Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    "เราจะข้ามเวลา...มาพบกัน" เรื่องสั้นเรื่องแรกและอาจจะเป็นเรื่องเดียวในชีวิตของผม

    บทแรก ...พบพาน...

    คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม? เชื่อหรือเปล่าว่าถ้าคนสองคนเกิดมาคู่กันแล้ว ต่อให้อยู่คนละฝั่งฟ้า...วันหนึ่ง...จะได้พบเจอ...
    เอาเถอะ!! อย่าเพิ่งตอบผมตอนนี้....ฟังเรื่องของผมก่อน...บางที...คุณอาจจะได้คำตอบที่แตกต่าง
    คืนนั้น....พระจันทร์เต็มดวงสลดเศร้า อยู่ในเงาหมอกควันแห่งอารยธรรมของกรุงเทพฯ
    นิสิตชั้นปีที่ 4 อย่างผม จะเรียนจบหรือไม่จบมันก็ขึ้นอยู่กับการสอบกลางภาคที่จะมาถึงนี่แหละ คุณรู้มั้ย?นิสิตที่อยู่หอพัก ทั้งในและรอบๆมหาวิทยาลัยมีวัฒนธรรมแปลกๆที่ค่อนข้างจะฮิตอยู่อย่างหนึ่ง คือไม่ชอบอ่านหนังสือเตรียมสอบที่ห้องพัก สถานที่สิงสถิตย์ที่นิยมก็ได้แก่ ศูนย์เรียนรวมทั้ง 1,2,และ3 ถ้าคุณเคยผ่านไปในช่วงเตรียมสอบ จะเห็นเหล่านิสิตจับกลุ่มติวหนังสือ และพูดคุยกันอย่างแสนจะรื่นรมย์
    คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่อ่านอยู่ที่ห้องดีๆ เพราะที่ห้องมันสบายเกินไปครับ ผมเองก็เผลอหลับซะเรื่อย ออกมานั่งให้ยุงกัดเล่นๆมันไม่ค่อยง่วงไง
    ทีนี้ถ้าคุณเป็นคนช่างสงสัย ก็อาจจะถามอีกว่า แล้วทำไมต้องติวกันเป็นกลุ่มๆล่ะ ผมตอบได้ครับ เพราะเราจะได้รู้ว่าเพื่อนมันก็ไม่รู้เรื่องเหมือนเราไงครับ พอให้ใจชื้นๆได้บ้างล่ะน่า
    อ๊ะ!!เผลอออกนอกเรื่องไปนิดนึง จริงๆแล้วผมแค่จะบอกว่า ผมก็ชอบไปอ่านหนังสือที่มหาวิทยาลัยเหมือนกัน แต่เนื่องด้วยความขวางโลกระดับปานกลางของผม ผมจึงชอบที่จะอ่านคนเดียวเงียบๆมากกว่า คืนนี้ผมพบที่ดีๆแล้วครับ เป็นซุ้มเล็กๆ ข้างตึกภาควิชาสถิติ บริเวณคณะวิทยาศาสตร์นั่นเอง เงียบจนทำให้คนอื่นขนลุกได้ง่ายๆแหละครับ
    แปลก...ที่ไม่มีใครมาจองที่ตรงนี้ แต่ก็อาจจะเป็นเพราะห่างไปไม่กี่สิบเมตร ใต้ตึกใหม่ของคณะวิทยาศาสตร์มันกว้างและครึกครื้นกว่าล่ะมั้ง
    เชื่อมั้ย? จนวันนี้ผมเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ ว่าคืนนั้นผมถูกหรือผิดที่เลือกที่ตรงนั้น....
    ถูกแล้วครับ ...ผมพบเธอที่นี่แหละ....
    ผมเริ่มด้วยการมองสำรวจต้นไม้ใหญ่ข้างๆซุ้มที่ใครๆก็พูดว่ามันทะมึนมืดน่ากลัว แต่ผมว่ามันสวยแฮะ เงาของกิ่งใบ ที่เกิดจากความมืดกลมกลืนกับแสงสว่างสลัวๆ ถ้ามีกล้องมาด้วยผมถ่ายรูปไปแล้วนะเนี่ย ผมถอนหายใจด้วยความเสียดาย แล้วก็เริ่มอ่านหนังสือ...นานๆก็พักมารบกะยุงเล่นๆซะทีนึง...
    อ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้...อะไรบางอย่างบอกผมว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวในบริเวณนี้อีกแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นมองไปทางลานกว้างที่เชื่อมต่อกับตึกใหม่ เพื่อจะพบอะไรอย่างหนึ่งที่ทำให้หัวใจกระตุกวูบ....
    สาวน้อยคนหนึ่งยืนอยู่กลางลานกว้าง ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นมาจากความมืดตรงนั้นเอง!! เธอหันข้างให้ผม ห่างไปไม่กี่เมตร ใบหน้าสวยแต่โศกศัลย์ลึกซึ้ง แหงนเงยจับจ้องจันทร์ที่เริ่มจะทอแสงสีเงินอย่างเงียบงัน...ราวกับว่ากำลังวิงวอนขออะไรซักอย่างจากเทพีแห่งจันทราผู้ไร้หัวใจ!!
    ผมฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่งตลอดมา ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ ฝันไม่บ่อย แต่ก็ไม่เคยหายไปเลย ฝันเลือนราง ไม่เคยจำได้แม้แต่ใบหน้าเธอ แต่ก็ตื่นขึ้นมาพร้อมหัวใจเต็มตื้น โศกซึ้ง...ตรึงตรา และโหยหารุนแรงจนแทบทนไม่ไหว
    คุณรู้มั้ย? ตอนนี้ผมแทบจะแน่ใจว่าเธอคนนั้นคือคนๆเดียวกับผู้หญิงเบื้องหน้าผมนี่เอง
    ผมเหม่อมองเธอโดยไม่รู้สึกตัว รู้แค่ว่า ผมไม่เคยตั้งอกตั้งใจมองใครอย่างนี้มาก่อน ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่ามันแปลก ที่ในความมืดผมยังเห็นเธออย่างชัดเจน ทุกเส้นสาย ทุกรายละเอียดที่นุ่มนวล กลมกลืน ราวกับเป็นงานปั้นของเทพแห่งศิลปะ
    สิ่งที่ทำให้ผมแทบหยุดหายใจไม่ใช่ความสวย แต่เป็นความเหงาลึกที่แทรกตัวอยู่ในทุกเส้นสายที่ประกอบเป็นเธอ กับความเศร้าที่เข้มข้นจนแทบจะเป็นรูปร่างในบรรยากาศ
    นาน...ราวกัปล์กัลป์ เธอก้มหน้าทอดถอน อ่อนล้า... สิ้นแรง... ผมพลอยทอดถอนเป็นเพื่อนเธอจนเธอเหลียวมามอง แล้วเธอก็สะท้านขึ้นทั้งตัวเมื่อพบว่าผมกำลังมองเธออยู่ (แหม...ผมก็ออกจะหน้าตาดี สะดุ้งยังกะเจอผี...)
    ผมยิ้มให้เธออย่างเขินๆ(ที่ถูกจับได้ว่าแอบมอง)
    แล้วก็ถามแก้เขินว่า "เอ่อ...ทะเลาะกะแฟนมาเหรอ?" (เฮ้ย!! พูดกันคำแรกถามงั้นได้ไงฟระ แต่ก็เผื่อเธอตอบว่าไม่มีแฟนอ่ะนะ แฮ่ๆๆ) ก็เธอดูเศร้าๆนี่นา
    "อะไรนะคะ?" เธอทำหน้างงๆ เอ่อ ...ถ้าพูดตรงๆคือทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ(มุขผมมันเห่ยขนาดนั้นเชียว?)
    ผมเกาหัวแกรกๆ จะพูดอะไรต่อดีหว่า?
    "ก็เราเห็นเธอเศร้าๆ แหม...ไม่ได้ละลาบละล้วง แค่อยากรู้นิดหน่อย"
    ดู๊ดู แม่คุณ!! ยังงงไม่หาย เอาวะเป็นไงเป็นกัน ตามน้ำปายยยยยย
    "ถ้ายังไงเราร้องเพลงอกหักปลอบใจให้เอาป่าว? เราร้องเพราะนา เกือบได้ไป AF ถ้าคุณแม่ไม่จ้างให้ล้มเลิกซะก่อน เพราะกลัวขายหน้าวงศ์ตระกูล แถมยังชม ว่าเสียงคล้ายควายร้องโอเปร่า"
    ครับ!! ผมทำสำเร็จ...เธอยิ้มจนได้ หัวใจผมกระตุกวูบอีกครั้งในอารมณ์ที่ต่างจากครั้งแรกเพราะรอยยิ้มนั้น ผมเพิ่งจะเข้าใจประโยคที่ว่า "วีรบุรุษมากมายยอมทำได้ทุกอย่าง เพื่อแลกกับรอยยิ้มเดียวของหญิงงาม"
    ยิ้มที่เหมือนกับกลีบดอกไม้อ่อนบาง คลี่คลายรับแสงแดดอ่อนละมุน ความมืดหม่นรอบข้าง กลายเป็นน่าพิสมัยเพราะรอยยิ้มเดียว ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองหนักแน่นอย่างไม่เคยเป็น ว่าถ้าจะได้เห็นรอยยิ้มนี้ตลอดไป จะให้ทำอะไรก็ยอม แต่อีกส่วนหนึ่งก็ยังพยายามอย่างอ่อนแรงที่จะปฏิเสธเสียงกระซิบจากหัวใจดวงเดียวกันว่า...อันตราย...
    "เธอเห็นเราด้วยเหรอ?"
    ประโยคแรกหลุดออกมาจากปากเธอ และทำให้ผมงง
    "เอ๊อ...ก็เรามีตา ทำไมจะไม่เห็น?"
    "อื้ม...นั่นสินะ"
    เอ้า...ไหงยอมรับง่ายๆงั้นล่ะ แล้วจะถามทำไมเนี่ย แต่จริงๆผมก็ไม่รู้จะทำไงต่อไปล่ะนะ
    "ทำไมถึงเดินมาทางนี้ล่ะ มืดๆอันตรายออก"
    "แล้วเธอมานั่งอยู่มืดๆนี่ไม่อันตรายเหรอ"
    แน่ะ!! มีย้อน... แต่ผมก็ไม่ค่อยสงสัยเหมือนที่ถามหรอกนะ เธอคงเบื่อๆเลยเดินเล่นออกมาจากใต้ตึกใหม่นั่นแหละ
    เธอพูดต่อลอยๆว่า
    "ก็เพื่อนๆกลับหมดแล้ว เลยมาเดินดูอะไรเล่นๆ ใครจะไปรู้ว่ามีคนอยู่ เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว"
    แน่ะ เหมือนรู้แฮะ แต่แหม...ผมหน้าเหมือนตอไม้หรือไงเนี่ย เธอถึงไม่เห็นผม
    "ถ้ารู้แล้วก็กลับได้แล้วมั้ง อันตรายนา"
    "ก็ทีเธอยังนั่งอยู่ได้เลย หรือจะบอกว่าเธอน่ะแหละตัวอันตราย ?"
    "อ๊ะ!! แน่นอน...หน้าตาแบบเราเนี่ยแหละ อันตรายสำหรับหัวใจอ่อนๆของผู้หญิง"
    ฮ่าๆๆๆ ผมพูดเองยังรู้สึกว่าเสี่ยวเลยนะเนี่ย
    "แหม...ทำไปได้...คิดได้ไงคะ" เธอหยุดคิดนิดหนึ่ง
    "งั้นเรานั่งนี่ด้วยดีกว่า ยังไม่อยากกลับ เธอดูแลเราดีๆล่ะ"
    น้านนนนนน...พูดเองเออเองเสร็จ...แต่ผมจะค้านทำไมล่ะครับพี่น้อง..^ o ^
    ว่าแล้วเธอก็วิ่งตึ๊กๆกลับไปทางตึกใหม่ คงจะไปย้ายสำมะโนครัว เอ๊ย สัมภาระน่ะ
    ไม่ถึง3นาทีก็หอบหนังสือยิ้มร่ากลับมานั่งตรงข้ามกับผมหน้าตาเฉย...เอ้อ ผู้หญิงสมัยนี้เค้าไม่ค่อยกลัวอะไรกันเลยนะ
    "เราชื่อริน รินนรา  คุณองครักษ์ชื่ออะไรค้า"
    "องครักษ์?"
    "ก็องครักษ์พิทักษ์รินไงค้า รับปากแล้วนี่ว่าจะดูแลรินดีๆ"
    "น้าน...องครักษ์ประเทศไหนฟระ บังคับตั้ง...โอเคๆ เรียกเราว่าเมก็ได้"
    "อ๊ะ ชื่อยังกะผู้หญิง"
    ผมยักไหล่
    "ใครๆก็ว่างั้น มาจากเมธาวินไง"
    "อื้มๆ ฟังดูแม๊นแมนเนอะ"
    แหม...องครักษ์จะฆ่าคนที่ต้องดูแลก็อีตอนนี้แหละ....ถ้าไม่ติดว่าน่ารักนะ ฮึ่มๆ ผมเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ ท่ามกลางเสียงหัวเราะสดใส ที่ผมคิดว่าต่อให้ต้องเป็นตัวตลกมากกว่านี้ก็คุ้มแล้ว...
    นี่แหละครับครั้งแรกที่เราเจอกัน...คืนนั้นเราอ่านหนังสือด้วยกัน คุยกันจนเกือบจะเช้า ด้วยความคุ้นเคยราวกับรู้จักกันมานาน บางที...อาจจะนานเกินกว่าที่มนุษย์เดินดินจะรับรู้ได้ นั่นคือความรู้สึกจากส่วนลึกของจิตวิญญาณในตัวผม

    ผมเดินไปส่งเธอที่รถของเธอ และปฏิเสธที่จะนั่งออกไปที่ประตูใหญ่กับเธอเพื่อกลับที่พัก เพราะผมต้องการที่จะเดินท่ามกลางความเงียบ และทบทวนหวนนึกถึงเรื่องราวในคืนนี้อย่างสุขใจ

    จากคุณ : นกราตรี - [ 14 ก.พ. 50 18:50:25 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom