Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องตลกของโชคชะตา : คนที่ใช่

    ตอนที่ 20 คนที่ใช่

    ริมทะเลไม่ห่างจากบ้านพักของเฌลลีนัก ขณะที่เธอกำลังสบายอารมณ์กับการอ่านหนังสือเล่มโปรดในวันหยุดสุดสัปดาห์ จนเผลอหลับและฝันไป

    “แก... เมื่อไหร่เราจะแต่งงานกันซะที”

    “ไปถามแม่สิ ว่าผมพร้อมจะแต่งงานหรือยัง”

    “ลูกแหง่ว่ะ จะมีเมียก็ต้องถามแม่ด้วยเหรอ”

    “อ๊ะ ไม่ได้สิ แม่มีอยู่คนเดียวนี่ ไว้จะมีเมียคนที่สองเมื่อไหร่ค่อยบอกเมียคนแรก”

    “ไอ้บ้า” ประโยคนี้ของเธอไม่ได้อยู่ในความฝันเหมือนสี่ประโยคแรก แต่เธอเผลอด่าออกเสียงซะงั้น และนั่นก็ทำให้คนที่ยืนไกวเปลให้เธอตอนเผลอหลับสะดุ้งโหยง

    “อ้าวพี่ผา มาเมื่อไหร่คะเนี่ย” เฌลลีงัวเงีย ง่วงงุน ไม่ได้รู้ตัวหรอกว่าเผลอด่าออกเสียงไปน่ะ

    “สักพักแล้วครับ”

    “โทษทีค่ะ พอดีเผลองีบไปนิดหน่อย” งีบของเฌลลีก็เกือบสองชั่วโมงได้เหมือนกัน

    “พี่ผามาบอกหนูลีว่า วันมะรืนพี่ผาต้องออกเดินทางแล้วล่ะครับ”

    “อ้าว หกเดือนแล้วเหรอคะ ไวจังเนาะ”

    “ครับ” ผาเมืองเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยยิ้ม หน้านิ่งๆ แต่ใจดีมาก

    “แล้วหนูลี่รู้หรือยังว่าพี่ผาจะไปแล้ว”

    “ทราบแล้วครับ พรุ่งนี้หนูลี่จะมา”

    “งั้นเย็นนี้ ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวหนูลีเลี้ยงส่ง ร้านเดิมริมแม่น้ำจันทบุรี โทฯ ไปชวนคุณจุ๋มด้วยดีกว่าเนอะ” ที่จริงแล้ว เธออยากมี “ก้างขวางคอ” บ้างเท่านั้นแหละ

    “ครับ” แต่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของผาเมือง หรือเปล่าเพราะอีตาสมศักดิ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า

    “คุณจะกลัวอะไรล่ะ เดี๋ยวเค้าก็ไปแล้ว อีกอย่าง เค้าก็คงอยากคุยกับคุณมากกว่าผม”

    “ไปกันสองต่อสองมันไม่งาม” เฌลลีดำน้ำเถียงข้างๆ คูๆ

    “ข้ออ้างเยอะนะแม่คุณ คุณหมอผาเมืองไม่ใช่คนแบบตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่าคุณไม่ได้รักเขา แต่เพราะเขารักคุณ เขาถึงได้คอยเอาใจใส่ ห่วงใยคุณ ก็เหมือนที่คุณทำกับคุณณนนท์นั่นแหละ ดูๆ ไปก็ตลกดี คุณวิ่งตามคนคนหนึ่ง ขณะที่อีกคนก็วิ่งตามคุณมาติดๆ พระเจ้านี่ก็เข้าใจเล่นเนาะ นี่ถ้ามีใครสักคนหยุดวิ่ง ผมว่าเกมมันคงจบลงอย่างลงตัวพอดีเลยแหละ”

    “ไม่จริง อย่างน้อยก็ต้องมีคนผิดหวัง”

    “คุณลืมน้องสาวคุณไปแล้วหรือ เกมนี้ครบคู่ต่างหาก”

    “พูดถึงมิลลี่ ก็แปลกดีนะที่คนอย่างน้องสาวฉันที่แสนจะเปรี้ยวซ่า ก๋ากั่น กลับมาหลงรักผู้ชายมาดนิ่งใจดี อย่างพี่ผา”

    “คนเรามักจะต้องการเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย”

    “ทำยังไงนะ ที่จะให้พี่ผารักมิลลี่บ้างน่ะ”

    “เย็นนี้ไปกินข้าวกับเขาก็ลองโยนหินถามทางดูสิ แต่อย่าเผลอไปตีปลาหน้าไซเข้าล่ะ ต้องรู้จักชี้โพรงให้กระรอกบ้าง”

    “โอ้โห คุณจุ๋มนี่ภาษาไทยคุณนี่แม่นเป๊ะจนฉันอายไปเลยนะ”

    “ไม่ได้สิ ก็พ่อผมเป็นคนไทยนี่”

    “ไว้วันหลังฉันคงได้เรียนภาษาไทยกับฝรั่งมั่งล่ะนะ”

    “You’re Welcome”

    ตกเย็น ผาเมืองมามารับที่บ้าน ชายหนุ่มร่างสูง ผอมบาง สวมแว่นตา เขาใส่เสื้อโปโลสีขาวสะอาด กางเกงสแล็กสีน้ำตาล หน้าตาผุดผ่องต่างจากผาเมืองในเครื่องแบบนายแพทย์ศัลยกรรมหนุ่มอย่างผิดตา เฌลลีนุ่งกางเกงยีนส์เสื้อยืดแต่แรก

    พอเห็นผาเมืองมาในมาดนุ่ม สุขุมแบบนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกลับไปเปลี่ยนชุดบ้าง แส็คสีครีมยาวคลุมเข่า เกล้าผมเหน็บปิ่น ส้นสูงสักนิดคงไม่ขายขี้หน้าเขามากนัก

    “วันนี้หนูลีสวยมาก” ผาเมืองชม นานๆ ทีหรอกที่จะได้ยินคำชมจากปากเขาน่ะ

    “ขอบคุณค่ะ”

    “พี่ผาไม่เคยเห็นหนูลีแต่งตัวแบบนี้”

    “ก็ไม่รู้จะสวยเอาใจใครนี่คะ แต่ที่จริงแล้วหนูลีสวยไม่ได้ครึ่งหนูลี่นะ” อ่ะโยนหินถามทางละ

    “รายนั้นเขา ผอม สูง คมเข้ม” และปลากำลังวิ่งเข้าหน้าไซ เฌลลีคิดในใจ “ใช่ซี้ ก็ฉันมันอ้วน ล่ำ ดำ เตี้ย นี่” แต่เธอก็ไม่ได้พูดออกไปให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึก

    “หนูลีออกจะชอบ หนูลี่หุ่นเหมือนนางแบบ อิจฉาน้องนะเนี่ย” แล้วก็ชี้โพรงให้กระรอกดังที่ถูกเสี้ยมสอนมาจากอีตาสมศักดิ์ ผาเมืองเพียงแต่ฟังเงียบๆ และเปลี่ยนประเด็นในการสนทนา

    “ว่าแต่... ความรักของหนูลีเป็นยังไงบ้างครับ” คำถามระหว่างการเดินทางไปร้านอาหาร เบรกทั้งปลาทั้งกระรอกของเฌลลีไว้เพียงนั้น

    “ก็ดีนะคะ ประหลาดดี เหนื่อย แต่ก็สนุกดีค่ะ” ผาเมืองรู้ว่าสองสาวพี่น้องแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เฌลลีออกแนวแมน ห้าวหาญ รักการผจญภัย ในขณะที่มิลลี่ รักความสวยงามและมีความสุขกับแฟชั่นใหม่ๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกสำหรับหญิงสาวหน้าตาดีและมีความมั่นใจในตัวเองสูงอย่างมิลลี่ จะว่าไปแล้ว ผาเมืองก็ไม่มีข้อแม้ในเรื่องนี้ จะเป็นมิลลี่ หรือเฌลลี เขาก็รู้จักนิสัยใจคอดีทั้งสองคน...

    “เขาคือคนที่ใช่”

    “ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกค่ะ ใช่หรือไม่ใช่ หนูลีคิดว่ามันแป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นคนคนนี้ หนูลีก็ตอบไม่ถูกอีกเหมือนกัน หนูลีรู้เพียงแต่ว่าบางครั้งที่หนูลีไม่สบายใจและต้องการกำลังใจจากใครสักคน หนูลีไม่ต้องอธิบายเรื่องราวให้ยืดยาว ไม่ต้องอารัมภบท ไม่ต้องคิดคำพูดนานๆ แค่มองตากันแว้บเดียว พูดสั้นๆ ว่าวันนี้แย่นะ...เท่านั้นเอง เขาจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่หนูลีต้องการ แต่เราไม่ใช่คนรักกัน มีแต่เขาเท่านั้นที่ถูกรัก”

    “น่าเศร้าใจ”

    “ไม่หรอกค่ะ หนูลีมีความสุขดีกับความรักเอียงๆ แบบนี้ หนูลีคิดว่าถ้าเรารักใครสักคน สิ่งที่ต้องการ ไม่ใช่การได้มา แต่เป็นการได้ให้ไปต่างหากล่ะคะ” เพราะความคิดแบบนี้ของหนูลีนั่นแหละที่ทำให้ผาเมือง “รู้สึก” กับเธอมากกว่ามิลลี่ น้องสาว

    และเมื่อถึงวันเดินทางไปช่วยกาชาดที่อิสราเอลตามคำสั่งของกองทัพเป็นเวลาหนึ่งปีนับจากนี้ คนที่หม่นเศร้า เหงา ซึม ที่สุดคือมิลลี่, น้องสาวของเฌลลีเป็นคนพูดน้อย การแสดงออกของเธอส่วนใหญ่จึงออกมาจากสีหน้าและแววตา ผิดกับเฌลลีที่ รู้สึกยังไงก็พูดออกไปอย่างนั้น รักใครก็บอกไปตรงๆ ไม่รักก็ไม่อ้อมค้อมปิดบัง ดังนั้นเฌลลีจึงไม่เคยแอบรักใครเพราะเธอเชื่อว่าถ้าหากรู้สึกอย่างไรก็ควรแสดงออกไปตรงๆ และถ้ารักใครก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง

    “ไม่รู้จะอยู่อีกนานแค่ไหน ถ้าเกิดเดสมอเร่ไปแล้วไม่ได้บอกรักคนที่อยากบอกคงเสียใจแย่” เฌลลีคิดอย่างนั้น ดังนั้นเธอจึงไม่เคยเขินอายที่ได้บอกรักณนนท์อยู่บ่อยๆ

    ณ สุวรรณภูมิ สนามบินที่อายุสั้นกว่าสามแม่ครัว อันเนื่องมาจากสภาพทรุดโทรมก่อนเวลาอันควร ภายในเทอร์มินัลขาออก มิลลี่ เฌลลี มาส่งเขาขึ้นเครื่อง คราวนี้ความ “บังเอิญ” ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเฌลลีที่ได้เจอ มิสเตอร์สมศักดิ์

    “สวัสดี คุณแป้น” สมศักดิ์ทักทาย ยิ้มแย้ม แจ่มใส

    “เลิกเรียกเจ๊หอยแล้วเหรอคะ” มิสเตอร์จุ๋มเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานตามน้องสาว

    “ผมเพิ่งรู้ว่าคำว่าหอยมันไม่ค่อยจะเหมาะนักสำหรับเรียกสุภาพสตรี”

    “นี่คุณจะไปไหนเหรอคะ หอบกระเป๋าใบเป้งเชียว”

    “กลับเนเธอแลนด์ครับ”

    “งานที่เมืองไทยเสร็จแล้วเหรอคะ”

    “ยังหรอก แต่ผมต้องไปพรีเซนต์งานวิจัยภาคต้นก่อนน่ะ คุณมาส่งคุณหมอผาเมืองใช่หรือเปล่า”

    “อ้อ ค่ะ น้องสาวฉันก็มาด้วย” ผาเมืองกับมิลลี่ ยืนคุยกันตามลำพังเพื่อบอกลา

    “ผมว่า เขาดูเหมาะสมกันดี อย่างน้อยผาเมืองก็ดูเหมาะกับน้องสาวคุณมากกว่าคุณ”

    “ไม่ชมกันบ้างเลยเหรอ”

    “ตรงไปตรงมาจากความรู้สึก ผมนึกภาพคุณกับคุณหมอผาเมืองในแบบของคนรักไม่ออก”

    “อย่าไปนึกให้ปวดเฮด เพราะฉันไม่คิดว่าจะเป็นคนรักของพี่ผา... อย่างน้อยก็ตอนนี้”

    “ฟันธง เขาจะได้แต่งงานกับน้องสาวคุณ”

    “ตกลงคุณเป็นเทวดา หรือเป็นนักวิจัย ฉันชักแปลกใจที่นอกจากจะเจอคุณโดยบังเอิญบ่อยครั้งเกินไป แล้วคุณยังทำตัวเหมือนหมอดูประเทศฉันที่ชอบฟันธงยังกับรู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ยังงั้นแหละ”

    “ผมดูตามเนื้อผ้า”

    “งั้นคุณหมอดูคิดว่า ความรักของฉันจะเป็นยังไงต่อไปคะ”

    “คุณน่ะเหรอ, ดูเหมือนพระศุกร์เข้าพระเสาร์กระแทกทำให้ต้องใช้ความพยายามมากอยู่สักนิดที่จะพิชิตใจคนรัก แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะท้ายที่สุดแล้วคุณก็จะสมหวังดั่งใจ ไม่เกินสี่สิบ ฟันธง”

    “ฉันคงไม่พยายามนานขนาดนั้นหรอก”

    “แต่ผมรู้ คุณรอได้ ในชีวิตจริง เรามีเวลาหาคนที่ใช่ได้นานแค่ไหนกัน เราไม่รู้ว่าเขาจะเดินผ่านมาเมื่อไหร่ บางทีคนที่ใช่สำหรับเราก็กลายเป็นคนที่ใช่สำหรับคนอื่นไปแล้ว เราก็ต้องให้เขาเป็นคนที่ไม่ใช่ไปในที่สุด แต่ถ้าบังเอิญวันนี้เรากลายเป็นคนที่ใช่สำหรับใครบางคนจริงๆ ก็ควรเลือกที่จะคลิกกับคนๆ นั้น เพื่อทำให้ความรักของสองคนใช่ในที่สุดได้เหมือนกัน ถ้าเป็นคนที่ใช่ ยังไงก็ไม่นานเกินไปหรอก See you next month ครับคุณแป้น” ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศขึ้นเครื่อง มิสเตอร์ เอ็ม ฮาร์น คูเปอร์ ก็โบกมือหยอยๆ หายไปกับโบอิ้งลำเบ้ง

    นั่นสินะ... ถ้าเป็นคนที่ใช่ ยังไงก็ไม่นานเกินไปหรอก…/

    ตอนก่อนหน้านี้ค่ะ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5115826/W5115826.html

    จากคุณ : ดาริกามณี - [ 13 ก.พ. 50 09:44:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom