Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    บาปสุภาพบุรุษ

    Concubine’s Sin
    By Vannessia

    “แม้จะรู้ว่าผิด แต่เราก็ยังต้องการซึ่งกันและกัน
    ขอโทษจริงๆสำหรับบาปที่เรายังไม่ยอมเลิกก่อครั้งนี้”

    กรินทร์กอดอกนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาบ่ายสายตากลับมามองอรพินทร์เป็นครั้งคราว หล่อนโทรเรียกเขามาตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว เรื่องที่หล่อนบอกว่าอยากคุยก็ไม่เห็นจะมีอะไรสำหลักสำคัญถึงขนาดต้องเรียกให้เขามาหาขณะกำลังมีงานยุ่ง กรินทร์มองต้นไม้เขียวชะอุ่มข้างนอกนั่นแล้วแอบกังวลที่งานไม่ค่อยคืบหน้า

      ความรู้สึกทุกข์ร้อนกับเรื่องที่อรพินทร์บอกสำคัญตอนนี้ผ่อนคลายลงมากไม่เหมือนตอนที่รับโทรศัพท์  ตอนนั้นน้ำเสียงของหล่อนไม่ดีเลยเขาเป็นห่วงมาก แต่ดูซิพอมาเจอกันหล่อนก็ทำเหมือนไม่ได้ทุกข์ตรมอย่างที่เขาสัมผัสได้ กรินทร์วางขาที่ไขว้ทับกันลง ถอนใจยาวแล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมา อรพินทร์มองการกระทำของเขาอย่างไม่เข้าใจ
    “ผมไม่รู้เรื่องของปองเพื่อนผู้น่ารักของเราสมัยเรียนมหาวิทยาลัยนานแล้ว

    ไม่สนเรื่องการเมือง ไม่เห็นว่าน้ำท่วมที่อเมริกาจะสำคัญจนต้องมานั่งคุยเวลาทำงานอย่างนี้  ถ้าคุณไม่มีอะไรที่น่าห่วงนักผมก็จะกลับ” กรินทร์วางเงินไว้ตรงหน้า อรพินทร์มองเขาอย่างสับสน แววตาของหล่อนเคยทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกเสมอ แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว เรื่องของหล่อนเป็นความเดือดเนื้อร้อนใจ เป็นความสุขอันสุขล้นของเขาตลอดเวลาที่ผ่านมา แล้วมันก็นั้นผ่านไป หล่อนเป็นคนดีที่ปล่อยให้ตัวเองลังเลอยู่ที่ปากทางแยกของผู้ชายสองคนนานเหลือเกิน

    ความพยายามที่จะให้มีบาดแผลระหว่างคนสามคนน้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้กลับกลายเป็นมีดแหลมคมทิ่มแทงคนภักดีอย่างเขา กรินทร์จมกองโลหิตแห่งอาดูรอยู่นานกว่าจะสามารถประคองตัวเองลุกขึ้นอีกครั้ง หล่อนไม่รู้หรอกว่าการปล่อยเวลาไว้นานขนาดนั้นทำให้เขาที่รักหล่อนมากมายพยายามสุดสามารถเพื่อครอบครองหัวใจ ถึงจะไม่มีความหวังแต่ยังฝันลมแล้ง ในความริบหรี่ยังบอกให้ตัวเองสู้เสมอ ทว่าความพยายามทั้งหลายเสียเปล่าในขณะที่หัวใจของหล่อนกับเขาอีกคนกลับได้รับการพิสูจน์ลึกซึ้ง

    แม้รู้สึกเหมือนถูกทำร้าย แม้รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง แต่กรินทร์ก็อวยพรให้ทั้งคู่ไปดี ส่วนเขาไปตามทางที่คิดว่าเหมาะสมสำหรับตน ความเจ็บปวดที่ยังคั่งค้างทำให้น้ำตาร่วงในคืนวันเปลี่ยวเหงา แล้ววันหนึ่งเขาก็พบสิ่งที่ใกล้เคียงความรัก ความคิดถึงที่มีต่ออรพินทร์จึงค่อยเจือจางลง ที่ผู้คนพูดกันว่าความรักนั่นแหละที่จะทำให้ลืมความรักนั้นจริงแท้แค่ไหน ยังต้องดูกันต่อไป...

    “ คุณไม่ห่วงฉันแล้วเหรอ” อรพินทร์กัดปากสวยของหล่อน ดวงตาของหล่อนเพิ่งฉายแววเดือดร้อน กรินทร์มองแล้วต้องถอนใจหนัก หัวใจของเขายังคงอ่อนแอกับหล่อน ถึงทำใจได้แต่พอเห็นคนเคยรักไม่สบายใจก็พาลเป็นไปด้วย

    “ผมห่วงคุณ แต่ทำอย่างไงได้ คุณแต่งงานแล้ว ผมไม่อยากให้สามีของคุณไม่สบายใจที่เรายังเจอกันเสมอ เราทั้งหมดแม้จะบาดหมางกันไปบ้างแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกัน”
    “คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว ฉันไม่ได้เรียกคุณมาเพื่อคุณเรื่องไร้สาระน่ารำคาญพวกนั้น แต่ฉันตั้งต้นไม่ถูก”
    “ไม่เห็นยากอะไรแค่พูดในสิ่งที่อยากพูด ผมเป็นเพื่อนเสมอจำได้ไหม”

    “ฉันพูดไม่ถูก เพราะขายหน้า”
    “เพราะอะไรถึงขายหน้า”
    “ฉันถูกนอกใจ” อรพินทร์จ้องตาของกรินทร์ ดวงตาของหล่อนกล่ำแดงน้ำใสหล่อรื้นจนร่วงไล้ใบหน้า กรินทร์เห็นความเจ็บปวดมากมายพุ่งพล่านอยู่ในเม็ดลำไยดำขลับคู่นั้น  อารมณ์บอบช้ำผุดกับใจของเขาในวินาที นี่ล่ะหนาบัวที่ยังมีเยื่อใย

    “สมน้ำหน้าฉันเสียซิ หัวเราะก็ได้ เอาเลย” อรพินทร์พยักหน้ายิ้มหยันตัวเอง กรินทร์ชักเท้าที่เก้าออกไปกลับมา
    “คุณก็รู้ว่า ผมไม่มีวันทำอะไรนอกเสียจากเสียใจกับคุณ” กรินทร์เลื่อนมือไปแตะมือหญิงคนสำคัญในอดีต
    “เขาทำกับฉันอย่างนั้นได้อย่างไง” อรพินทร์ยกมือป้ายน้ำตา

    “เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า” กรินทร์รู้สึกหายใจขัด นี่หรือความทุกข์ทรมานของคนที่รักกัน เห็นแล้วสะใจฤาก็เปล่าเย้ยหยันฤาก็ไม่อยาก หากเขาเป็นพวกชอบเอาคืนคงดีไม่น้อย เพราะเรื่องนี้ชดเชยให้วันเก่าๆของเขาได้แน่ๆ ถึงเวลาที่อรพินทร์จะเข้าใจเขาอย่างซาบซึ้งเสียที ความปวดร้าวที่ถูกละทิ้ง กรินทร์ถอนใจเบาๆ ใครจะทำแบบนั้นได้  หัวใจของเขา...ไม่ปรารถนาให้ความรักของหล่อนย่อยยับ แม้กระผีกก็ขออย่าเป็นริ้วรอย ความรักที่ผ่านสิ่งต่างๆมาด้วยกันสวยงามเสมอ

    เขาไม่อยากให้ช่วงใดช่วงหนึ่งของความรักของหล่อนกับคนรักต้องพานพบกับความล้าอ่อนหัวใจ แม้จะเคยแอบร้องไห้ด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเขาคนเดียวที่ร้าวราน แต่ก็นั่นแหละตอนนี้ไม่รู้สึกข้องใจหมองหม่นเช่นนั้นอีกแล้ว  เรื่องที่ตัวเองเคยลิ้มรสจนกระอักให้เขาคนเดียวดีกว่าที่เป็นไป    นี่ไม่ใช่คำนึงของพ่อพระแต่อย่างใดจริงๆ
    “ไม่มีอะไรหรอก ดนัยเขารักคุณที่สุด” กรินทร์ยิ้มหนักแน่น

    “ฉันจ้างนักสืบ สืบมานานแล้วค่ะ แน่ใจว่าเขามีใครอีกคนแน่ๆ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครเท่านั้น”
    “นักสืบเลยเหรอ”
    “ฉันไม่มีทางเลือกมากเท่าไหร่ คิดทีไรก็รู้สึกงี่เง่ากับตัวเองเหมือนกัน”
    “ผมถามคุณสักข้อ”
    “ค่ะ”
    “ตอนที่ยังไม่รู้กับตอนที่รู้ตอนไหนทุกข์ใจกว่ากัน”
    “ตอนนี้ซิ”


    “รู้สึกเสียดายตอนที่ยังไม่รู้แทนจัง” กรินทร์เปลี่ยนจากการแตะมือเป็นกุมมือของอรพินทร์ไว้
    “หมายความว่าอย่างไร”
    “ตอนที่ยังไม่รู้ความบริสุทธิ์ใจได้ขับเคลื่อนชีวิตคู่อย่างมีชีวิตชีวา คุณไม่ชอบความสุขสบายแบบนั้นซิท่าถึงหาหอกมาทิ่มแทงหัวใจตัวเอง ถามหน่อยเถอะรู้ไปแล้วได้อะไรนอกจากเจ็บปวดและสุดท้ายก็ชิงชัง”
    “คนทรยศไม่ควรลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่เกิดรอยร้าวในสัมพันธ์หรอกนะ”

    “เรื่องที่เกิดยังไม่แน่ด้วยซ้ำ นักสืบยังไม่เจอตัวชู้รักของดนัยเลยคุณจะคาดโทษว่าเขาทรยศไม่ได้ รอยร้าวอะไรนั่นอาจเป็นแค่จินตนาการของคุณคนเดียว ถ้าสมมติว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นล่ะ ไม่เท่ากับทำลายตัวเองหรือ”
    “คุณนี่ยังมองโลกในแง่ดีเสมอเลยนะ จำได้ว่าคุณมักจะบอกให้ฉันมองโลกด้วยคำว่าอีกตั้ง...ไม่ใช่แค่... วลีพวกนั้นช่วยพยุงหัวใจฉันเวลาท้อแท้นะ ทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่เลือกคุณ” อรพินทร์บีบมือตอบกรินทร์


    “พูดแบบนั้นเดี๋ยวผมก็มีความหวังลุกขึ้นมาต่อกรกับดนัยต่อหรอก ถึงตอนนั้นดนัยอาจตั้งข้อหนักว่าผมตั้งใจทำครอบครัวคนอื่นแตกแยก”กรินทร์ขยิบตา อรพินทร์หัวเราะแววตาที่หม่นแสงดูสดใสขึ้น กรินทร์มองริมฝีปากที่คลี่ตึงด้วยรอยยิ้มแล้วแสลงหัวใจ เขารักแทบตายไม่มีโอกาสได้แตะต้อง แต่คนที่ได้สัมผัสลึกซึ้งอย่างดนัยกลับนำสัมผัสนั้นไปแจกจ่ายให้คนอื่น

    “ที่เรียกคุณมาวันนี้ก็ไม่ใช่แค่มีปรับทุกข์อย่างเดียว ยังมีอีกเรื่อง” อรพินทร์หยุดยิ้มจ้องหน้ากรินทร์จริงจัง
    “หือ” กรินทร์ตาโต สะดุดใจกับคำของหล่อน
    “รู้มาว่า โครงการของบริษัทของดนัยว่าจ้างบริษัทของคุณทำแลนสเคปให้”

    “ใช่” กรินทร์ยกแก้วน้ำเย็นขึ้นจิบ ความเย็นลื่นจากคอจนถึงอก
    “สองคนทำงานร่วมกันอยู่ใช่เปล่า”
    “อืม คุณเคยมาหาดนัยที่ไซด์งานตั้งหลายครั้งนี่นา”
    “ตอนนั้นมันยังไม่รู้นี่นา” สายตาอรพินทร์เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง กรินทร์เลื่อนมือกลับมาวางตรงหน้าตัวเอง
    “จะหาว่าฉันทำอะไรไปไม่มีเหตุผลก็ไม่ถูกหรอกนะ ก่อนหน้านั้นฉันเจอสิ่งผิดปกติมากพอที่จะเข้าใจแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นน้ำหอมที่ไม่เคยมีในบ้านของเรา การ์ดอวยพรที่ไม่ลงชื่อที่บอกว่ารักเหลือเกิน การกลับบ้านที่ตรงเวลาแต่คุยโทรศัพท์ในที่ที่ฉันอยู่ไม่ได้  อีเมล์ที่อ่านแล้วต้องรีบลบทิ้ง สัมมนาที่ไม่เคยมีในตารางของบริษัทฯ” อรพินทร์ย่นคิ้วดวงตาเรื่อแดงขึ้นมาอีกครั้ง

    จากคุณ : vannessia - [ 15 ก.พ. 50 16:25:22 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom