดลองใช้เป็นครั้งแรกที่คลองหนึ่ง และในปีต่อมาก็จัดให้มีการประกวดพันธุ์ข้าวขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นการกระตุ้นให้มีการคัดเลือกพันธุ์ข้าว จนในที่สุดก็มีการจัดตั้งสถานีทดลองพันธุ์ข้าวที่รังสิต แทบจะเรียกได้ว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางของปลูกข้าวเลยก็ได้ค่ะ สมกับที่ได้ชื่อว่า "เมืองแห่งข้าว" จริงๆ แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 16:10:17 แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 16:09:50 จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 16:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สมัยก่อนเราใช้ควายไถนา จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 16:11:37 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แต่ถึงกระนั้นทุ่งรังสิตก็มีควายเหล็กใช้งานกัน จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 16:15:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นไงคะ กับความไม่ธรรมดาของคนที่ทุ่งรังสิต... ดิฉันจึงไม่แปลกใจเลย ที่ในหนังสือเรื่องผู้ใหญ่ลีกับนางมา ได้กล่าวถึงผู้ใหญ่ลีว่าเป็นคนหัวสมัยใหม่ใช้รถไถนา รถแทรกเตอร์ มาขุดดิน ไถนา และนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ในการทำนา เพราะรัฐบาลได้ส่งเสริมเกษตรกรให้มีความรู้ความสามารถ ในงานเกษตรมาโดยตลอดนี่เองค่ะ และก็คงเป็นเรื่องที่ลำบากเอาการอยู่ถ้าผู้ใหญ่ลีจะใช้วัวใช้ควายไถนา เพราะที่นาของบ้านผู้ใหญ่ลีมีนับร้อยๆ ไร่ ถ้าใช้ควายไถคงตัวดำปิดปี๋ เหมือนนายปื๊ดลูกชายจอมซนของแกนั่นแหละค่ะ คุณมาคงไม่ชอบแน่ อิ อิ..... แม้ในขณะนั้นประเทศไทยยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศล้าหลัง แต่ในเรื่องการปลูกข้าวแล้วประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีชื่อเสียง มีผลผลิตข้าวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกทีเดียวค่ะ   ฟังดูยิ่งใหญ่ไหมคะ... รูปนาข้าว ที่คลองรังสิตในปัจจุบัน จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 16:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ชาวนาสมัยก่อน จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 16:33:03 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ของทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงนะคะ มีขึ้นย่อมมีลง เมืองธัญบูรี ก็หนีไม่พ้นเรื่องนี้ค่ะ เมืองธัญญบูรีขึ้นกับมณฑลกรุงเทพ จนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 จึงมีการเปลี่ยนแปลงโดยโอนไปสังกัดมณฑลกรุงเก่า   กระทั่งปี พ.ศ. 2475 เมืองธัญญบูรีถูกลดฐานะลงเป็นอำเภอชั้นเอก โดยให้อำเภอเมืองหรืออำเภอรังสิตเดิมก็มาขึ้นกับจังหวัดปทุมธานี เรียกว่า อำเภอธัญบุรี ส่วนของอำเภอลำลูกกา ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของผู้ใหญ่ลี เมื่อไม่ได้ขึ้นกับเมืองธัญญบูรีแล้ว ก็ย้ายมาเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดปทุมธานีเช่นกันค่ะ การปรับเปลี่ยนการปกครองในครั้งนี้ เพื่อให้เข้ากับระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่เราเริ่มใช้กันค่ะ ใช่ว่าจะเป็นผลมาจากประชากรที่ทุ่งรังสิตอพยพออกนอกพื้นที่ หรือคนไม่ทำนากันแล้วนะคะ คนที่ทุ่งรังสิตเริ่มทิ้งคันไถ ภายหลังค่ะ ...หลังจากไทยอยากเป็น NIC หรือประเทศอุตสาหกรรมใหม่.... แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 50 16:45:11 จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 16:44:29 ]

ความคิดเห็นที่ 12 .... จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 16:48:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถึงตรงนี้ผู้อ่านทุกท่านคงทราบแล้วนะคะ ว่าทุ่งรังสิตเกิดมาได้อย่างไร ทำไมที่นี่จึงมีคลองกันเยอะนัก ทำไมคนที่นี่จึงทำนากัน ฯลฯ ...ซึ่งเหตุการณ์ต่างที่เกิดขึ้นในหนังสือ ก็ล้วนแต่มีความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของทุ่งรังสิตทั้งสิ้นค่ะ... ดิฉันคิดว่าต่อไปเมื่อท่านผู้อ่านหยิบหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ท่านก็จะสามารถซึมซับบรรยากาศต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในเรื่องได้เป็นอย่างดี มีผลให้การอ่านเป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น และที่สำคัญท่านจะมองเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ ที่ผู้เขียนได้พยายามบอกผ่านมาทางตัวละคร และฉากในเรื่อง ได้ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ ในตอนหน้า (ตอนที่ 4) ซึ่งจะเป็นตอนจบของเรื่องนี้แล้ว ดิฉันไม่อยากให้ท่านผู้อ่านพลาดเลยค่ะ  เพราะดิฉันจะมาเฉลย ว่าเรื่องนี้ผู้แต่งมีแรงบรรดาลใจอย่างไรจึงเขียนเรื่องนี้  ตัวละครทุกตัวเป็นใคร มาจากไหน  และมารู้จักผู้เขียน(คุณกาญจนา นาคนันท์)กันค่ะ รับรองว่าทุกท่านจะเกิดความอบอุ่นในดวงใจค่ะ..........             .....จบตอนที่ 3..... จากคุณ : พินธุวดี - [ 4 ก.พ. 50 17:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ติดตามๆ จากคุณ : scottie - [ 4 ก.พ. 50 22:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มาปูเสื่อรออ่านตอนจบค่ะ จากคุณ : ปิยะรักษ์ - [ 6 ก.พ. 50 14:58:12 ]

ความคิดเห็นที่ 16 - คุณ scottie เป็นแฟนพันธุ์แท้ห้องนี้เลยนะคะ ดีจัง - คุณ ปิยะรักษ์ เชิญทานน้ำสักแก้ว ซื้อข้าวโพดคั่วแล้วตามมานี่เลยค่ะ ตอนที่ 4 (ตอนจบ) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5115702/W5115702.html#19 จากคุณ : พินธุวดี - [ 7 ก.พ. 50 09:49:23 ]