อันนี้เรื่องสั้นจริงๆ แล้วล่ะค่ะ เอามาแปะให้อ่าน... เพื่อความบันเทิงในวันแห่งความรัก ค่ะ ^^
เบรกเรื่องตลกฯ เป็นเรื่องเศร้าๆ สักนิด เนอะ ^^
--------------------------------------------------
<<< วันแห่งความรัก >>>
ตีสาม... ใช่ ตีสามเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด กับอารมณ์คว้างๆ ครึ่งหลับ ครึ่งตื่น คลับคล้ายกับว่าเรื่องราวของเมื่อวานเกิดซ้ำอีกครั้ง...
เมื่อวานในห้องโล่ง เตียงคู่ที่ไม่มีผ้าปู ไม่มีหมอน ไม่มีผ้าห่ม หรือกาต้มน้ำ มีเพียง ไม้แขวนผ้าเก่าๆ และถุงพลาสติกชำรุดวางทิ้งบนพื้น เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินฝุ่นจับขนาดพอเหมาะกับสองคนแขวนเสื้อผ้า ห้องไม่กว้างนัก และมันดูเวิ้งว้างยิ่งขึ้นเมื่อต้องอยู่คนเดียว...
แต่ในท่ามกลางแสงสลัวรางของโคมไฟหัวเตียงนั้นก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อย.. ก็ไม่น่ากลัวในสิ่งที่กลัวโดยปกติ
ให้ตาย - ไม่รู้เลยหรือไงว่ากลัวผีเนี่ย?
บวกลบสองชั่วโมงในการขับรถร้อยกิโลเมตร และอีกสองชั่วโมงในการนั่งรอ... รอและคอย สี่ชั่วโมงไม่เนิ่นนานเกินไปเลย และยินดีรอ ถ้าหากคนที่รอเป็นคนที่เรารัก...หัวปักหัวทิ่ม,
นอนไม่หลับ ข้อความส่งไปทางช็อตแมสเสจ ไม่อธิบายถึงเหตุผลของการนอนไม่หลับนั้น
ในท่ามกลางความเงียบนิ่งของความมืดกลางเดือนกุมภา ปีที่แล้ววันนี้ เวลาเดียวกัน เราสองคนกำลังนมัสการพระธาตุจอมพูสี ศรัทธาศักดิ์สิทธิ์ของชาวหลวงพระบาง และเวลาเดียวกันของวันนี้มีหนึ่งคนโดดเดี่ยว
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังสองสามครั้ง เขาขึ้นมา
อ่ะ อ่านให้จบ หนังสือ ดูเหมือนจะเป็นยานอนหลับที่ทำให้ทุกคนอยู่หมัด... The bird of chronicle นวนิยายที่เขียนโดยนักเขียนญี่ปุ่นชื่อ มุราคามิ ฮารุกิ บันทึกนกไขลาน เป็นชื่อในภาษาไทย, เขาวางมันลงบนโต๊ะแล้วกลับออกไป...
หนังสือหนาเท่าพจนานุกรมถูกเปิดขึ้นอ่านอย่างเชื่องช้า อ้อยสร้อย... และยานอนหลับก็ออกฤทธิ์ให้หลับไหลไปในสุด
ตีสาม... ตีสามของเมื่อวาน ในการอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ความเวิ้งว้างของห้องกว้างกัดใจกร่อนบางให้ชำรุด... เรามาทำอะไรที่นี่? มาเพื่อรอคอย และจบลงที่รอคอย?
เก็บข้าวของ กดลิฟท์ลงไปชั้นหนึ่ง เดินไปที่รถพร้อมกับ บันทึกนกไขลาน คล้อยหลับในท่ามกลางเสียงลมดึกที่พัดแทรกกระจกซึ่งถูกไขลงเพียงเพื่อหายใจ...
ในตอนเช้า...
เสียงเคาะกระจกก๊อกๆ
อื้อ...ว่างาย งัวเงียในแสงเช้าของวัน
เมื่อคืนนอนนี่เหรอ
อือ...เอ่อ ซีดี เอาคืนมาเถอะ ไม่ให้แล้ว
ลังเล? ทำไมเป็นคนลังเลแบบนี้ วันหน้าวันหลัง จะทำอะไร ตัดสินใจให้แน่นอน
ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ก็คงไม่มา เชื่อเถอะไม่มีใครอยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นอากาศธาตุ แม้ในการรอคอย ในจังหวะแห่งความเงียบนั้น ทางออกที่ดีที่สุดคือการเอ่ยสักประโยค
นี่หนังสือ คืน หนังสือที่เธอคนนั้นให้เขามา ให้ยืม หรือให้เลย แต่เมื่อมันมีเจ้าของมันก็ต้องอยู่กับผู้เป็นเจ้าของ เธอคนนั้นคงไม่ปลื้มนัก หากสิ่งที่เธอตั้งใจมอบให้ใครสักคนแล้วเขายกมันให้กับคนอื่น แม้เพียงแค่ ให้ยืม หรือให้เลย ก็ตามที...
กลับล่ะนะ
อื้อ ขับรถดีๆ ล่ะ บอกลาง่ายดาย และเดินจากไป อย่างไม่ใยดี
แล้วจะมาใหม่ ประโยคเบาหวิวเพียงในลำคอ
เที่ยงสี่สิบห้า โทรศัพท์ดังตอนขับรถหลงทางอยู่บนมอเตอร์เวย์
ดูซีดีแล้ว ขอบคุณนะ แต่คงไม่กล้าให้คนอื่นดู
ถึงบอกไงว่าไม่อยากให้ แต่ก็ช่างเถอะ รู้น่ะว่ามันเป็นเอ็มวีที่ห่วยมาก เพราะใช้เวลานั่งตัดต่อแค่วันละสามชั่วโมงหลังเที่ยงคืน ทำอยู่อาทิตย์นึงได้มั้ง แต่นั่นเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ชิ้นแรกในชีวิตที่ทำเพื่อใครสักคน วางสาย มองป้ายสีเขียวบนหัวก่อนที่จะขับรถผ่าน...
----------------
ตีสาม งัวเงียขึ้นมาในท่ามกลางความสว่างของแสงนีออนบนหัว, ใช่... ไม่เคยปิดไฟนอน ทั้งๆ ที่ไม่ชอบให้แสงแยงตาเวลานอน แต่เพราะความกลัวอย่างไม่สมเหตุสมผลบางอย่างทำให้เปิดไฟนอน จนเคยชิน
ลืมตา นึกถึงชายหนุ่มในบันทึกนกไขลานผู้ที่ลุกขึ้นมารีดเสื้อเชิ้ตตามลำดับขั้นตอน...ทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกหม่นมัว เราไม่เหมือนกัน เพราะอารมณ์นี้ ไม่ใช่อารมณ์อยากรีดเสื้อเชิ้ต ไม่มีความรู้สึกหม่นมัวในใจ แต่เป็นความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ได้ บรรยายไม่ถูก...
ลุกจากเตียง สวมรองเท้าแตะพื้นสาน สายผ้าใยกันชง ของขวัญมิตรภาพจากเพื่อนสาวชาวเหนือ เดินออกมาเปิดประตูหลังบ้าน เปิดไฟ เดินไปเข้าห้องน้ำ ส่องกระจก มองหน้าตัวเองตอนตีสาม... สิบวินาทีไม่เกินนั้น แล้วจึงเดินออกมาเสียบปลั๊กกระทะไฟฟ้าสีแดง ต้มน้ำร้อน
เดินเข้ามาในบ้าน กดปุ่ม เปิดคอมพิวเตอร์ ในเวลานี้คงไม่เป็นที่น่าปลาบปลื้มนักหากจะเปิด เรฟูจี หรือ เมดอินไทยแลนด์หลอนประสาทเพื่อนบ้าน โฟลเดอร์เพลงสากลจึงถูกลากมาวางที่โปรแกรมวินโดว์มีเดียเพลย์เยอร์
California dream in เป็นเพลงแรกที่ถูกกดเปิด เพลงโปรด โปรดถึงโปรดมาก มันเป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง Chunking Express ไม่ใช่เพลงที่มีความหมายใดเป็นพิเศษ มันเพียงแต่มีความไพเราะเป็นพิเศษในบางเวลาที่เหงาดับจิตเท่านั้นเอง
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ยังทำงานตามหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ จบ California Dream in ตามมาด้วยเพลงที่ฟังแล้วชวนเจ็บกระดูกหูอย่าง Nemo -Night wish แล้วก็เพลงในลิสต์อื่นๆ
... Promise Me -Beverley Craven / Miss me blind, Do You Really Want To Hurt Me - Culture Club / The flight of the Bumble Bee - Maksim Mrvica / where you goin now, High Enough -DamnYankees / Hollow Years - Dream Theater / Little Lies - Fleetwood Mac / Crocodile Rock - Elton john / Last Christmas
Dust in the Wind Kansas / When the Children Cry - White lion / Aurora - Vanessa mae / Lahaina mahalo - Ciao Bravo / Kissing A Fool, I can't make you love me - George Michael / Nothin Great About a Heartache - Bad for good / Simply Red / Before The Dawn - Judas Priest
Moonlight Shadow - Mike Old field / Honesty - Billy Joel / Child in Time - Blakemores Night / The Way It Is - Bruce Hornsby / Dont dream it's over - crowded house / From the Inside - Def Leppard / Englishman In New York / Once In A Lifetime - Enigma / say it isn't so - Gareth gates
Morning in Slags Ravine - Joe Hisaishi / Lady of Dreams - Kitaro / Love Is On The Way - Saigon Kick / Rudiger - Mark Knopfler / Space Dye Vest, Pull Me Under -Pipo&Elo / Who Wants to Live Forever - Queen
และปิดท้ายด้วย Too much love will kill you
ในบางครั้งอารมณ์เพลง ก็ไม่ใช่อารมณ์ คาราบาว อย่างที่คุ้นชิน...
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผู้ชายบางคนไม่แน่ใจว่า เธอควรถูกปกป้องดูแล น่าเป็นห่วงเป็นใยหรือ ปล่อยให้เธอเป็นไปดั่งที่เป็นอยู่, เขาไม่อาจเดาอารมณ์และความรู้สึกของเธอออก... เธอ-ในบางคราวกร้าวเกร่งอย่างชายชาตรี และในบางทีอ่อนไหวเพียงจากถ้อยคำเล็กน้อย ก็บาดร้าวลึกลงถึงกลางใจ เธอเหมือนลมทะเล, ลมตะวันออกฤดูมรสุม เกินคาดเดา ยากเข้าใจ
เขาสับสนในมิตรภาพเกินกว่าจะ "วาง" เธอ ไว้ถูกที่ ถูกทาง
----------------
ถ้วยกาแฟถูกวางลงข้างจอมอนิเตอร์ กลิ่นยวนใจ, เธอชอบกลิ่นหอมประหลาดของกาแฟ กาแฟที่ไม่ขมจัดจนเกินไป ไม่หวานเชื่อมชวนบ้วนทิ้ง และไม่จืดชืดเหมือนน้ำล้างถ้วยกาแฟค้างคืน
นึกไปถึงเมื่อวาน เมื่อวาน หลังการรอคอยเนิ่นนานสี่ชั่วโมง เวลานั้นเที่ยงคืน
ไม่ให้กลับนะ ร้อยกิโลเมตรจากนี่ไป ถนนเส้นนั้นไม่มีไฟ ถ้ารถดับ โทรศัพท์ตายกลางทางจะทำยังไง ขึ้นไปนอนข้างบน สภาพมันแย่หน่อยแต่มันก็พอจะเป็นที่ซุกหัวนอนได้บ้างในยามคับขันน่ะ
บางครั้ง ถ้าเป็นคนที่ ใช่ ก็ไม่นานเกินไปหากจะรอ สี่ชั่วโมงจะเป็นไรไป เพราะรู้ว่า
ถ้าเป็นคนคนนี้แล้วก็ย่อมรอได้ ตลอดชีวิต..../
จากคุณ :
ดาริกามณี
- [
14 ก.พ. 50 12:01:18
]